พระเมตตาของพระเยซูเจ้า

จงบอกมนุษยชาติที่กำลังเจ็บป่วย ให้เข้ามาใกล้หัวใจอันเมตตาของเรา แล้วเราจะประทานสันติภาพให้แก่มนุษยชาติ พระเมตตาของเราไม่มีวันสิ้นสุดเลย

พระวาจาวันอาทิตย์ที่ 31 สิงหาคม 2025 ผู้ถ่อมตนลงจะถูกยกให้สูงขึ้น

          พระเยซูเจ้าทรงสังเกตเห็นผู้รับเชิญต่างเลือกที่นั่งที่มีเกียรติ จึงตรัสเป็นอุปมากับเขาว่า ‘เมื่อมีใครเชิญท่านไปในงานมงคลสมรส อย่าไปนั่งในที่ที่มีเกียรติ เพราะถ้ามีคนสำคัญกว่าท่านได้รับเชิญมาด้วย เจ้าภาพที่เชิญท่านและเชิญเขาจะมาบอกท่านว่า “จงให้ที่นั่งแก่ผู้นี้เถิด” แล้วท่านจะต้องอับอายไปนั่งที่สุดท้าย แต่เมื่อท่านได้รับเชิญ จงไปนั่งในที่สุดท้ายเถิด เพื่อเจ้าภาพที่เชิญท่านจะมาบอกท่านว่า “เพื่อนเอ๋ย จงไปนั่งในที่ที่ดีกว่านี้เถิด” แล้วท่านจะได้รับเกียรติต่อหน้าผู้ร่วมโต๊ะทั้งหลาย เพราะทุกคนที่ยกตนขึ้นจะถูกกดให้ต่ำลง แต่ทุกคนที่ถ่อมตนลงจะได้รับการยกย่องให้สูงขึ้น’
(ลูกา 14:1, 7-14)








วันอังคารที่ 15 กรกฎาคม พ.ศ. 2568

พึ่งพิงพระเจ้า


พระเจ้าทรงอนุญาตให้เราตกอยู่ในการประจญทดลอง เพื่อที่เราจะได้เรียนรู้ที่จะพึ่งพิงพระองค์ในขณะที่ต้องอดทนรับความยากลำบาก

ทันทีที่กิเลสตัณหาเข้ามาโจมตีเรา ให้เรากล่าวทันทีว่า “พระเจ้าข้า โปรดช่วยข้าพเจ้าด้วย อย่าปล่อยให้ข้าพเจ้าทำผิดต่อพระองค์”

- นักบุญเจอโรม

วันจันทร์ที่ 14 กรกฎาคม พ.ศ. 2568

ความรักและความอบอุ่น


พระสันตะปาปาเปาโลที่ 6 ทรงเล่าให้ที่ประชุมเข้าเฝ้าฟังว่า ตอนที่เป็นอัครสังฆราชแห่งมิลานท่านออกเยี่ยมสัตบุรุษ พบหญิงชราคนหนึ่งที่อยู่ตามลำพัง พระองค์ถามว่า "เป็นอย่างไรบ้าง" เธอตอบว่า "ไม่เลวค่ะ ดิฉันมีอาหารเพียงพอและก็ไม่เจ็บป่วยอะไร" "ถ้าอย่างนั้นคุณป้าก็มีความสุขดีใช่มั้ย" หญิงชรานั้นร้องไห้ทันที "ดิฉันไม่มีความสุขเลยต่างหาก ลูกชายและลูกสะไภ้ไม่เคยแวะมาหาฉันเลย ดิฉันกำลังจะตายเพราะความว้าเหว่ ไม่เคยมีใครมาถามฉันเลยว่ามีความสุขดีมั้ย"

พระสันตะปาปาทรงสรุปว่า "เพียงแค่มีอาหาร มีเสื้อผ้าที่อบอุ่นนั้นไม่เพียงพอเลยสำหรับมนุษย์ ผู้คนต้องการบางสิ่งมากกว่านั้น พวกเขาต้องการการพบหน้ากัน ต้องการเวลา ต้องการความรักจากเรา พวกเขาต้องการสัมผัสของเรา ต้องการกอดและถูกกอดเพื่อแน่ใจว่าพวกเขาไม่ถูกลืม ปีใหม่นี้อย่าลืมมอบความรักของเรา กลับไปกอดคนที่เรารักนะครับ มีบางคนรอเราอยู่เสมอ อย่าปล่อยให้ใครเลยต้องว้าเหว่เพราะเรานะครับ

