พระเมตตาของพระเยซูเจ้า

จงบอกมนุษยชาติที่กำลังเจ็บป่วย ให้เข้ามาใกล้หัวใจอันเมตตาของเรา แล้วเราจะประทานสันติภาพให้แก่มนุษยชาติ พระเมตตาของเราไม่มีวันสิ้นสุดเลย

พระวาจาวันอาทิตย์ที่ 19 ตุลาคม 2025 ต้องอธิษฐานภาวนาอยู่เสมอ

          พระเยซูเจ้าทรงเล่าเรื่องอุปมาเรื่องหนึ่งแก่บรรดาศิษย์เพื่อสอนว่าจำเป็นต้องอธิษฐานภาวนาอยู่เสมอโดยไม่ท้อถอย พระองค์ตรัสว่า ‘ผู้พิพากษาคนหนึ่งอยู่ในเมืองหนึ่ง เขาไม่ยำเกรงพระเจ้าและไม่เกรงใจมนุษย์ผู้ใด หญิงม่ายคนหนึ่งอยู่ในเมืองนั้นด้วย นางมาพบเขาครั้งแล้วครั้งเล่าพูดว่า “กรุณาให้ความยุติธรรมแก่ดิฉันสู้กับคู่ความเถิด” ผู้พิพากษาผู้นั้นไม่ยอมทำตามที่นางขอร้องจนเวลาผ่านไประยะหนึ่ง จึงคิดว่า “แม้ว่าฉันไม่ยำเกรงพระเจ้าและไม่เกรงใจมนุษย์ผู้ใด แต่เพราะหญิงม่ายผู้นี้มาทำให้ฉันรำคาญ ฉันจึงจะให้นางได้รับความยุติธรรม เพื่อมิให้นางรบเร้าฉันอยู่ตลอดเวลา”’ องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสว่า ‘จงฟังคำที่ผู้พิพากษาอธรรมคนนั้นพูดซิ แล้วพระเจ้าจะไม่ประทานความยุติธรรมแก่ผู้เลือกสรรที่ร้องหาพระองค์ทั้งวันทั้งคืนดอกหรือ พระองค์จะไม่ทรงช่วยเขาทันทีหรือ เราบอกท่านทั้งหลายว่าพระองค์จะประทานความยุติธรรมแก่เขาโดยเร็ว แต่เมื่อบุตรแห่งมนุษย์เสด็จมา จะทรงพบความเชื่อในโลกนี้หรือ’
(ลูกา 18:1-8)








วันอังคารที่ 18 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2568

เมลคีเซเดคคือใคร?


ในภาษาฮีบรู คำว่ากษัตริย์คือ מלך (อ่านว่า Melch เมลเลค) 
 และคำว่า ความชอบธรรม ในภาษาฮีบรู คือ צדיק‎‎, (Tzedek ซิเดค)

คำว่า เมลคีเซเดค(Melchizedek) จึงแปลว่า กษัตริย์แห่งความชอบธรรม

เมลคีเซเดค(Melchizedek) เป็นกษัตริย์ของเมืองซาเลม(Salem) ซาเลม มีที่มาจากคำว่า Shalom ซึ่งแปลว่า สันติภาพ(Peace) คำเหล่านี้ให้วิสัยทัศน์บางอย่างแก่เรา

กษัตริย์เมลคีเซเดคแห่งเมืองซาเลม เป็นกษัตริย์แห่งความชอบธรรมและกษัตริย์แห่งสันติภาพด้วย (ฮีบรู 7:2). นอกจากนี้พระคัมภีร์ยังบอกว่า กษัตริย์เมลคีเซเดคเป็นสมณะสูงสุดของพระเจ้าอีกด้วย

ในหนังสือปฐมกาล สมัยนั้นยังไม่ได้เริ่มต้นมีสมณะเลย แต่พระคัมภีร์ได้พูดถึงเมลคีเซเดคซึ่งเป็นกษัตริย์และเป็นสมณะของพระเจ้าแล้ว

