Pages
พระเมตตาของพระเยซูเจ้า
จงบอกมนุษยชาติที่กำลังเจ็บป่วย ให้เข้ามาใกล้หัวใจอันเมตตาของเรา แล้วเราจะประทานสันติภาพให้แก่มนุษยชาติ พระเมตตาของเราไม่มีวันสิ้นสุดเลย
พระวาจาวันอาทิตย์ที่ 22 ธันวาคม 2024 เตรียมรับเสด็จพระคริสตเจ้าสัปดาห์ที่ 4
  หลังจากนั้นไม่นาน พระนางมารีย์ทรงรีบออกเดินทางไปยังเมืองหนึ่งในแถบภูเขาแคว้นยูเดีย พระนางเสด็จเข้าไปในบ้านของเศคาริยาห์และทรงทักทายนางเอลีซาเบธ เมื่อนางเอลีซาเบธได้ยินคำทักทายของพระนางมารีย์ บุตรในครรภ์ก็ดิ้น นางเอลีซาเบธได้รับพระจิตเจ้าเต็มเปี่ยม ร้องเสียงดังว่า “เธอได้รับพระพรยิ่งกว่าหญิงใด ๆ และลูกของเธอก็ได้รับพระพรด้วย ทำไมหนอพระมารดาขององค์พระผู้เป็นเจ้า จึงเสด็จมาเยี่ยมข้าพเจ้า เมื่อฉันได้ยินคำทักทายของเธอ ลูกในครรภ์ของฉันก็ดิ้นด้วยความยินดี เธอเป็นสุขที่เชื่อว่า พระวาจาที่พระเจ้าตรัสแก่เธอไว้จะเป็นจริง”
(ลูกา 1:39-45)
พระวาจาวันอาทิตย์ที่ 22 ธันวาคม 2024 เตรียมรับเสด็จพระคริสตเจ้าสัปดาห์ที่ 4
  หลังจากนั้นไม่นาน พระนางมารีย์ทรงรีบออกเดินทางไปยังเมืองหนึ่งในแถบภูเขาแคว้นยูเดีย พระนางเสด็จเข้าไปในบ้านของเศคาริยาห์และทรงทักทายนางเอลีซาเบธ เมื่อนางเอลีซาเบธได้ยินคำทักทายของพระนางมารีย์ บุตรในครรภ์ก็ดิ้น นางเอลีซาเบธได้รับพระจิตเจ้าเต็มเปี่ยม ร้องเสียงดังว่า “เธอได้รับพระพรยิ่งกว่าหญิงใด ๆ และลูกของเธอก็ได้รับพระพรด้วย ทำไมหนอพระมารดาขององค์พระผู้เป็นเจ้า จึงเสด็จมาเยี่ยมข้าพเจ้า เมื่อฉันได้ยินคำทักทายของเธอ ลูกในครรภ์ของฉันก็ดิ้นด้วยความยินดี เธอเป็นสุขที่เชื่อว่า พระวาจาที่พระเจ้าตรัสแก่เธอไว้จะเป็นจริง”
(ลูกา 1:39-45)
วันอังคารที่ 15 ตุลาคม พ.ศ. 2567
วันจันทร์ที่ 14 ตุลาคม พ.ศ. 2567
ครบรอบ 107 ปีการประจักษ์ที่ฟาติมา
วันที่ 13 ตุลาคม 1917 --- แม่พระทรงประจักษ์มาที่ฟาติมาเป็นครั้งที่หกและเป็นครั้งสุดท้าย --- และเกิดอัศจรรย์แห่งดวงอาทิตย์ขึ้น หรือเรียกอีกอย่างว่า อัศจรรย์แห่งฟาติมา ...
