พระเมตตาของพระเยซูเจ้า

จงบอกมนุษยชาติที่กำลังเจ็บป่วย ให้เข้ามาใกล้หัวใจอันเมตตาของเรา แล้วเราจะประทานสันติภาพให้แก่มนุษยชาติ พระเมตตาของเราไม่มีวันสิ้นสุดเลย

พระวาจาวันอาทิตย์ที่ 22 ธันวาคม 2024 เตรียมรับเสด็จพระคริสตเจ้าสัปดาห์ที่ 4

           หลังจากนั้นไม่นาน พระนางมารีย์ทรงรีบออกเดินทางไปยังเมืองหนึ่งในแถบภูเขาแคว้นยูเดีย พระนางเสด็จเข้าไปในบ้านของเศคาริยาห์และทรงทักทายนางเอลีซาเบธ เมื่อนางเอลีซาเบธได้ยินคำทักทายของพระนางมารีย์ บุตรในครรภ์ก็ดิ้น นางเอลีซาเบธได้รับพระจิตเจ้าเต็มเปี่ยม ร้องเสียงดังว่า “เธอได้รับพระพรยิ่งกว่าหญิงใด ๆ และลูกของเธอก็ได้รับพระพรด้วย ทำไมหนอพระมารดาขององค์พระผู้เป็นเจ้า จึงเสด็จมาเยี่ยมข้าพเจ้า เมื่อฉันได้ยินคำทักทายของเธอ ลูกในครรภ์ของฉันก็ดิ้นด้วยความยินดี เธอเป็นสุขที่เชื่อว่า พระวาจาที่พระเจ้าตรัสแก่เธอไว้จะเป็นจริง”
(ลูกา 1:39-45)








วันจันทร์ที่ 4 พฤศจิกายน พ.ศ. 2567

ไฟชำระเป็นอย่างไร?


พระเจ้าข้า และหากไม่ทรงคัดค้าน ข้าพเจ้าขอชำระล้างร่างกายเสียก่อนดีกว่า’
>>>อ่านต่อ

วันอาทิตย์ที่ 3 พฤศจิกายน พ.ศ. 2567

วันเสาร์ที่ 2 พฤศจิกายน พ.ศ. 2567

วันศุกร์ที่ 1 พฤศจิกายน พ.ศ. 2567

การสู้รบฝ่ายจิต


ขณะนี้มีการต่อสู้ฝ่ายจิตกำลังเกิดขึ้น ซึ่งเราทุกคนต่างก็มีส่วนร่วม ทุกคนต้องเข้าใจว่ามีองค์ประกอบสำคัญที่เดิมพันอยู่ในการต่อสู้ครั้งนี้สำหรับผู้ชายและผู้หญิงทุกคน ทุกคนมีส่วนร่วมในการต่อสู้ทางจิตวิญญาณนี้ และมันไม่ใช่การต่อสู้ของเนื้อหนังและเลือด แต่เป็นการต่อสู้ของจิตวิญญาณ เรากำลังต่อสู้อยู่กับพลังอำนาจฝ่ายจิต สิ่งมีชีวิตฝ่ายจิต ที่มีอิทธิพลต่อเราและล่อลวงให้เราทำชั่ว พวกมันพยายามฝังรากลึกสิ่งชั่วร้ายในจิตใจของเราเพื่อให้เราทำสิ่งที่ผิด

 เราได้เรียนรู้แล้วว่ากองกำลังชั่วร้ายเหล่านี้ต้องการทำลายทั้งร่างกายของเรา,และที่สำคัญยิ่งกว่าคือทำลายจิตวิญญาณของเรา พวกมันอยากเห็นเราใช้ชีวิตนิรันดร์ในนรกกับพวกมัน และต้องทนทุกข์ทรมานพร้อมกับมัน พวกมันจะทำทุกวิถีทางเพื่อทำลายการสร้างสรรค์ของพระเจ้า สงคราม, อาชญากรรม, ความเกลียดชังของประเทศหนึ่งที่มีต่ออีกประเทศหนึ่ง สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นการบงการของซาตาน