เมื่ออับราฮัมรบชนะข้าศึก, เมลคีเซเดคได้ออกมาพบอับราฮัมและนำขนมปังและเหล้าองุ่นมาให้ ทั้งอวยพรอับราฮัมในพระนามของพระเจ้าสูงสุด

การถวายขนมปังและเหล้าองุ่นของเมลคีเซเดคจึงเป็นรูปแบบของพระเมสสิยาห์,พระเยซูคริสต์ (ฮีบรู 6:20; ฮีบรู 7:2).และเป็นเครื่องหมายของพิธีกรรมในพิธีมิสซา

วันจันทร์ที่ 17 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2568

ทำไมพระเยซูจึงทรงเขียนบนพื้นด้วยนิ้วของพระองค์


ใน ยอห์นบทที่ 8 เล่าว่า เมื่อบรรดาฟาริสีพาหญิงที่ถูกจับได้ว่าทำผิดประเวณีมาให้พระเยซูตัดสิน โดยพวกเขาบอกว่า”ในธรรมบัญญัติ โมเสสสั่งเราให้ทุ่มหินหญิงประเภทนี้จนตาย ส่วนท่านจะว่าอย่างไร” แต่พระเยซูเจ้าทรงก้มลง เอานิ้วพระหัตถ์ขีดเขียนที่พื้นดิน ทำไมพระเยซูจึงทรงทำเช่นนั้น?

อพยพ 31:18 กล่าวว่า “เมื่อพระยาห์เวห์ตรัสแก่โมเสสบนภูเขาซีนายแล้ว พระองค์ประทานแผ่นศิลาจารึกสองแผ่นให้เขา เป็นแผ่นศิลาที่ทรงจารึกด้วยพระหัตถ์ของพระองค์”

พระเยซูทรงเอานิ้วพระหัตถ์ขีดเขียนที่พื้น เท่ากับพระเยซูทรงปรารถนาที่จะบอกกับเราว่า พระองค์คือพระเจ้า,พระยาห์เวห์,ผู้ทรงจารึกพระบัญญัติด้วยนิ้วพระหัตถ์บนศิลาและประทานศิลาสองแผ่นแก่โมเสส

และเป็นไปได้ว่าบนพื้นนั้นพระเยซูทรงเขียนพระบัญญัติหนึ่งในสิบประการ ซึ่งคงจะเป็นพระบัญญัติประการที่ 5 นั่นคือ "อย่าฆ่าคน"  เพราะฟาริสีต้องการให้พระองค์ทำตามกฎในเลวีนิติที่สั่งให้ลงโทษผู้ทำผิดประเวณีด้วยการเอาก้อนหินทุ่มให้ตาย แต่พระเยซูทรงล่วงรู้ถึงความคิดของพวกเขา ถึงแม้ว่าในพระบัญญัติข้อที่ 6 บอกว่า "อย่าทำผิดประเวณี"  แต่พระบัญญัติข้อที่ 5 มาก่อนบัญญัติข้อที่ 6 และในบัญญัติข้อที่ 6 ก็ไม่ได้สั่งให้ลงโทษผู้กระทำผิดแต่อย่างใด  พระบัญญัติของพระเจ้าย่อมใหญ่กว่ากฏเกณฑ์ของมนุษย์

พวกฟาริสีคิดแต่จะจับผิดพระเยซูเจ้าจนลืมและมองข้ามพระบัญญัติประการที่ 5 ที่สั่งว่า อย่าฆ่าคนและนำเอากฏเกณฑ์ที่พวกเขาสร้างขึ้นเองมาใช้อย่างไร้ความเมตตา พระเยซูจึงทรงเขียนพระบัญญัติข้อที่ 5 เพื่อย้ำเตือนพวกเขา

