พระเมตตาของพระเยซูเจ้า

จงบอกมนุษยชาติที่กำลังเจ็บป่วย ให้เข้ามาใกล้หัวใจอันเมตตาของเรา แล้วเราจะประทานสันติภาพให้แก่มนุษยชาติ พระเมตตาของเราไม่มีวันสิ้นสุดเลย

พระวาจาวันอาทิตย์ที่ 22 ธันวาคม 2024 เตรียมรับเสด็จพระคริสตเจ้าสัปดาห์ที่ 4

           หลังจากนั้นไม่นาน พระนางมารีย์ทรงรีบออกเดินทางไปยังเมืองหนึ่งในแถบภูเขาแคว้นยูเดีย พระนางเสด็จเข้าไปในบ้านของเศคาริยาห์และทรงทักทายนางเอลีซาเบธ เมื่อนางเอลีซาเบธได้ยินคำทักทายของพระนางมารีย์ บุตรในครรภ์ก็ดิ้น นางเอลีซาเบธได้รับพระจิตเจ้าเต็มเปี่ยม ร้องเสียงดังว่า “เธอได้รับพระพรยิ่งกว่าหญิงใด ๆ และลูกของเธอก็ได้รับพระพรด้วย ทำไมหนอพระมารดาขององค์พระผู้เป็นเจ้า จึงเสด็จมาเยี่ยมข้าพเจ้า เมื่อฉันได้ยินคำทักทายของเธอ ลูกในครรภ์ของฉันก็ดิ้นด้วยความยินดี เธอเป็นสุขที่เชื่อว่า พระวาจาที่พระเจ้าตรัสแก่เธอไว้จะเป็นจริง”
(ลูกา 1:39-45)








วันจันทร์ที่ 30 กันยายน พ.ศ. 2567

ปีศาจกลัวศีลมหาสนิท


ในวีดีโอนี้ ปีศาจที่สิงอยู่ในผู้ชายเสื้อเขียว,เมื่อเข้าใกล้ศีลมหาสนิทก็ล้มลงและชักดิ้นพร้อมทั้งส่งเสียงหอน

เราเคยอ่านในพระวรสารว่า เมื่อพระเยซูเทศน์สอนในศาลาธรรมที่คาเปอร์นาอุม ชายคนหนึ่งถูกปีศาจเข้าสิง เขาร้องตะโกนว่า ท่านมายุ่งกับเราทำไม เยซู ชาวนาซาเร็ธ... พระเยซูทรงดุปีศาจและตรัสสั่งให้ปีศาจออกจากชายผู้นั้น ปีศาจเมื่อทำให้ชายผู้นั้นล้มลงชักและร้องเสียงดังแล้ว มันก็ออกไปจากเขา(มาระโก 1:21)

เหตุการณ์ในวีดีโอนี้ดูเหมือนจะตรงกับเรื่องราวในพระวรสาร

เรื่องนี้เตือนเราว่า พระเยซูทรงอยู่ในศีลมหาสนิทอย่างแท้จริง ผู้ที่จะเข้าไปรับศีลมหาสนิทจึงต้องมีความเคารพ และเขาต้องอยู่ในพระหรรษทานของพระเจ้า ไม่มีบาปหนัก มิฉะนั้นการรับศีลของเขาก็จะไม่เกิดประโยชน์ พระเยซูจะไม่ประทับอยู่กับเขาอย่างแน่นอน ซ้ำยังจะเป็นการซ้ำเติมโทษทัณท์ของเขาเพิ่มอีกด้วย

วันอาทิตย์ที่ 29 กันยายน พ.ศ. 2567

วันเสาร์ที่ 28 กันยายน พ.ศ. 2567

วันศุกร์ที่ 27 กันยายน พ.ศ. 2567

พระธรรมชาติของพระเยซูเจ้า


ทำไมพระเยซูจึงตรัสว่าพระบิดาของเราทรงยิ่งใหญ่กว่าพระองค์ ในพระคัมภีร์ ยอห์น 14:28 พระเยซูตรัสว่า “ท่านได้ยินที่เราบอกกับท่านแล้วว่า เรากำลังจะไป และเราจะกลับมาหาท่านทั้งหลาย ถ้าท่านรักเรา ท่านคงยินดีที่เรากำลังไปเฝ้าพระบิดา เพราะพระบิดาทรงยิ่งใหญ่กว่าเรา”