 ปีศาจโกรธพระเจ้าและอิจฉาที่พระเจ้าทรงรักเรา พวกมันโกรธแค้นทุกสิ่งที่พระเจ้ารัก พวกมันโกรธแค้นและสิ้นหวังเมื่อตระหนักว่าท้ายที่สุดแล้วพวกมันจะต้องพ่ายแพ้ แต่ระหว่างนั้นพวกมันก็ยังคงโวยวายด้วยความโกรธเกรี้ยวและทำทุกวิถีทางเพื่อทำลายทุกสิ่งที่พระเจ้ารักและให้คุณค่า

วันพฤหัสบดีที่ 31 ตุลาคม พ.ศ. 2567

บรูโนและศพที่ร้องคร่ำครวญ


ในปี ค.ศ. 1084 เรย์มอนด์ ดีโอเครส(Raymond Diocrès) ศาสตราจารย์คนหนึ่งเสียชีวิตที่ปารีส ในงานศพของเขามีผู้เข้าร่วมหลายร้อยคนเนื่องจากเขามีชื่อเสียงในด้านความรู้และความศักดิ์สิทธิ์อย่างเห็นได้ชัด เมื่อคณะนักร้องประสานเสียงมาถึงบริเวณห้องทำงานของผู้ตายและร้องเพลงที่มีเนื้อความว่า: “ความผิดและบาปของฉันคืออะไร? ความผิดและบาปของฉันถูกเปิดเผยแก่ฉัน!” ทันใดนั้นศพก็ลุกขึ้นนั่งและคร่ำครวญด้วยน้ำเสียงสิ้นหวัง: “ตามคำพิพากษาของพระเจ้า ฉันถูกกล่าวหา ถูกตัดสิน และถูกสาปแช่ง” ดูเหมือนว่าเรย์มอนด์มีบาปที่ซ่อนอยู่ ผู้ที่เข้าอยู่ในห้องนั้นด้วยคือ บรูโน ฮาร์เทนฟอสท์ (Bruno Hartenfaust)ซึ่งเป็นลูกศิษย์ของผู้ตาย เขาตกใจกับเหตุการณ์นี้และตัดสินใจออกจากชีวิตที่ฟุ่มเฟือยและใช้ชีวิตอย่างยากจนและสันโดษ บรูโนได้เป็นนักบุญบรูโนแห่งโคโลญในปัจจุบัน


วันพุธที่ 30 ตุลาคม พ.ศ. 2567

จิตที่ต้องหลีกเลี่ยง


มีจิตสองอย่างที่คุณต้องหลีกเลี่ยง

 จิตอันแรกคือ จิตของโลก นักบุญเปาโลได้เขียนจดหมายถึงคริสตชนในเมืองโครินทร์ เตือนพวกเขาให้ปฏิเสธจิตของโลกและยอมรับพระจิตผู้ทรงเปิดเผยความจริงและประทานมาจากพระเจ้า 1โครินทร์ 2:12 เขียนว่า “เรามิได้รับจิตของโลก แต่รับพระจิตซึ่งมาจากพระเจ้า เพื่อให้รู้ถึงสิ่งต่างๆซึ่งพระเจ้าประทานแก่เรา” ในจดหมายอีกฉบับหนึ่งของนักบุญยอห์นได้เตือนเกี่ยวกับจิตของความรักทางโลก 1ยอห์น 2:15-17 เขียนว่า “จงอย่ารักโลก และสิ่งที่อยู่ในโลกเลย ถ้าผู้ใดรักโลก ความรักของพระบิดาก็ไม่อยู่ในตัวเขา เพราะทุกสิ่งที่อยู่ในโลก ได้แก่ ความมัวเมาในโลกีย์ ความโลภอยากได้ทุกสิ่ง และความหยิ่งทะนงโอ้อวดในทรัพย์สมบัติ ล้วนไม่ได้มาจากพระบิดา แต่มาจากโลกทั้งสิ้น และโลกพร้อมกับความมัวเมาในโลกีย์ของโลกนั้น กำลังผ่านพันไป แต่ผู้ที่ทำตามพระประสงค์ของพระเจ้า จะดำรงอยู่ตลอดนิรันดร”

