พระเมตตาของพระเยซูเจ้า

จงบอกมนุษยชาติที่กำลังเจ็บป่วย ให้เข้ามาใกล้หัวใจอันเมตตาของเรา แล้วเราจะประทานสันติภาพให้แก่มนุษยชาติ พระเมตตาของเราไม่มีวันสิ้นสุดเลย

พระวาจาวันอาทิตย์ที่ 5 พฤษภาคม 2024 พระเยซูเจ้าทรงรักเราและดำรงอยู่ในเรา

           พระบิดาของเราทรงรักเราอย่างไร เราก็รักท่านทั้งหลายอย่างนั้น จงดำรงอยู่ในความรักของเราเถิด ถ้าท่านปฏิบัติตามบทบัญญัติของเรา ท่านก็จะดำรงอยู่ในความรักของเรา เหมือนกับที่เราปฏิบัติตามบทบัญญัติของพระบิดาของเรา และดำรงอยู่ในความรักของพระองค์ เราบอกเรื่องเหล่านี้แก่ท่านทั้งหลายแล้ว เพื่อให้ความยินดีของเราอยู่กับท่าน และความยินดีของท่านจะสมบูรณ์ นี่คือบทบัญญัติของเรา ให้ท่านทั้งหลายรักกันเหมือนดังที่เรารักท่าน ไม่มีใครมีความรักยิ่งใหญ่กว่าการสละชีวิตของตนเพื่อมิตรสหาย ท่านทั้งหลายเป็นมิตรสหายของเราถ้าท่านทำตามที่เราสั่งท่าน เราไม่เรียกท่านว่าเป็นผู้รับใช้อีกต่อไป เพราะผู้รับใช้ไม่รู้ว่านายของตนทำอะไร เราเรียกท่านเป็นมิตรสหายเพราะเราแจ้งให้ท่านรู้ทุกสิ่งที่เราได้ยินมาจากพระบิดาของเรา มิใช่ท่านทั้งหลายได้เลือกเรา แต่เราได้เลือกท่าน มอบภารกิจให้ท่านไปทำจนเกิดผล และผลของท่านจะคงอยู่ เพื่อว่าท่านจะขอสิ่งใดจากพระบิดาในนามของเรา พระบิดาจะประทานแก่ท่าน เราสั่งท่านทั้งหลายดังนี้ว่า ท่านทั้งหลายจงรักกัน
(ยอห์น 15:9-17)








วันศุกร์ที่ 30 กันยายน พ.ศ. 2559

เปียโนทำจากตะเกียบ



เปียโนที่ใช้ตะเกียบมาเป็นส่วนประกอบ  ตะเกียบถูกใช้เป็นที่ตีสายเปียโนแทนที่จะเป็นที่ตีแบบเดิม  ลองฟังเสียงของเปียโนแบบนี้ดูได้จากวีดีโอ

วันพฤหัสบดีที่ 29 กันยายน พ.ศ. 2559

viola organista



ลีโอนาโด  ดาวินซี ได้ออกแบบเครื่องดนตรีที่รวมเครื่องดนตรีสองชนิดมาเข้าด้วยกัน  คือนำเอา harpsichord (เรียกอีกอย่างว่า viola da gamba ซึ่งคล้ายกับพิณ) มารวมกับออร์แกน  แต่ก็ไม่ได้สร้างขึ้นมา  จนกระทั่งนาย Slawomir Zubrzycki นักเปียโน นักเล่นพิณharpsichord และนักแต่งเพลง ชาวโปแลนด์ได้สร้างเครื่องดนตรีดังกล่าวตามแบบที่ดาวินซีวาดเอาไว้  เขาใช้เวลาประมาณสี่ปีในการสร้าง (2009-2012) และให้ชื่อเครื่องดนตรีนี้ว่า viola organista  ความแตกต่างระหว่างเครื่องดนตรีนี้กับ harpsichord ก็คือแทนที่จะใช้นิ้วดีดสายพิณ  ก็ใช้การตีสายพิณแทน  ลองฟังเสียงเพลงที่เล่นโดยเครื่องดนตรีนี้ดูได้จากวีดีโอ

