ที่เมดจูกอเรจ์ แม่พระทรงขอให้เราทำ 5 อย่างต่อไปนี้
1.
สวดภาวนา แม่พระประสงค์ให้เราสวดภาวนา
3 ชั่วโมงต่อวัน และสวดภาวนาด้วยหัวใจ หมายถึง ให้สวดด้วยความรัก ความวางใจ
ความเสียสละ และความตั้งใจ เราอาจสวดภาวนาได้หลายรูปแบบ ได้แก่
- สวดสายประคำ แม่พระตรัสว่าสายประคำมีอานุภาพมากในการต่อสู้กับซาตาน พระนางแนะนำว่าเราควรมีสายประคำติดตัวและใช้อยู่เสมอ ซาตานจะไม่สามารรถทำอันตรายเราได้ถ้าเรามีสายประคำอยู่ในมือ
- บทภาวนาเพื่อสันติภาพ ได้แก่ บทข้าแต่พระบิดา7บท บทภาวนาของอัครสาวก บทวันทามารีย์ และบทสิริพึงมี ฯลฯ
- บทภาวนาในมิสซา ในพิธีมิสซาเราไม่ควรอยู่นิ่งเฉย แต่ควรสวดภาวนา ร้องเพลง และตอบรับ
พระสงฆ์
- บทนพวารต่างๆ เช่น บทภาวนาพระเมตตา บทภาวนาของนักบุญบริจิด
- สนทนากับพระเป็นเจ้าด้วยคำพูดธรรมดาของเราเอง
- การทำกิจการต่างๆด้วยความรักและความเมตตา ซึ่งก็ถือเป็นการสวดภาวนาด้วย
2. อดอาหาร แม่พระขอให้เราอดอาหารในวันพุธและวันศุกร์ จากเที่ยงคืนถึงเที่ยงคืน โดยทานเพียงขนมปังกับน้ำเท่านั้น แม่พระตรัสว่านี่เป็น”การอดอาหารที่ดีที่สุด” จะทานขนมปังและน้ำมากน้อยเพียงใดไม่ใช่เรื่องสำคัญ ขอแต่เพียงให้เราทำเพื่อพระเป็นเจ้าด้วยความเสียสละ และเราอาจเพิ่มเติมบางสิ่งได้ด้วยเช่น งดดูทีวี อินเตอร์เน็ต ฯลฯ แม่พระตรัสว่า “พวกลูกลืมไปแล้วว่า ด้วยการสวดภาวนาพร้อมด้วยการอดอาหาร เราสามารถระงับสงคราม และยับยั้ง กฎของธรรมชาติได้”
3. สารภาพบาป แม่พระขอให้เราไปสารภาพบาปกับพระสงฆ์เดือนละครั้ง (หรือบ่อยกว่านั้นก็ได้) แม่พระตรัสว่า “ใครก็ตามที่ทำบาปหนักตลอดชีวิตของเขา สามารถตรงไปสวรรค์ได้ ถ้าหากเขาสารภาพบาป ด้วยความทุกข์เสียใจในบาปที่ตนทำอย่างจริงใจ และรับศีลมหาสนิทในวาระสุดท้ายแห่งชีวิตของเขา” ( 24 มิ.ย. 1982) “อย่าไปสารภาพบาปเพราะความเคยชิน หลังจากนั้นก็ดำเนินชีวิตแบบเดิม อย่าทำอย่างนั้น มันไม่เป็นสิ่งที่ดี การสารภาพบาปควรกระตุ้นความเชื่อของลูก และทำให้ลูกเข้าใกล้พระเยซูเจ้ามากยิ่งขึ้น ถ้าการสารภาพบาปมิได้มีความหมายต่อลูก การที่ลูกจะกลับใจก็เป็นสิ่งที่ยากมาก” (7 พ.ย. 1983)
4. อ่านพระคัมภีร์ ในการประจักษ์มาครั้งหนึ่ง แม่พระตรัสเกี่ยวกับพระคัมภีร์ พระนางทรงกรรแสงตรัสว่า “พวกลูกลืมหนังสือพระคัมภีร์เสียแล้ว” หนังสือพระคัมภีร์ไม่เหมือนหนังสืออื่นๆ เพราะ “พระคัมภีร์ถูกเขียนขึ้นด้วยการดลใจของพระจิตเจ้า พระเป็นเจ้าเองทรงเป็นผู้เขียนพระคัมภีร์” แม่พระตรัสว่า “ลูกที่รัก แม่ขอให้ลูกอ่านพระคัมภีร์ทุกๆวันในบ้านของลูก และนำหนังสือพระคัมภีร์มาวางไว้ในที่สามารถเห็นได้ชัดเจน เพื่อเป็นการเตือนใจให้ลูกอ่านพระคัมภีร์และสวดภาวนา” (18 ต.ค. 1984)
5. ร่วมพิธีมิสซา แม่พระขอร้องให้เราไปร่วมพิธีมิสซาวันอาทิตย์ และทุกวันถ้าทำได้ แม่พระตรัสแก่ผู้ที่ประจักษ์ว่า ถ้าให้เลือกระหว่างการมาพบแม่พระกับการไปร่วมพิธีมิสซา พวกเขาต้องเลือกที่จะไปร่วมพิธีมิสซา มารีจาแจ้งต่อเราว่า แม่พระขอให้เราถือว่า “มิสซาเป็นรูปแบบของการสวดภาวนาขั้นสูงสุด” และ “เป็นศูนย์กลางแห่งชีวิตของพวกเรา” “พิธีมิสซาเป็นการสวดภาวนาต่อพระเป็นเจ้าที่สำคัญและยิ่งใหญ่ที่สุด ลูกไม่อาจเข้าใจถึงความยิ่งใหญ่นี้ได้ เพราะเหตุนี้ลูกจึงต้องดีพร้อมและถ่อมตนในการร่วมพิธีมิสซา ลูกต้องเตรียมตัวลูกให้ดีก่อนร่วมพิธีมิสซา” (1983)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น