 ในเมืองคาร์เปอนาอุม,พระเยซูเจ้าทรงรักษาผู้หญิงคนหนึ่งที่ถูกปีศาจสิงทำให้เจ็บป่วยเป็นเวลานานถึง 18 ปี ในลูกา 13:16 พระเยซูตรัสว่า “หญิงผู้นี้เป็นบุตรหญิงของอับราฮัม ซึ่งซาตานล่ามไว้เป็นเวลาสิบแปดปีแล้ว ไม่สมควรที่จะถูกแก้จากพันธนาการนี้ในวันสับบาโตด้วยหรือ” เรื่องนี้สอนให้เราระวังตัวต่อจิตของโลกที่ต้องการผูกมัดเราไว้กับมัน และเราต้องไว้วางใจในพระเยซูผู้ทรงปลดปล่อยเราให้เป็นอิสระ

 ในสมัยของกษัตริย์เอฮับ,กษัตริย์แห่งอิสราแอล,มีจิตแห่งการหลอกลวงทำงานอยู่ ประกาศกมีมีคายาห์,ประกาศกของพระเจ้า,เปิดเผยให้กษัตริย์รู้ถึงจิตที่หลอกลวงประกาศกของพระองค์ให้ทำนายเท็จ โดยพวกเขาบอกกษัตริย์ว่าพระองค์จะชนะในสงคราม แต่มีคายาห์ทำนายในทางตรงกันข้ามตามนิมิตที่ได้รับจากพระเจ้า ใน 1พงศ์กษัตริย์ 22:22 จิตตนนั้นทูลพระเจ้าว่า “ข้าพเจ้าจะไปทำให้ประกาศกทุกคนของเขา(กษัตริย์)พูดเท็จ” เรื่องนี้เดือนให้เราอย่าหลงเชื่อผู้ทำนายเท็จที่มีจิตแห่งการหลอกลวง

วันอังคารที่ 29 ตุลาคม พ.ศ. 2567

อาดัมและโนอาห์


ความคล้ายกันระหว่างอาดัมและโนอาห์เป็นเรื่องที่น่าสนใจมากเช่นเดียวกัน ทั้งสองคนเป็นมนุษย์คนแรกของเผ่าพันธุ์มนุษย์ในการสร้างของพระเจ้า ในทั้งสองคนนี้พระเจ้าทรงย้ำว่ามนุษย์ถูกสร้างให้เป็นภาพลักษณ์และคล้ายกับพระเจ้า และพระองค์ทรงอวยพรเขาและทรงสั่งให้เขามีลูกหลานมากมาย โนอาห์ปลูกสวนองุ่น เช่นเดียวกับที่พระเจ้าทรงปลูกพืชพันธ์ในสวนเอเดน และสั่งให้อาดัมดูแลพืชพันธิ์และสิ่งสร้างทั้งหลาย อาดัมได้กินผลไม้ที่พระจ้าทรงห้ามและตาของเขาก็เปิดออก ทำให้เขารู้ดีรู้ชั่วและเขารู้ตัวว่ากำลังเปลือยเปล่าอยู่ เขาจึงเอาใบไม้มาปกคลุมร่างกาย ส่วนโนอาห์ได้ดื่มเหล้าไวน์ที่ทำจากองุ่นในสวนของเขา ทำให้เขาเมามายและนอนเปลีอยกายอยู่ในกระโจม(ปฐ.9:21) คาม,ลูกชายคนที่สองมองเห็นโนอาห์เปล่าเปลือยและไม่ได้ช่วยอะไร แต่ไปบอก เชมและยาเฟท,ลูกชายอีกสองคนของโนอาห์ เชมและยาเฟทถือเสื้อผ้าเดินถอยหลังมาปกคลุมร่างกายของโนอาห์โดยไม่มองดูโนอาห์เลย เมื่อโนอาห์รู้ตัวจึงได้พูดสาปแช่งคาม ส่วนลูกชายอีกสองคนได้รับการอวยพร เช่นเดียวกัน,อาดัมและเอวา,หลังจากทำผิดต่อพระเจ้าก็ถูกสาปแช่ง