ในคืนวันที่ 12-13 ตุลาคม ฝนตกทั่วพื้นจนเปียกโชกและผู้แสวงบุญที่เดินทางมาจากทุกทิศทุกทางสู่ฟาติมานับหมื่นคน พวกเขาเดินทางมาโดยเท้า รถลาก และแม้กระทั่งรถยนต์ เข้าสู่แอ่งน้ำโควาเดอลาเรีย ซึ่งปัจจุบันยังคงผ่านหน้าจัตุรัสขนาดใหญ่ของมหาวิหาร จากที่นั่น พวกเขาเดินลงมาตามทางลาดที่ลาดเอียงเล็กน้อยไปยังสถานที่ที่มีการสร้างเสาและคานข้ามต้นโอ๊กขนาดเล็กๆ ปัจจุบัน บริเวณดังกล่าวมี Capelhina (โบสถ์น้อย) ที่สร้างขึ้นมีกระจกและเหล็กแบบสมัยใหม่ ล้อมรอบโบสถ์น้อยแห่งแรกที่สร้างขึ้นที่นั่นและรูปปั้นแม่พระแห่งสายประคำแห่งฟาติมาซึ่งเคยเป็นที่ตั้งของต้นโอ๊กขนาดเล็ก
ส่วนเด็กๆเดินทางไปที่โควาเดอลาเรียแล้ว พระแม่มารีย์ทรงสัญญาว่าจะมาถึงตอนเที่ยง เมื่อดวงอาทิตย์ขึ้นถึงจุดสูงสุด พระแม่มารีย์ก็ประจักษ์มาตามที่บอกไว้
ลูซีอาถามแม่พระ --- "ท่านจะบอกชื่อของท่านให้ฉันทราบได้ไหมคะ?"
พระแม่มารีย์ตอบว่า --- "เราคือพระแม่มารีย์แห่งสายประคำ"
ลูซีอาถามต่อ --- "ลูกมีคำร้องขอมากมายจากหลายๆคน ท่านจะอนุญาตหรือไม่คะ?"
พระแม่มารีย์ตอบว่า --- "แม่จะอนุญาตบ้าง และปฏิเสธบ้าง ผู้คนต้องแก้ไขชีวิตของตนและขออภัยโทษสำหรับบาปของตน พวกเขาต้องไม่ทำให้พระเจ้าของเราขุ่นเคืองอีกต่อไป เพราะพระองค์ทรงขุ่นเคืองพระทัยมากเกินไปแล้ว!"
เมื่อพระแม่แห่งสายประคำทรงลอยขึ้นไปทางทิศตะวันออก พระนางทรงหันฝ่ามือไปทางท้องฟ้า ขณะที่ฝนหยุดตกแล้ว เมฆดำยังคงบดบังดวงอาทิตย์อยู่ ทันใดนั้นดวงอาทิตย์ก็ทะลุผ่านเมฆและมองเห็นเป็นแผ่นเงินที่หมุนวนอย่างนุ่มนวล
“ดูดวงอาทิตย์!” --- ลูซีอาบอกกับฝูงชน
จากจุดนี้ ภาพที่ปรากฏมีสองแบบที่แตกต่างกัน คือ ปรากฏการณ์ของดวงอาทิตย์ที่ผู้ชมราว 70,000 คนเห็น และปรากฏการณ์ที่เด็ก ๆ เท่านั้นที่เห็น ลูซีอาบรรยายปรากฏการณ์หลังนี้ในบันทึกความทรงจำของเธอ
หลังจากที่พระแม่มารีย์ทรงหายลับไปในระยะไกลของท้องฟ้า เราเห็นนักบุญยอแซฟกับพระกุมารเยซูและพระแม่มารีย์ที่สวมชุดสีขาวมีผ้าคลุมสีน้ำเงินอยู่ข้างๆ ดวงอาทิตย์ นักบุญยอแซฟและพระกุมารเยซูดูเหมือนจะอวยพรโลก เพราะพวกเขาใช้มือทำเครื่องหมายไม้กางเขน เมื่อไม่นานต่อมา พระแม่มารีย์ก็หายไป ฉันเห็นพระเยซูเจ้าและพระแม่มารีย์ ดูเหมือนพระเยซูเจ้าจะทรงอวยพรโลกในลักษณะเดียวกับที่นักบุญยอแซฟทรงทำ พระแม่มารีย์ก็หายไปเช่นกัน และฉันได้เห็นพระแม่มารีย์อีกครั้ง คราวนี้มีรูปร่างเหมือนพระแม่มารีย์แห่งคาร์เมล [มีเพียงลูเซียเท่านั้นที่เห็นภาพสุดท้ายนี้ ซึ่งเป็นสิ่งบอกเหตุว่าเธอกำลังจะเข้าในคณะคาร์เมลในอีกหลายปีต่อมา
วันอาทิตย์ที่ 13 ตุลาคม พ.ศ. 2567
รู้สึกท้อแท้เมื่อแพ้ต่อการประจญหรือ?
