อุปมาเรื่องเศรษฐีกับลาซารัสได้สร้างความแปลกใจให้กับผู้อ่านมากทีเดียว บางคนอาจสงสัยว่าทำไมเศรษฐีต้อง “ถูกทรมานอยู่ในแดนผู้ตาย” (ลก 16:23) พระเยซูเจ้าเองไม่ได้ทรงบอกว่าเขาร่ำรวยเพราะการโกงหรือการเอารัดเอาเปรียบคนยากจน...... เราหลายคนยังลืมไปว่าการละเลยทำความดีเป็นบาปอย่างหนึ่งเหมือนกัน อุปมาในพระวรสารวันนี้เตือนใจเราว่าบาปแห่งการละเลยสามารถทำให้บางคนตกนรกได้ เศรษฐีเป็นตัวอย่างของเรื่องนี้ได้เป็นอย่างดี
อีกประเด็นหนึ่งที่น่าแปลกใจไม่น้อยกว่าประเด็นแรกคือ ทำไมลาซารัสจึงได้ร่วมบรมสุขกับพระเจ้าในเมืองสวรรค์? พระเยซูเจ้าเองไม่ได้ทรงบอกว่ายาจกผู้นี้เป็นคนศรัทธาในพระเจ้าหรือทำกิจการดีบางอย่างที่สมควรได้รับของประทานล้ำค่าประการนี้.........ถ้าเราอ่านอุปมาที่พระเยซูทรงเล่า เราจะพบเฉพาะเรื่องนี้เท่านั้นที่พระองค์ทรงระบุชื่อบุคคล เพราะฉะนั้นชื่อนี้จึงมีความสำคัญมากในการตีความอุปมาเรื่องนี้
ชื่อ “ลาซารัส” เป็นคำภาษากรีก ตรงกับชื่อภาษาฮีบรูว่า “เอเลอาซาร์” ซึ่งแปลว่า “พระเจ้าทรงเป็นความช่วยเหลือของข้าพเจ้า” ดังนั้น ลาซารัสจึงไม่เป็นเพียงยาจกยากจนคนหนึ่งเท่านั้น แต่เป็นยาจกยากจนที่เชื่อและไว้วางใจในพระเจ้า นี่คือเหตุผลที่ว่าทำไมเมื่อเขาจากโลกนี้ไปแล้ว “ทูตสวรรค์นำเขาไปอยู่ในอ้อมอกของอับราอัม”
(พระสังฆราชยอแซฟ
ลือชัย ธาตุวิสัย)
ลาซารัสได้รับความยากลำบากมากแต่เขาไม่เคยบ่นหรือต่อว่าพระเจ้า หรือด่าทอคนที่ไม่ช่วยเหลือเขา เขายอมรับสภาพด้วยความวางใจในพระเจ้า
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น