บางคนแปลข้อความนี้ว่า พระเยซูไม่ใช่พระเจ้า เพราะพระองค์ไม่เทียบเท่าพระบิดาผู้ทรงยิ่งใหญ่ที่สุด อย่างไรก็ตาม การแปลเช่นนี้ขัดแย้งกับความจริงทางเทววิทยาเกี่ยวกับพระธรรมชาติสองอย่างของพระเยซูเจ้า พระเยซูทรงเป็นทั้งพระเจ้าและมนุษย์อย่างสมบูรณ์ในเวลาเดียวกัน เมื่อพระองค์ตรัสว่า พระบิดาทรงยิ่งใหญ่กว่าเรา นั้น พระองค์ตรัสจากพระธรรมชาติมนุษย์ของพระองค์ ไม่ใช่ธรรมชาติพระเจ้า  ในฐานะมนุษย์,พระเยซูทรงมีประสบการณ์ ความหิวโหย,ความกระหายและความโศกเศร้า,ซึ่งพระธรรมชาติพระเจ้าไม่มีประสบการณ์เช่นนี้ ตัวอย่างเช่น พระเยซูทรงร้องไห้ขณะทอดพระเนตรกรุงเยรูซาเล็ม และทรงหิวโหยเมื่อทรงอดอาหารในถิ่นทุรกันดารเป็นเวลาสี่สิบวัน สิ่งเหล่านี้เป็นประสบการณ์ในธรรมชาติมนุษย์ของพระองค์ แต่ในธรรมชาติพระเจ้า,พระเยซูทรงแสดงอัศจรรย์ ทำให้คนตายกลับฟื้นคืนชีพ,ขับไล่ปีศาจออกจากคนที่มันสิง พระธรรมชาติพระเจ้าของพระเยซูเจ้าทรงเทียบเท่ากับพระบิดา แต่ในธรรมชาติมนุษย์,พระเยซูทรงรับรู้ถึงบทบาทอันยิ่งใหญ่ของพระบิดา คริสตศาสนาสอนว่า พระเจ้าได้ลงมาบังเกิดเป็นมนุษย์ในองค์พระเยซูเจ้า ใม่ใช่มนุษย์กลายเป็นพระเจ้า   เพราะฉะนั้นเมื่อพระเยซูตรัสว่า พระบิดาทรงยิ่งใหญ่กว่าเรา พระองค์จึงระบุถึงธรรมชาติมนุษย์อันเนื่องมาจากการเสด็จมาบังเกิดเป็นมนุษย์ของพระองค์และไม่ได้ทรงปฏิเสธความเป็นพระเจ้าของพระองค์   พระองค์ตรัสเพื่อแสดงว่าทรงรับรู้ถึงขีดจำกัดในธรรมชาติความเป็นมนุษย์ของพระองค์เมื่อเปรียบเทียบกับธรรมชาติพระเจ้าของพระองค์  

วันพฤหัสบดีที่ 26 กันยายน พ.ศ. 2567

สาส์นแม่พระ 25 ก.ย. 2024

สาส์นแม่พระประทานแก่ มารีจา 25 ก.ย. 2024
ลูกที่รักทั้งหลาย
         ด้วยความรักต่อลูกทั้งหลาย,พระเจ้าจึงทรงส่งแม่มาอยู่ท่ามกลางลูก,เพื่อรักลูกและกระตุ้นจิตใจของลูกให้กลับใจและสวดภาวนาเพื่อสันติภาพในตัวลูกเอง,ในครอบครัวของลูกและในโลก  
          ลูกน้อยทั้งหลาย,อย่าลืมว่าสันติภาพที่แท้จริงมาจากการสวดภาวนาต่อพระเจ้าเท่านั้น พระผู้ทรงเป็นสันติภาพของลูก  
          ขอขอบใจที่ตอบสนองเสียงเรียกของแม่           
            ***************
ประกาศจากสมณกระทรวงแห่งความเชื่อ โดยได้รับความยินยอมจากพระสันตะปาปาฟรังซิส อนุมัติให้แสดงความศรัทธาที่เชื่อมโยงกับเมดจูกอเรจ์ได้ โดยยอมรับผลลัพท์ทางจิตวิญญาณอันอุดมสมบูรณ์ที่ได้รับจากศาสนสถานราชินีแห่งสันติภาพ โดยไม่ต้องประกาศเกี่ยวกับสิ่งเหนือธรรมชาติที่มีการอ้างถึง 
            ***************
ประกาศเพิ่มเติม - วาสุลา ไรเดน ได้เสียชีวิตแล้วเมื่อวันที่ 25 กันยายน 2024 เวลา 2.30 น. 
วาสุลา ไรเดน ผู้ที่ได้รับสาส์นจากพระเยซูเจ้าและพระแม่มารีย์ เธอได้เขียนสาส์นเหล่านั้นในหนังสือชื่อ “ชีวิตแท้ในพระเจ้า”(True Life in God) 