ยอห์น 8:7-11 เล่าต่อไปว่า "เมื่อคนเหล่านั้นยังทูลถามย้ำอยู่อีก พระองค์ทรงเงยพระพักตร์ขึ้น ตรัสว่า “ท่านผู้ใดไม่มีบาป จงเอาหินทุ่มนางเป็นคนแรกเถิด” แล้วทรงก้มลงขีดเขียนบนพื้นดินต่อไป เมื่อคนเหล่านั้นได้ฟังดังนี้ ก็ค่อย ๆ ทยอยออกไปทีละคน เริ่มจากคนอาวุโส จนเหลือแต่พระเยซูเจ้าตามลำพังกับหญิงคนนั้น ซึ่งยังคงยืนอยู่ที่เดิม พระเยซูเจ้าทรงเงยพระพักตร์ขึ้น ตรัสกับนางว่า “นางเอ๋ย พวกนั้นไปไหนหมด ไม่มีใครลงโทษท่านเลยหรือ” หญิงคนนั้นทูลตอบว่า “ไม่มีใครเลย พระเจ้าข้า” พระเยซูเจ้าตรัสว่า “เราก็ไม่ลงโทษท่านด้วย ไปเถิด และตั้งแต่นี้ไป อย่าทำบาปอีก”

พระเมตตาของพระเยซูเจ้ายิ่งใหญ่กว่าบาปใดๆทั้งสิ้น

วันอาทิตย์ที่ 16 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2568

ฟรังซิสกับนก


พระองค์ประทานอิสระเสรีแห่งท้องฟ้านภากาศ,พวกเธอไม่ต้องหว่านข้าว,ไม่ต้องเก็บเกี่ยว
>>>อ่านต่อ

วันเสาร์ที่ 15 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2568

ฉลองแม่พระแห่งลูรดส์


สิ่งที่เห็นไม่ใช่ภาพลวงตาที่เกิดจากความศรัทธาที่เกินจริงของผู้แสวงบุญ
>>>อ่านต่อ

วันศุกร์ที่ 14 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2568

ไปหาพระเยซูเจ้าผ่านทางพระนางมารีย์


โปรแตสแตนท์มักจะพูดเสมอว่า คาทอลิกให้ความสำคัญต่อพระนางมารีย์มากกว่าพระเยซูเจ้า โดยคาทอลิกมักสอนว่า เราควรไปหาพระเยซูเจ้าโดยผ่านทางพระนางมารีย์เพื่อที่จะได้รับความรอดของพระเยซูเจ้า ทำไมเราจึงไม่ไปหาพระเยซูเจ้าโดยตรงล่ะ ซึ่งเป็นวิธีที่ถูกต้องกว่า

คำตอบ : เมื่อพระเยซูเจ้าเสด็จมาในโลกนี้ พระองค์ไม่ได้เสด็จมาหามนุษย์โดยตรงมิใช่หรือ แต่เสด็จมาโดยผ่านทางพระนางมารีย์,ทางพระครรภ์ของพระนาง ทำไมพระเยซูเจ้าไม่เสด็จมายังโลกโดยตรงล่ะ ทั้งๆที่พระองค์สามารถกระทำได้ด้วยพระฤทธานุภาพอันไม่มีที่สิ้นสุดของพระองค์ นี่เป็นความล้ำลึกของพระเจ้าที่ประสงค์ให้เป็นเช่นนี้ พระเยซูเจ้าทรงยกย่องพระนางมารีย์ให้เป็นมารดาของพระองค์ และทรงทำให้พระนางมารีย์เป็นผู้ร่วมการไถ่กู้มนุษยชาติพร้อมกับพระองค์ด้วย

แน่นอนว่าเราสามารถและต้องสวดภาวนาถึงพระเยซูเจ้าโดยตรง และเราก็ยังมีพระนางมารีย์คอยช่วยเหลือเราให้ใกล้ชิดพระเยซูเจ้าได้ง่ายขึ้นสะดวกมากขึ้นด้วย เพราะพระนางทรงรู้จักพระเยซูเจ้าดีที่สุด และรู้จักเราอย่างดีด้วย พระนางมารีย์จะช่วยวิงวอนต่อพระเยซูเจ้าเพื่อพวกเรา