เมื่อใดก็ตามที่เราล้มลง เราก็ควรวิ่งเหมือนเด็กน้อยเข้าสู่อ้อมอกอันเปี่ยมด้วยความรักของพระเจ้า
>>>อ่านต่อ
วันเสาร์ที่ 12 ตุลาคม พ.ศ. 2567
วันศุกร์ที่ 11 ตุลาคม พ.ศ. 2567
วันพฤหัสบดีที่ 10 ตุลาคม พ.ศ. 2567
คุณค่าของความทุกข์
คณพ่อปีโอ เป็นผู้ที่ได้รับพระพรฝ่ายจิตจากสวรรค์และท่านมีความเข้าใจในชีวิตฝ่ายจิตอย่างลึกซึ้ง ในฐานะที่ท่านเป็นพระสงฆ์นักพรตในคณะกาปูชิน การปฏิบัติศาสนกิจของท่านโดดเด่นด้วยการสวดภาวนาและความศรัทธา ท่านได้รับความทุกข์ทรมานตลอดเวลา ท่านได้รับแผลของการตรึงกางเขนของพระเยซูเจ้า และท่านได้รับความทุกข์ทรมานจากรอยแผลเหล่านั้น ท่านยังถูกปีศาจโจมตีด้วย ข้อความด้านล่างมาจากประสบการณ์ของคุณพ่อปีโอ ซึ่งสอนเราว่าความทุกข์ทรมานของเรามีคุณค่ามหาศาลเมื่อรวมกับพระมหาทรมานของพระผู้ช่วยให้รอดของเราและด้วยความอ่อนน้อมถ่อมตน ต่อไปนี้เป็นคำพูดของท่านเกี่ยวกับความทุกข์
ยิ่งคุณทุกข์ทรมานมากเท่าไร พระเจ้าก็ยิ่งรักคุณมากขึ้นเท่านั้น
เมื่อเราทุกข์ทรมาน พระเยซูจะอยู่ใกล้เรามากขึ้น
พายุที่กำลังโหมกระหน่ำรอบตัวคุณจะกลายเป็นความรุ่งโรจน์ของพระเจ้า, เป็นบุญกุศลของคุณเอง, และเพื่อประโยชน์ของวิญญาณมากมาย”
การเสียสละทุกอย่างและความดีทุกอย่างที่คุณได้ทำนั้นจะมุ่งตรงไปที่พระเจ้าเพื่อการชำระล้างบาปของทุกคน”
การอุทิศตนอย่างแท้จริงและจริงจังประกอบด้วยการรับใช้พระเจ้าโดยไม่รับการปลอบประโลมใดๆ นี่หมายถึงการรับใช้และรักพระเจ้าเพื่อเห็นแก่องค์พระผู้เป็นเจ้าเอง”
ความเจ็บปวดที่แทบทนไม่ไหวเมื่ออยู่ในความทุกข์นั้นยังห่างไกลจากไม้กางเขนมากนัก แต่เมื่อได้มอบความเจ็บปวดจากความทุกข์ให้เข้าใกล้ไม่กางเขนของพระเยซูเจ้าแล้ว มันช่างให้ความอ่อนหวานยิ่งนัก
ถ้าเรามุ่งมั่นที่จะรักพระเยซูอย่างจริงจัง สิ่งนี้จะขับไล่ความกลัวทั้งหมดออกไปจากหัวใจของเราแล้ววิญญาณจะพบว่าแทนที่จะเป็นการเดินไปในหนทางของพระเยซู,มันกลายเป็นการบินไป
- คุณพ่อปีโอ
วันพุธที่ 9 ตุลาคม พ.ศ. 2567
คุณพ่อปีโอขับไล่ปีศาจ