วันพุธที่ 25 กันยายน พ.ศ. 2567

ซีโมน เฮเรติกคนแรก


โดยนักบุญอัลฟอนโซ เดอ ลิโกวรี

ซีโมน มากัส เฮเรติกคนแรกที่ก่อกวนพระศาสนจักร เขาเกิดในเขตสะมาเรียที่เรียกว่ากีธอนหรือกิตธิส(Githon or Gitthis) เขาถูกเรียกว่ามากัส(Magus) หรือผู้ทำเวทมนตร์ เพราะเขาใช้เวทมนตร์คาถาเพื่อหลอกลวงประชาชน และด้วยเหตุนี้ เขาจึงได้รับฉายาพิเศษในหมู่ชาวเมืองว่า “อานุภาพยิ่งใหญ่ของพระเจ้า” (กิจการ 8:10) “ชายผู้นี้คือพระอานุภาพของพระเจ้าผู้ยิ่งใหญ่” เมื่อเขาเห็นว่าบุคคลที่อัครสาวกเปโตรและยอห์นวางมือบนศีรษะ,บุคคลนั้นก็ได้รับพระจิต ซีโมนจึงเสนอเงินให้อัครสาวกเพื่อทำให้เขามีอำนาจในการถ่ายทอดพระจิตในลักษณะเดียวกัน และด้วยเหตุนี้ ความผิดอันน่ารังเกียจของการขายสิ่งศักดิ์สิทธิ์จึงถูกเรียกว่า ซีโมนี(Simony) เขาเดินทางไปโรมและมีการสร้างรูปปั้นให้เขาในเมืองนั้น ซึ่งนักบุญจัสตินได้พูดต่อหน้าชาวโรมันเกี่ยวกับซีโมน(ในการพูดในที่สาธารณะครั้งแรกของท่า) โดยนักบุญกล่าวว่า “ในเมืองหลวงของพวกท่าน เขา (ซีโมน) ได้รับการยกย่องว่าเป็นพระเจ้า และมีการสร้างรูปปั้นให้เขาบนเกาะไทเบอร์ ระหว่างสะพานทั้งสองแห่ง โดยมีจารึกภาษาละตินว่า “SIMONI, DEO SANCTO” (ซีโมน พระเจ้าผู้ศักดิ์สิทธิ์) ซีโมนได้พูดผิดพลาดไว้หลายประการ ซึ่งโนเอล อเล็กซานเดอร์(Noel Alexander)ได้กล่าวถึงและหักล้างไว้ ข้อผิดพลาดหลักๆ คือ เขาบอกว่าโลกถูกสร้างขึ้นโดยเหล่าทูตสวรรค์ เมื่อวิญญาณออกจากร่างกาย มันจะเข้าไปในร่างกายอื่น ซึ่งหากเป็นความจริง นักบุญอิเรเนียสกล่าวว่า วิญาณจะระลึกถึงทุกสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่ออยู่ในร่างกายเดิม เพราะความทรงจำซึ่งเป็นคุณสมบัติของวิญญาณนั้นไม่สามารถแยกออกจากวิญญาณได้ ข้อผิดพลาดอีกประการหนึ่งของซีโมนคือข้อผิดพลาดที่ถูกเปิดเผยโดยเฮเรติกในสมัยของเราเอง นั่นคือ มนุษย์ไม่มีจิตอิสระหรือเจตจำนงเสรี และ ดังนั้นการทำความดีจึงไม่มีความจำเป็นต่อความรอด บารอนเนียสและเฟลอรี(Baronius and Fleury)เล่าว่าด้วยพลังของมนตร์สะกด เขาได้ทำให้ปีศาจยกเขาขึ้นไปในอากาศในวันหนึ่ง แต่เมื่อนักบุญเปโตรและนักบุญเปาโลซึ่งอยู่ที่นั่นด้วยและได้เรียกขานพระนามพระเยซูคริสต์ เขาก็ตกลงมาและขาหักทั้งสองข้าง เพื่อนๆของเขาพาเขาไป แต่ความทุกข์ทางร่างกายและจิตใจของเขาทำให้เขาต้องตกที่นั่งลำบากอย่างมาก จนเขาต้องกระโดดลงมาจากหน้าต่างที่สูงด้วยความสิ้นหวัง และด้วยเหตุนี้ เฮเรติกคนแรกที่ก่อกวนพระศาสนจักรแห่งพระคริสต์จึงเสียชีวิต 