ไม่มีแม่คนใดที่จะไม่ช่วยเหลือลูกเมื่อลูกวอนขอต่อแม่ของเขา เราจึงวอนขอพระนางมารีย์ให้ช่วยเราให้ไปหาพระเยซูเจ้าดังที่พระเยซูเจ้าทรงมาหาเราโดยทางพระนางมารีย์เช่นเดียวกัน

#CATHOLIC 4 LIFE

วันพฤหัสบดีที่ 13 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2568

พระศาสนจักรคาทอลิก


ทำไมพระศาสนจักรคาทอลิกจึงรอดพ้นจากการถูกทำลายจากผู้มุ่งร้านได้อย่างน่าอัศจรรย์ใจ?

เจมส์ ฮิทช์คอก นักประวัติศาสตร์จากมหาวิทยาลัยปรินซ์ตันเขียนไว้ว่า

“ขณะที่พระศาสนจักรอยู่ที่โลกเพื่อเปลี่ยนแปลงโลกโดยอาศัยพระเยซูคริสต์,พระผู้ทรงก่อตั้งพระศาสนจักรขึ้นมา ความอ่อนแอทางศีลธรรมของผู้นำของเธออันเป็นที่น่าดูหมิ่นกลับเป็นพยานถึงลักษณะที่ศักดิ์สิทธิ์ของเธอ มนุษย์แต่เพียงอย่างเดียวโดยไม่ได้รับความช่วยเหลือจากสวรรค์,ไม่สามารถทำให้พระศาสนจักรบรรลุความสำเร็จในความดีได้ในตลอด 2000 ปี อาศัยแต่เพียงมนุษย์เท่านั้น,พระศาสนจักรจะพินาศไปแล้วในประวัติศาสตร์อันยาวนานที่ผ่านมาของเธอ ทำไมสาส์นของชาวประมงในเรื่องการกลับฟื้นคืนพระชนม์ของพระเยซูคริสต์ยังคงอยู่ได้ตลอด 2000 ปีโดยผ่านทางธรรมประเพณี? ในขณะที่จักรวรรดิโรมันอันทรงอำนาจ,ซึ่งได้เบียดเบียนข่มเหงชายหญิงเหล่านี้ ด้วยอำนาจทุกอย่างที่จำเป็นเพื่อกำจัดพวกเขาให้หมดสิ้นไป แล้วเวลานี้จักรวรรดิโรมันไปอยู่ที่ไหน? ผู้สืบทอดอำนาจของจูเลียส ซีซาร์อยู่ที่ไหน? เพราะชาวประมงที่ชื่อ เปโตรได้รับชัยชนะในการประกาศถึงพระเยซูคริสต์ในโรม และเวลานี้ผู้สืบทอดของชาวประมง,ชื่อของเขาคือ พระสันตปาปาฟรังซิส จักรวรรดิโรมันถูกทิ้งไว้เหลือแต่ซากปรักหักพัง

พระศาสนจักรเชื่อว่าพระจิตเจ้าทรงปกป้องพระศาสนจักรจากข้อผิดพลาดทั้งปวง และพระเจ้าทรงสามารถทำให้เกิดความดีออกมาจากความชั่วที่เกิดจากภายในหรือที่มาจากภายนอกกำแพงของเธอ พระศาสนจักรคาทอลิกจะยังคงอยู่จนถึงวันสิ้นพิภพ จนถึงวันที่พระผู้ทรงก่อตั้งเธอ,พระเยซูคริสต์,จะกลับมาเป็นครั้งทื่สอง

#Catholic 4 Life

วันพุธที่ 12 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2568

ความถ่อมตนที่ไม่ถูกต้อง


ความอ่อนน้อมถ่อมตนที่แท้จริงอยู่ที่การเชื่อฟังและปฏิบัติตามพระประสงค์ของพระองค์
>>>อ่านต่อ