เมื่อสตรีคนหนึ่งซึ่งถูกปีศาจเข้าสิงบุกเข้าไปในซานโจวันนี คุณพ่อปีโอเดินเข้าไปหาเธออย่างใจเย็นและสามารถขับไล่ปีศาจนั้นออกไปได้
นักบุญคุณพ่อปีโอ มีความเชื่อในพระเจ้าอย่างพิเศษ ทำให้ท่านสามารถกระทำอย่างใจเย็นได้เมื่อปีศาจพยายามทำให้ท่านกลัว
เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นบ่อยครั้ง และในบางครั้ง ผู้ที่โดนผีสิงก็จะเข้าไปในโบสถ์ที่ซานโจวันนี รอตตันโด
ผู้เขียน C. Bernard Ruffin เล่าเรื่องต่อไปนี้ในหนังสือของเขา Padre Pio: The True Story
การรักษาอาการถูกปีศาจสิง
ตามที่ Ruffin เล่า "คุณพ่อ John Schug (1928–2002) เมื่อเขาสัมภาษณ์พระสงฆ์อาวุโสที่ซานโจวันนีไม่กี่ปีหลังจากการเสียชีวิตของคุณพ่อปีโอ, ได้ยินมาว่ามีสตรีคนหนึ่งที่ดูไม่เพียงแต่มีปัญหาทางจิตเท่านั้น ใบหน้าของเธอบิดเบี้ยวอย่างน่ากลัว และดวงตาของเธอมีประกายแวววาวจนผู้คนเริ่มวิ่งหนีด้วยความหวาดกลัว 'ฉันเป็นเจ้าของโบสถ์แห่งนี้!' เธอกรีดร้อง
เมื่อหญิงคนนั้นเห็นรูปของนักบุญไมเคิล อัครทูตสวรรค์ เธอพูดว่า “แกไม่ได้ชนะ ข้าชนะ!”
เธอก่อความวุ่นวายขึ้นในโบสถ์จนดึงดูดความสนใจของคุณพ่อปีโอ ซึ่งกำลังฟังสารภาพบาปอยู่
ท่านออกจากห้องสารภาพบาปและผู้ดูแลโบสถ์ก็ขอร้องให้ท่านอย่าไป คุณพ่อปีโอตอบว่า “อย่ากลัว...เรากลัวปีศาจตั้งแต่เมื่อไร”
คุณพ่อปีโอเดินเข้ามาหาเธอและพูดว่า “ออกไปจากที่นั่น!”
เธอเริ่มวิงวอนคุณพ่อปีโอว่า “อย่าส่งข้าออกไปเลย อย่าส่งข้าออกไปเลย!”
ท่านบอกให้เธอไปนั่งรอที่นั่นจนกว่าท่านจะฟังสารภาพบาปเสร็จ
[จากนั้น] ท่านพบว่าผู้หญิงคนนั้นนั่งเงียบๆ ท่านจึงพาเธอไปที่ห้องสารภาพบาป เมื่อเธอออกจากห้องสารภาพบาป “ใบหน้าของเธอเหมือนทูตสวรรค์”
นักบุญคุณพ่อปีโอ เชื่อมั่นอย่างเต็มที่ในพลังของการสารภาพบาป และแม้กระทั่งทุกวันนี้ พระสงฆ์ผู้ขับไล่ปีศาจยังคงแนะนำให้สารภาพบาปบ่อยๆ เพื่อป้องกันไม่ให้พลังของซาตานมีอิทธิพลต่อบุคคลใดๆ
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)