วันอังคารที่ 24 กันยายน พ.ศ. 2567

ปีศาจกลัวแม่พระมาก



โทมัส เอ. เคมปิส(Thomas a Kempis) ผู้ประพันธ์หนังสือจำลองแบบพระคริสต์,ยืนยันว่า “ปิศาจเกรงกลัวราชินีแห่งสวรรค์ถึงขนาดที่เมื่อได้ยินพระนามอันยิ่งใหญ่ของพระนาง พวกมันจะบินหนีจากผู้ที่เรียกพระนามนั้นราวกับว่ากำลังหนีจากไฟที่กำลังลุกไหม้” พระแม่มารีย์ทรงเปิดเผยแก่นักบุญบริจิตเองว่า “ไม่มีคนบาปคนใดบนโลกนี้ ถึงแม้ว่าเขาจะปราศจากความรักของพระเจ้าก็ตาม ปิศาจจะบินหนีจากเขาทันที หากเขาเรียกพระนามศักดิ์สิทธิ์ของพระนางด้วยความมุ่งมั่นที่จะกลับใจ” ในอีกโอกาสหนึ่ง พระนางทรงกล่าวซ้ำเรื่องเดียวกันนี้กับนักบุญโดยกล่าวว่า “ปิศาจทุกตัวเคารพและเกรงกลัวพระนามของพระนางถึงขนาดที่เมื่อได้ยินพระนามนั้น พวกมันจะคลายกรงเล็บที่มันจับวิญญาณไว้ทันที” พระแม่มารีย์ทรงบอกกับนักบุญบริจิตว่า “ในลักษณะเดียวกับที่ทูตสวรรค์ผู้กบฏบินหนีจากคนบาปที่เรียกพระนามของพระนางมารีย์ ทูตสวรรค์ที่ดีก็เข้าใกล้วิญญาณที่ชอบธรรมที่เรียกพระนามของพระนางด้วยความศรัทธาเช่นกัน”  
 ----------------

โอ้ พระแม่มารีย์ผู้ทรงได้รับพระพร ผู้ทรงเป็นคนกลางประทานพระหรรษทาน โปรดวิงวอนพระบุตรศักดิ์สิทธิ์ของพระนางให้ทรงช่วยเหลือวิญญาณในไฟชำระ โดยเฉพาะวิญญาณที่กำลังทำการชดใช้บาปอย่างรุนแรงจากการไม่ให้เกียรติและแสดงความดูถูกพระนางตลอดชีวิตของพวกเขา ขอให้พระโลหิตอันล้ำค่าของพระเยซูทรงชำระล้างมลทินฝ่ายวิญญาณของพวกเขา โปรดทรงปลดปล่อยพวกเขาจากพระพิโรธอันชอบธรรมของพระองค์ และทรงประทานความสงบสุขแก่พวกเขาในที่ซึ่งแสงสว่างจากพระพักตร์ของพระองค์ส่องสว่าง อาแมน † 

ขอสรุปด้วยบทภาวนาอันอ่อนโยนของนักบุญบอนาเวนเจอร์: 

“โอ พระแม่มารีย์ ลูกวิงวอนพระแม่ เพื่อพระเกียรติแห่งพระนามของพระแม่ โปรดเสด็จมายังลูกด้วยในเวลาที่กำลังจะจากโลกนี้ไป และโปรดรับวิญญาณนั้นไว้ในอ้อมแขนของพระนางเทอญ” อาแมน †