วันอังคารที่ 27 กันยายน พ.ศ. 2559

เศรษฐีกับลาซารัส



            อุปมาเรื่องเศรษฐีกับลาซารัสได้สร้างความแปลกใจให้กับผู้อ่านมากทีเดียว บางคนอาจสงสัยว่าทำไมเศรษฐีต้อง ถูกทรมานอยู่ในแดนผู้ตาย (ลก 16:23) พระเยซูเจ้าเองไม่ได้ทรงบอกว่าเขาร่ำรวยเพราะการโกงหรือการเอารัดเอาเปรียบคนยากจน...... เราหลายคนยังลืมไปว่าการละเลยทำความดีเป็นบาปอย่างหนึ่งเหมือนกัน อุปมาในพระวรสารวันนี้เตือนใจเราว่าบาปแห่งการละเลยสามารถทำให้บางคนตกนรกได้ เศรษฐีเป็นตัวอย่างของเรื่องนี้ได้เป็นอย่างดี
                   อีกประเด็นหนึ่งที่น่าแปลกใจไม่น้อยกว่าประเด็นแรกคือ ทำไมลาซารัสจึงได้ร่วมบรมสุขกับพระเจ้าในเมืองสวรรค์? พระเยซูเจ้าเองไม่ได้ทรงบอกว่ายาจกผู้นี้เป็นคนศรัทธาในพระเจ้าหรือทำกิจการดีบางอย่างที่สมควรได้รับของประทานล้ำค่าประการนี้.........ถ้าเราอ่านอุปมาที่พระเยซูทรงเล่า  เราจะพบเฉพาะเรื่องนี้เท่านั้นที่พระองค์ทรงระบุชื่อบุคคล  เพราะฉะนั้นชื่อนี้จึงมีความสำคัญมากในการตีความอุปมาเรื่องนี้
               ชื่อ ลาซารัส เป็นคำภาษากรีก ตรงกับชื่อภาษาฮีบรูว่า เอเลอาซาร์ ซึ่งแปลว่า พระเจ้าทรงเป็นความช่วยเหลือของข้าพเจ้า ดังนั้น ลาซารัสจึงไม่เป็นเพียงยาจกยากจนคนหนึ่งเท่านั้น แต่เป็นยาจกยากจนที่เชื่อและไว้วางใจในพระเจ้า นี่คือเหตุผลที่ว่าทำไมเมื่อเขาจากโลกนี้ไปแล้ว ทูตสวรรค์นำเขาไปอยู่ในอ้อมอกของอับราอัม  
(พระสังฆราชยอแซฟ ลือชัย ธาตุวิสัย)
ลาซารัสได้รับความยากลำบากมากแต่เขาไม่เคยบ่นหรือต่อว่าพระเจ้า  หรือด่าทอคนที่ไม่ช่วยเหลือเขา  เขายอมรับสภาพด้วยความวางใจในพระเจ้า
 

วันจันทร์ที่ 26 กันยายน พ.ศ. 2559

สาส์นแม่พระ2+25ก.ย.2016

สาส์นแม่พระประทานแก่ มารีจา 25 ก.ย. 2016
ลูกที่รักทั้งหลาย
              วันนี้แม่ขอเรียกร้องให้ลูกกลับมาสู่การสวดภาวนา  ขอให้การสวดภาวนาเป็นชีวิตของลูก  ด้วยหนทางนี้เท่านั้นที่หัวใจของลูกจะเต็มเปี่ยมด้วยสันติภาพและความยินดี  พระเป็นเจ้าจะทรงมาอยู่ใกล้ลูกและลูกจะรู้สึกถึงพระองค์ในหัวใจของลูกในฐานะเพื่อนคนหนึ่ง  ลูกจะพูดกับพระองค์เหมือนกับพูดกับบางคนที่ลูกรู้จัก  และลูกน้อยทั้งหลาย  ลูกจะปรารถนาที่จะเป็นพยาน  เพราะพระเยซูเจ้าจะทรงอยู่ในหัวใจของลูกและลูกจะเป็นหนึ่งเดียวกับพระองค์  แม่จะอยู่กับลูกและแม่รักลูกทุกคนด้วยความรักเยี่ยงมารดาของแม่
 
 
 
