พระเมตตาของพระเยซูเจ้า

จงบอกมนุษยชาติที่กำลังเจ็บป่วย ให้เข้ามาใกล้หัวใจอันเมตตาของเรา แล้วเราจะประทานสันติภาพให้แก่มนุษยชาติ พระเมตตาของเราไม่มีวันสิ้นสุดเลย

พระวาจาวันอาทิตย์ที่ 19 ตุลาคม 2025 ต้องอธิษฐานภาวนาอยู่เสมอ

          พระเยซูเจ้าทรงเล่าเรื่องอุปมาเรื่องหนึ่งแก่บรรดาศิษย์เพื่อสอนว่าจำเป็นต้องอธิษฐานภาวนาอยู่เสมอโดยไม่ท้อถอย พระองค์ตรัสว่า ‘ผู้พิพากษาคนหนึ่งอยู่ในเมืองหนึ่ง เขาไม่ยำเกรงพระเจ้าและไม่เกรงใจมนุษย์ผู้ใด หญิงม่ายคนหนึ่งอยู่ในเมืองนั้นด้วย นางมาพบเขาครั้งแล้วครั้งเล่าพูดว่า “กรุณาให้ความยุติธรรมแก่ดิฉันสู้กับคู่ความเถิด” ผู้พิพากษาผู้นั้นไม่ยอมทำตามที่นางขอร้องจนเวลาผ่านไประยะหนึ่ง จึงคิดว่า “แม้ว่าฉันไม่ยำเกรงพระเจ้าและไม่เกรงใจมนุษย์ผู้ใด แต่เพราะหญิงม่ายผู้นี้มาทำให้ฉันรำคาญ ฉันจึงจะให้นางได้รับความยุติธรรม เพื่อมิให้นางรบเร้าฉันอยู่ตลอดเวลา”’ องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสว่า ‘จงฟังคำที่ผู้พิพากษาอธรรมคนนั้นพูดซิ แล้วพระเจ้าจะไม่ประทานความยุติธรรมแก่ผู้เลือกสรรที่ร้องหาพระองค์ทั้งวันทั้งคืนดอกหรือ พระองค์จะไม่ทรงช่วยเขาทันทีหรือ เราบอกท่านทั้งหลายว่าพระองค์จะประทานความยุติธรรมแก่เขาโดยเร็ว แต่เมื่อบุตรแห่งมนุษย์เสด็จมา จะทรงพบความเชื่อในโลกนี้หรือ’
(ลูกา 18:1-8)








วันอังคารที่ 4 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2568

คำเตือนของคุณพ่อบอสโก


ในปี 1847 คุณพ่อบอสโกได้กล่าวตักเตือนเด็กๆของท่านอย่างอบอุ่นโดยเตือนพวกเขาถึงการหลอกลวงของปีศาจ

มีกับดักสองอย่างที่ปีศาจใช้เพื่อทำให้เด็กๆขาดกำลังใจที่จะพยายามเป็นคนดี

กับดักแรกคือการปลูกฝังความคิดที่ว่าการเชื่อฟังพระบัญญัติของพระเจ้าหมายถึงการมีช่วงเวลาที่น่าเบื่อและไม่มีความสนุกสนาน กับดักที่สองคือการทำให้พวกเขามีความหวังในชีวิตที่ยืนยาว โดยใส่ความคิดว่าพวกเขาสามารถแก้ไขชีวิตของตนเองได้เสมอเมื่อแก่ตัวลง หรือเมื่อความตายเข้ามาคุกคาม

ระวังให้ดีเยาวชนที่รักของพ่อ,เพราะหลายคนถูกหลอกด้วยวิธีนี้ ใครสามารถรับประกันได้ว่าลูกจะมีชีวิตถึงวัยชรา? เราต่อรองกับความตายให้รอจนกว่าเราจะแก่ได้หรือ? ชีวิตและความตายอยู่ในพระหัตถ์ของพระเจ้า และพระองค์จะจัดการกับสิ่งเหล่านี้ตามที่พระองค์ทรงเห็นสมควร

อย่าปล่อยให้ปีศาจจูงจมูกลูกได้

วันจันทร์ที่ 3 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2568

วันอาทิตย์ที่ 2 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2568

ทำไมพระเจ้าประทานจิตใจอิสระให้แก่มนุษย์


คำตอบ : จิตใจอิสระเกี่ยวข้องกับความรัก ถ้าพระเจ้าบังคับให้มนุษย์ต้องรักพระองค์ นั่นไม่ใช่ความรักที่แท้จริง พระเจ้าทรงต้องการความรักที่แท้จริงและความสัมพันธ์ที่จริงใจของมนุษย์ และนั่นหมายถึงมนุษย์ต้องเลือกด้วยตนเองที่จะรักพระองค์