- คุณพ่อสุรชัย ชุ่มศรีพันธ์

วันอาทิตย์ที่ 13 กรกฎาคม พ.ศ. 2568

วันเสาร์ที่ 12 กรกฎาคม พ.ศ. 2568

อัศจรรย์การหายจากโรคที่ลูร์ดส


มีอัศจรรย์การหายจากโรคกว่า 2500 กรณีที่เกี่ยวเนื่องกับลูร์ดส

กรณีของกาเบรียล (Gabriel Gargem)ก็เป็นหนึ่งในนั้น เขาเป็นชายหนุ่มที่กำลังจะตาย เขาไม่เชื่อในพระเจ้า และร่างกายของเขาก็ผอมแห้ง เขาต้องได้รับอาหารผ่านทางสายยางเท่านั้น และนั่นทำให้เขาผอมจนเห็นกระดูก เขากำลังจะตาย แม่และป้าของเขาเป็นคนที่มีความศรัทธามาก ป้าของเขาเป็นแม่ชี พวกเขายืนยันที่จะให้กาเบรียลไปที่ลูร์ด เขาไปที่ลูร์ดโดยที่ไม่มีความเชื่อ เขาไปเพียงเพื่อทำให้แม่และป้าของเขาพอใจ

มีอัศจรรย์สองอย่างเกิดขึ้นเมื่อเขาไปที่ลูร์ด อัศจรรย์แรกเป็นอัศจรรย์ฝ่ายจิต เขาได้รับความเชื่อและไปสารภาพบาปกับพระสงค์ แล้วเขาก็ได้รับศีลศักดิ์สิทธิ์

ในวันเดียวกัน ขณะที่เขายังเป็นคนพิการอยู่ พระสงฆ์ได้เดินผ่านมาตามธรรมเนียมที่จะอวยพรคนป่วยด้วยรัศมีศีลมหาสนิท และทันทีที่พระสงฆ์อวยพรให้กาเบรียลตรงที่เขาอยู่ เขารู้สึกว่ามีพละกำลังในร่างกาย เขาเริ่มร้องขึ้นว่า “ผมเดินได้ ผมเดินได้” แล้วเขาก็เริ่มเดิน

สิ่งที่น่าสนใจเกี่ยวกับลูร์ดสก็คือ ที่นี่เป็นศูนย์กลางทางการแพทย์ที่มีจุดประสงค์สำหรับตรวจสอบสิ่งที่ประกาศว่าเป็นอัศจรรย์ และกาเบรียลก็ถูกตรวจสอบ เขาถูกตรวจสอบโดยนายแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ 60 คน พวกเขาประกาศว่า กาเบรียลได้รับการรักษาให้หายอย่างสมบูรณ์

กาเบรียล กาเกม ได้อุทิศชีวิตที่เหลือของเขาในการดูแลคนป่ายที่มาที่ลูร์ดส ช่วยเข็นรถเข็น ปลอบใจ ฯลฯ

วันศุกร์ที่ 11 กรกฎาคม พ.ศ. 2568

เวลาที่ผันผ่าน


ฉันไม่ได้เป็นสาวหรือหนุ่มอีกต่อไปแล้ว

ฉันไม่ได้แข็งแรงเหมือนเดิมอีกแล้ว

บางครั้งฉันก็หลงๆลืมๆ

แต่ฉันก็ไม่บ่นว่าในเรื่องนี้

เพราะพระเจ้าทรงอยู่เคียงข้างฉันเสมอ

และพระองค์ทรงอวยพรฉันตลอดไป

อาแมน

พระเยซูเจ้าข้า ลูกขอขอบพระคุณพระองค์ตลอดชีวิตของลูก ลูกขอมอบชีวิตของลูกไว้ในพระหัตถ์ของพระองค์ โปรดแสดงหนทางที่ลูกจะต้องเดิน โปรดสั่งสอนความจริงแก่ลูก และโปรดประทานชีวิตนิรันดรแก่ลูกด้วยเทอญ