ขอขอบใจที่ตอบสนองเสียงเรียกของแม่
 
สาส์นแม่พระประทานแก่ มีรยานา 2 ก.ย. 2016
ลูกที่รักทั้งหลาย
แม่ได้มาหาพวกลูก ตามน้ำพระทัยขององค์พระบุตรของแม่และด้วยความรักของแม่ที่มีต่อลูก  แต่โดยเฉพาะอย่างยิ่งเพื่อคนเหล่านั้นซึ่งยังไม่มารู้จักกับความรักขององค์พระบุตรของแม่
แม่มาหาพวกลูกที่คิดถึงแม่และนับถือแม่  แม่ขอมอบความรักของแม่แก่พวกลูกและแม่ได้นำพระพรขององค์พระบุตรของแม่มาให้แก่ลูกด้วย  ลูกมีใจบริสุทธิ์และเปิดใจหรือไม่  ลูกมองเห็นพระพร, สัญญาณแห่งกาลเวลาของการปรากฏมาของแม่และความรักของแม่หรือไม่?  ลูกทั้งหลายของแม่ ในชีวิตของลูกบนโลกนี้ จงทำตามแบบอย่างของแม่เถิด  ชีวิตของแม่นั้นเจ็บปวด  เงียบสงบและมีความเชื่อความวางใจอันมิอาจประมาณวัดได้ต่อพระบิดาสวรรค์  ไม่มีสิ่งใดที่เกิดขึ้นโดยความบังเอิญ  แม้แต่ความเจ็บปวดหรือความยินดี หรือความทุกข์ หรือความรัก  สิ่งเหล่านี้ทั้งหมดเป็นพระหรรษทานที่องค์พระบุตรของแม่ทรงประทานแก่ลูกและทำให้ลูกมาสู่ชีวิตนิรันดร
  องค์พระบุตรของแม่ทรงขอความรักและการสวดภาวนาจากพวกลูก  ในฐานะมารดา  แม่จะสอนพวกลูกให้รักและสวดภาวนาในพระองค์  นั่นหมายถึงให้สวดภาวนาในความเงียบสงบแห่งจิตวิญญาณของลูกและไม่สวดภาวนาแต่เพียงปากเท่านั้น  และกิริยาท่าทางเพียงเล็กน้อยที่กระทำในพระนามขององค์พระบุตรของแม่ก็นับเป็นความสวยงามด้วย  เพราะมันเป็นความอดทน  ความเมตตา  การยอมรับความเจ็บปวดและการเสียสละที่กระทำเพราะเห็นแก่ผู้อื่น
ลูกทั้งหลายของแม่  องค์พระบุตรของแม่กำลังมองดูพวกลูก  จงสวดภาวนาเพื่อที่ลูกจะสามารถมองเห็นพระพักตร์ของพระองค์และเพื่อที่พระองค์จะทรงเผยพระองค์แก่ลูก  ลูกทั้งหลายของแม่  แม่กำลังเปิดเผยสัจจะแท้จริงแก่พวกลูกเท่านั้น  จงสวดภาวนาเพื่อที่ลูกจะเข้าใจเรื่องนี้ได้เถิด  แล้วลูกจะได้สามารถเผยแพร่กระจายความรักและความหวัง  เพื่อที่ลูกจะสามารถเป็นอัครสาวกแห่งความรักของแม่
แม่รักบรรดานายชุมพาบาลเป็นพิเศษด้วยหัวใจแห่งความเป็นแม่ 
จงสวดภาวนาสำหรับมือที่อวยพรของพวกท่านด้วย 
ขอขอบใจลูก

วันอาทิตย์ที่ 25 กันยายน พ.ศ. 2559

นิมิตของคุณแม่เทเรซา

พระเยซูเจ้าตรัสเรียกท่าน "มาเถิด, จงนำเราไปอยู่ท่ามกลางคนยากจน"
>>>อ่านต่อ

วันเสาร์ที่ 24 กันยายน พ.ศ. 2559

ผู้เห็นแม่พระในอินเดีย

ที่รัฐเคราลา  ทางตอนใต้ของอินเดีย 
สตรีชาวอินเดียชื่อ  รานี  ยอห์น Rani John 
อ้างว่าเธอได้เห็นแม่พระและได้รับสาส์นจากพระนางในระหว่างปี 1996 – 2002  
.....อ่านต่อ