พระคัมภีร์กล่าวไว้ในบุตรสิรา 15:14-17 “พระองค์ทรงเนรมิตมนุษย์แต่แรกเริ่ม ทรงปล่อยให้เขาตัดสินใจด้วยตนเอง 15ถ้าท่านต้องการ ท่านก็ปฏิบัติตามบทบัญญัติได้ ท่านจะซื่อสัตย์ต่อพระองค์หรือไม่ขึ้นอยู่กับท่าน 16พระองค์ทรงวางน้ำกับไฟไว้ต่อหน้าท่าน ท่านต้องการสิ่งใดก็จงยื่นมือหยิบด้วยตนเอง 17ทั้งชีวิตและความตายอยู่ต่อหน้ามนุษย์ เขาเลือกสิ่งใดก็จะได้รับสิ่งนั้น”

เฉลยธรรมบัญญัติ 30:19 “ข้าพเจ้าเสนอให้ท่านเลือกชีวิตหรือความตาย เลือกคำอวยพรหรือคำสาปแช่ง จงเลือกชีวิตเถิด เพื่อท่านและบุตรหลานของท่านจะมีชีวิต”

พระเจ้าทรงตั้งชีวิตและความตาย คำอวยพรและคำสาปแช่ง ไว้ต่อหน้าเราขึ้นอยู่กับเราที่จะต้องเลือก

แต่พระเจ้าไม่ได้ทรงประทานจิตใจอิสระเพื่อให้เกิดความล้มเหลว พระองค์ประทานจิตใจอิสระให้กับเรา เพราะพระองค์ไว้ใจเรา พระองค์ทราบว่าเราอาจจะเลือกผิดได้ในบางครั้ง แต่พระเจ้าทรงรอเวลาที่เราจะเลือกพระองค์ ในโยชูอา 24:15 โยชูอาพูดกับชาวยิวว่า “ถ้าท่านรังเกียจที่จะรับใช้พระยาห์เวห์ วันนี้ จงเลือกว่าท่านต้องการรับใช้พระเจ้าองค์ใด...ส่วนข้าพเจ้าและครอบครัวของข้าพเจ้าจะรับใช้พระยาห์เวห์”

วันเสาร์ที่ 1 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2568

นักบุญเทเรซา แห่งอาวิลลา หยุดสวดภาวนา


ฉันเริ่มหมกมุ่นอยู่กับงานอดิเรกอันแล้วอันเล่า ในความไร้สาระครั้งแล้วครั้งเล่า
>>>อ่านต่อ

วันศุกร์ที่ 31 มกราคม พ.ศ. 2568

ประโยชน์ของการเฝ้าศีลมหาสนิท


บุญราศี ไดนา เบแลนเจอร์ (Bl.Dina Belanger 1897-1929)วันหนึ่งในช่วงเวลาการเฝ้าศีลมหาสนิท,พระเยซูทรงแสดงให้ไดนาเห็นวิญญาณจำนวนมากมายที่กำลังอยู่บนขอบเหวของนรก หลังจากเสร็จสิ้นการเฝ้าศีล,พระเยซูทรงแสดงให้เห็นวิญญาณเหล่านั้นอยู่ในพระหัตถ์ของพระเจ้า พระเยซูทรงบอกเธอว่า โดยอาศัยการสวดภาวนาในเวลาเฝ้าศีลมหาสนิท,วิญญาณจำนวนมากมายได้ไปสู่สวรรค์ วิญญาณซึ่งควรจะต้องตกนรก เพราะบุคคลหนึ่งสามารถทดแทนสิ่งที่ขาดหายไปในชีวิตของผู้อื่นได้ด้วยการได้รับพระหรรษทานอันมีค่าที่มีประสิทธิภาพเพื่อพวกเขา

วันพฤหัสบดีที่ 30 มกราคม พ.ศ. 2568

พระศาสนจักรในประเทศจีน


คริสต์ศาสนาคาทอลิกมาถึงประเทศจีนในศตวรรษที่ 7 Alopen พระสงฆ์ในคณะ Nestorian ได้นำคริสตศาสนามาสู่ประเทศจีนโดยผ่านทางเส้นทางสายไหม

ในปี 1924 พระสงฆ์คณะฟรังซิสกันชาวอิตาลี John of Montecorvino เป็นมิชชันนารีคาทอลิกคนแรกที่มาประเทศจีน ท่านได้สร้างโบสถ์ขึ้นที่ Khanbaliq (ปัจจุบันคือปักกิ่ง) และทำให้เจ้าหน้าที่ชาวจีนชนชั้นสูงกลับใจ

ในปี 1582 แมทธีโอ ริชชี่(Matteo Ricci) มิชชันนารีคณะเยซูอิตได้มาถึงประเทศจีนในรัชสมัยราชวงศ์หมิง

ในปี 1685 เกรโกรี่ ลู่ วานเฉา(Gregory Luo Wenzao) เป็นพระสังฆราชคาทอลิกชาวจีนคนแรก
ในปี 1692 จักรพรรดิคังซีได้ออกคำสั่งให้ยอมรับคริสตศาสนาในประเทศจีน