วันพฤหัสบดีที่ 10 กรกฎาคม พ.ศ. 2568

ซิสเตอร์โฟสตินากับศีลมหาสนิท


ซิสเตอร์โฟสตินาเล่าว่า วันหนึ่งพระเยซูตรัสกับเธอ ว่า เราจะไปจากบ้านหลังนี้ เพราะที่นี่มีสิ่งที่ทำให้เราไม่พอใจ ซิสเตอร์โฟสตินาได้เขียนว่า “แผ่นศีลมหาสนิทได้ออกมาจากตู้ศีล และดิฉันได้นำมาถือเอาไว้ในมือ ต่อมา,ดิฉันได้นำศีลมหาสนิทกลับไปไว้ในตู้ศ๊ล” ซิสเตอร์เล่าว่าสิ่งนี้ได้เกิดขึ้นซ้ำเป็นครั้งที่สอง และดิฉันได้ทำเหมือนเดิม สิ่งนี้ยังได้เกิดขึ้นอีกเป็นครั้งที่สาม  
ทำไมพระเยซูตรัสกับซิสเตอร์ว่า เราจะไปจากบ้านหลังนี้ มีอะไรเกิดขึ้นกับคอนแวนต์นักบวชหญิงในโปแลนด์หรือ? ในปี 1930 พระเยซูตรัสอะไรเกี่ยวกับคอนแวนต์นี้? นี่เป็นเรื่องเหลือเชื่อ ซิสเตอร์โฟสตินาบอกว่า สิ่งนี้ได้เกิดขึ้นเป็นครั้งที่สาม แล้วศีลมหาสนิทได้เปลี่ยนไปเป็นพระเยซูเจ้า ผู้ทรงชีวิต และทรงตรัสกับดิฉันว่า “เราจะยังคงอยู่ที่นี่อีกไม่นาน” ในเวลานั้นความรักของพระเยซูเจ้าก็เต็มเปี่ยมในวิญญาณของดิฉันและดิฉันได้พูดว่า “พระเยซูเจ้าข้า ลูกจะไม่ยอมให้พระองค์ไปจากบ้านหลังนี้” แล้วเธอก็นำพระเยซูกลับไปไว้ในตู้ศีล พระเยซูได้หายไปจากมือของดิฉัน นี่เป็นครั้งที่สามที่ดิฉันได้นำพระองค์กลับไปวางไว้ในกาลิกษ์ในตู้ศีลและปิดประตูของตู้ พระเยซูตรัสว่า พระองค์จะยังคงอยู่กับพวกเรา ดิฉันได้ร่วมเคารพศีลมหาสนิทเป็นเวลาสามวันเป็นการชดเชยใช้โทษบาป  
ลองคิดดูซิว่า ถ้าพระเยซูตรัสว่าพระองค์จะไปจากบ้านของพวกคุณ เมื่อคุณรับศีลมหาสนิท พระเยซูยังคงอยู่กับคุณหรือไม่? ผมขอบอกพวกคุณว่า มีบ้านหลายหลังที่ผลักไสพระเยซูออกไปจากบ้านของพวกเขา เมื่อพวกเขาเปิดประตูบ้านและทำสิ่งไม่สมควรในบ้านของพวกเขา ผมรับรองได้เลยว่าพระเยซูจะตรัสว่า เราจะไปจากบ้านหลังนี้ แต่ขอให้ทำตามแบบซิสเตอร์โฟสตินา เธอมีความเชื่อและวางใจในพระเยซูผู้ประทับอยู่ในศีลมหาสนิท  

วันพุธที่ 9 กรกฎาคม พ.ศ. 2568

นักบุญเจอโรมกับสิงโต


วันหนึ่งตอนเย็น ขณะที่นักบุญเจอโรมกำลังนั่งอยู่กับพี่น้องนักพรตของท่านที่กำลังอ่านบทความเสริมศรัทธา จู่ๆ สิงโตตัวหนึ่งก็เดินกะเผลกเข้ามาในอาราม นักพรตต่างวิ่งหนีเมื่อเห็นสัตว์ร้ายตัวนั้น แต่เจอโรมกลับต้อนรับสิงโตในฐานะแขก สิงโตแสดงเท้าที่บาดเจ็บให้เขาดู เจอโรมจึงเรียกพี่น้องนักพรตมาและสั่งให้พวกเขาล้างเท้าให้กับสัตว์ตัวนั้นและรักษาบาดแผลอย่างระมัดระวัง เมื่อพวกเขาเริ่มทำเช่นนี้ พวกเขาพบว่าอุ้งเท้าของสัตว์ตัวนั้นถูกข่วนและถูกหนามทิ่มแทง พวกเขาจึงทำสิ่งที่จำเป็น และสิงโตก็ไม่มีความดุร้ายอีกต่อไป มันใช้ชีวิตอยู่ท่ามกลางนักพรตเหล่านั้นเหมือนสัตว์เลี้ยงในบ้าน

นักบุญเจอโรมต้อนรับสิงโตด้วยความใจเย็น ไม่วิ่งหนี และเต็มใจที่จะช่วยเหลือสัตว์ เพื่อแลกกับความเมตตาของนักบุญเจอโรม สิงโตจึงกลายมาเป็น "สัตว์เลี้ยง" และอยู่กับบรรดาเพื่อนนักพรต