วันศุกร์ที่ 23 กันยายน พ.ศ. 2559

สงครามที่เวียนนาปี1689



ในปี 1683 ซุลต่านเมลเหม็ดที่ 4 ประกาศสงครามจีฮัด และให้แกรนด์วีเซียร์แห่งตุรกีคือ คารา  มุสตาฟา เป็นผู้นำกองทัพเข้ายึดเวียนนาด้วยทหาร 150,000 นาย
การรุกรานของกองทัพออตโตมานพุ่งเป้าไปที่คริสต์ศาสนา  โซเบียสกีแห่งโปแลนด์จึงเข้าช่วยเหลือโดยไม่ลังเล  เพราะพระสันตะปาปาอินโนเซนต์ที่ 11 ทรงวอนขอท่านให้ช่วยคริสตชนในยุโรปด้วย
กองกำลังพิทักษ์ปกป้องเมืองเวียนนาในขณะนั้นคือ เออร์เนส รัดดิเจอร์ ฟอน สตาร์เฮมเบอร์ก เป็นผู้นำที่เข้มแข็ง  
โซเบียสกีทำตามสนธิสัญญาที่เคยให้ไว้และทำตามคำร้องขอของพระสันตปาปา  เขาได้นำทัพเดินทางไปที่เวียนนาพร้อมด้วยทหาร 30,00 นาย
ทหารพยายามปกป้องเมืองเวียนนาอย่างสุดกำลัง  แต่กองทัพออตโตมานใช้วิธีตัดเสบียงอาหารจากทุกแหล่ง  และใช้กำลังโจมตีอย่างหนักเพื่อทำลายกำแพงเมืองให้ได้
กองทัพตุรกีใกล้จะยึดเมืองได้สำเร็จแล้ว  ขณะที่กองทัพของโซเบียสกีและภาคีคือชาร์ลแห่งลอเรนส์ก็เดินทางมาถึง
ชาร์ลนำทหารมาด้วย 50,000 นาย และท่านยอมให้โซเบียสกีเป็นผู้นำ  เพราะเขามีประสบการณ์ในการรบกับพวกเติร์กมาก่อน
สงครามเริ่มต้นขึ้นก่อนที่กองกำลังทั้งหมดจะมาถึงครบทุกส่วน  ตอนเช้าตรู่กองทัพเติร์กเข้าบุกโจมตีก่อน  เพื่อทำให้ภาคีกองทัพศักดิ์สิทธิ์ไม่สามารถรวมตัวกันได้  ชาร์ลแห่งลอเรนส์เคลื่อนทัพไปด้านซ้าย  กองทัพเยอรมันบุกเข้าตรงกลาง  ส่วนกองทัพออสเตรียไปทางด้านขวา  แต่ยังขาดกองทหารของจักรวรรดิ(โปแลนด์)
ในที่สุดทหารม้าโปแลนด์ก็มาถึงและเข้าโจมตีทางปีกขวา  ทหารเยอรมัน-ออสเตรีย และทหารม้าโปแลนด์รวมกัน 20,000 นายเดินทัพลงมาจากเนินเขาเป็นระลอกๆ  นำโดยโซเบียสกีเป็นแนวหน้าพร้อมกับนายทหาร 3,000 คนเป็นหัวหอกโดยไม่ครั่นคร้ามหวั่นเกรง
เมื่อทหารม้าโปแลนด์โจมตีแนวหน้าของเติร์ก  กองทหารรักษาการณ์ชาวออสเตรียที่อยู่ในเมืองก็บุกเข้าโจมตีกองทัพเติร์กที่อยู่ด้านหลัง
กองทัพออตโตมานต้องประสบกับความพ่ายแพ้ครั้งสำคัญ....
            สงครามที่เวียนนาซึ่งนักประวัติศาสตร์ถือว่าเป็นสงครามที่สำคัญที่สุดครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์ของโลก ได้ช่วยคริสตชนในยุโรปให้รอดพ้นจากการยึดครองของเติร์กและเป็นจุดสิ้นสุดของการขยายอาณาจักรของเติร์ก(อิสลาม) 
หลังจากสงครามเสร็จสิ้น  โซเบียสกีได้เอ่ยวาจาของจูเลียส  ซีซาร์ ซึ่งกล่าวว่า”vini  vidi  deus vicit”
                 “ข้ามา  ข้าเห็น  พระเจ้าทรงได้ชัยชนะ”