ระหว่างปี 1706-1723 จักรพรรดิคังซีได้ถอนการสนับสนุนคริสตศาสนา อันเนื่องมาจากมีข้อถกเถียงเกี่ยวกับจารีตประเพณีจีนดั้งเดิม

มีพระศาสนจักรสองประเภทที่อยู่ภายใต้การปกครองระบอบคอมมิวนิสต์ คือ พระศาสนจักรผู้รักชาติ (พระศาสนจักรบนดิน)และ พระศาสนจักรที่ยังจงรักภักดีต่อสันตะสำนัก (พระศาสนจักรใต้ดิน)

จำนวนชาวคาทอลิกมีอัตราเพิ่มขึ้นต่อเนื่องกันมายาวนาน 200 ปี แต่ในเวลานี้,อัตราเพิ่มขึ้นได้ลดลงจากอดีต

ปัจจุบันมีชาวคาทอลิกในประเทศจีน 10 ล้านคนตามสถิติในปี 2020

มีการทำนายว่าจำนวนคาทอลิกจะเพิ่มขึ้นในปี 2030 ประมาณ 200 ล้านคน

ตามรายงานของ Phil Nobles, ประชากรจีนมีประมาณ 1,400 ล้านคน ชาวจีนคาทอลิก 10 ล้านคน เป็นเพียง 00.71% ของประชากรชาวจีนเท่านั้น ไม่ถึง 1% ด้วยซ้ำ

เมื่อพิจารณาจากจำนวนประชากรแล้ว ฟิลิปปินส์มีชาวคาทอลิก 80% หรือ 93 ล้านคนจากประชากรทั้งหมด 115 ล้านคน นั่นจึงเป็นเหตุผลว่าทำไมฟิลิปปินส์จึงเป็นประเทศคาทอลิกที่ใหญ่เป็นอันดับ 3 ของโลก

ขอให้เราสวดภาวนาเพื่อพระศาสนจักรคาทอลิกในประเทศจีน

วันพุธที่ 29 มกราคม พ.ศ. 2568

ทูตสวรรค์เป็นความจริง


ท่านนักบุญเทเรซาบอกเราว่า ทูตสวรรค์เป็นความจริง ท่านเป็นครูอาจารย์ฝ่ายจิตที่พระเจ้าทรงส่งมาเพื่อทำให้ความเชื่อของเราเข้มแข็ง บัดนี้มาฟังเรื่องนิมิตที่พิเศษมากของนักบุญเทเรซาแห่งอาวิลาเถิด

“ฉันเห็นทูตสวรรค์องค์หนึ่งอยู่ข้างๆฉัน,ทางด้านซ้ายของฉัน,โดยมีร่างกาย เขามีรูปร่างเล็กและสวยงามมาก ใบหน้าดูน่าหลงใหล เขาดูเหมือนจะเป็นหนึ่งในทูตสวรรค์ที่สูงสุดผู้ซึ่งมีเปลวไฟแห่งความรัก

ฉันเรียกเขาว่า เครูบิม เพราะเขาไม่เคยบอกชื่อของเขาให้ฉันทราบ แต่ฉันเห็นอย่างชัดเจนในสวรรค์ถึงความแตกต่างระหว่างทูตสวรรค์กลุ่มหนึ่งกับอีกกลุ่มหนึ่งซึ่งฉันไม่สามารถอธิบายเป็นคำพูดได้ และฉันเห็นทูตสวรรค์องค์นั้นกำลังถือหอกทองคำยาวในมือ และปลายหอกดูเหมือนจะเป็นเปลวไฟ เขาได้แทงหอกนั้นทะลุหัวใจของฉัน และเมื่อเขาดึงหอกออกไป,ดูเหมือนจะดึงเอาหัวใจออกมาด้วย ทำให้ฉันอยู่ในเปลวไฟแห่งความรักอันยิ่งใหญ่ต่อพระเจ้า ความเจ็บปวดเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วทำให้ฉันส่งเสียงคร่ำครวญเป็นเวลานานและความหวานชื่นที่เกิดจากความเจ็บปวดอย่างแสนสาหัสนั้นช่างแสนหวานยิ่งนักจนไม่ปรารถนาให้หลุดพ้นจากมันได้ วิญญาณของฉันไม่สามารถพอใจอะไรได้นอกจากพระเจ้า มันไม่ใช่ความเจ็บปวดฝ่ายร่างกายแต่เป็นฝ่ายวิญญาณ ถึงแม้ว่าร่างกายจะมีส่วนรับรู้สึกด้วยไม่มากก็น้อย มันเป็นความเจ็บปวดที่น่ายินดี และวิญญาณใช้มันอย่างดีที่สุดไม่ใช่เพื่อสิ่งใดนอกจากเพื่อพระเจ้าเท่านั้น”