ถ้าจะมีคำใดที่ใช้บรรยายชีวิตของ
น. ปีเตอร์ จูเลียน เอียมาร์ด
Saint Peter Julian Eymard
ได้แล้วก็คงเป็นคำว่า “เข็นครกขึ้นภูเขา” นั่นแหละ
>>>อ่านต่อ
Pages
พระเมตตาของพระเยซูเจ้า
จงบอกมนุษยชาติที่กำลังเจ็บป่วย ให้เข้ามาใกล้หัวใจอันเมตตาของเรา แล้วเราจะประทานสันติภาพให้แก่มนุษยชาติ พระเมตตาของเราไม่มีวันสิ้นสุดเลย
พระวาจาวันอาทิตย์ที่ 19 มกราคม 2025 งานแต่งงานที่หมู่บ้านคานา
  สามวันต่อมามีงานสมรสที่หมู่บ้านคานาในแคว้นกาลิลี พระมารดาของพระเยซูเจ้าทรงอยู่ในงานนั้น พระเยซูเจ้าทรงได้รับเชิญพร้อมกับบรรดาศิษย์มาในงานนั้นด้วย เมื่อเหล้าองุ่นหมด พระมารดาของพระเยซูเจ้าจึงมาทูลพระองค์ว่า “เขาไม่มีเหล้าองุ่นแล้ว” พระเยซูเจ้าตรัสว่า “หญิงเอ๋ย ท่านต้องการสิ่งใด เวลาของเรายังมาไม่ถึง” พระมารดาของพระเยซูเจ้าจึงกล่าวแก่บรรดาคนรับใช้ว่า “เขาบอกให้ท่านทำอะไร ก็จงทำเถิด” ที่นั่นมีโอ่งหินตั้งอยู่หกใบ เพื่อใช้ชำระตามธรรมเนียมของชาวยิว แต่ละใบจุน้ำได้ประมาณหนึ่งร้อยลิตร พระเยซูเจ้าตรัสกับบรรดาคนรับใช้ว่า “จงตักน้ำใส่โอ่งให้เต็ม” เขาก็ตักน้ำใส่จนเต็มถึงขอบ แล้วพระองค์ทรงสั่งเขาอีกว่า “จงตักไปให้ผู้จัดงานเลี้ยงเถิด” เขาก็ตักไปให้ ผู้จัดงานเลี้ยงได้ชิมน้ำที่เปลี่ยนเป็นเหล้าองุ่นแล้ว ไม่รู้ว่าเหล้านี้มาจากไหน แต่คนรับใช้ที่ตักน้ำรู้ดี ผู้จัดงานเลี้ยงจึงเรียกเจ้าบ่าวมา พูดว่า “ใคร ๆ เขานำเหล้าองุ่นอย่างดีมาให้ก่อน เมื่อบรรดาแขกดื่มมากแล้ว จึงนำเหล้าองุ่นอย่างรองมาให้ แต่ท่านเก็บเหล้าอย่างดีไว้จนถึงบัดนี้” พระเยซูเจ้าทรงกระทำเครื่องหมายอัศจรรย์ ครั้งแรกนี้ที่หมู่บ้านคานา แคว้นกาลิลี พระองค์ทรงแสดงพระสิริรุ่งโรจน์ของพระองค์ และบรรดาศิษย์เชื่อในพระองค์
(ยอห์น 2:1-11)
พระวาจาวันอาทิตย์ที่ 19 มกราคม 2025 งานแต่งงานที่หมู่บ้านคานา
  สามวันต่อมามีงานสมรสที่หมู่บ้านคานาในแคว้นกาลิลี พระมารดาของพระเยซูเจ้าทรงอยู่ในงานนั้น พระเยซูเจ้าทรงได้รับเชิญพร้อมกับบรรดาศิษย์มาในงานนั้นด้วย เมื่อเหล้าองุ่นหมด พระมารดาของพระเยซูเจ้าจึงมาทูลพระองค์ว่า “เขาไม่มีเหล้าองุ่นแล้ว” พระเยซูเจ้าตรัสว่า “หญิงเอ๋ย ท่านต้องการสิ่งใด เวลาของเรายังมาไม่ถึง” พระมารดาของพระเยซูเจ้าจึงกล่าวแก่บรรดาคนรับใช้ว่า “เขาบอกให้ท่านทำอะไร ก็จงทำเถิด” ที่นั่นมีโอ่งหินตั้งอยู่หกใบ เพื่อใช้ชำระตามธรรมเนียมของชาวยิว แต่ละใบจุน้ำได้ประมาณหนึ่งร้อยลิตร พระเยซูเจ้าตรัสกับบรรดาคนรับใช้ว่า “จงตักน้ำใส่โอ่งให้เต็ม” เขาก็ตักน้ำใส่จนเต็มถึงขอบ แล้วพระองค์ทรงสั่งเขาอีกว่า “จงตักไปให้ผู้จัดงานเลี้ยงเถิด” เขาก็ตักไปให้ ผู้จัดงานเลี้ยงได้ชิมน้ำที่เปลี่ยนเป็นเหล้าองุ่นแล้ว ไม่รู้ว่าเหล้านี้มาจากไหน แต่คนรับใช้ที่ตักน้ำรู้ดี ผู้จัดงานเลี้ยงจึงเรียกเจ้าบ่าวมา พูดว่า “ใคร ๆ เขานำเหล้าองุ่นอย่างดีมาให้ก่อน เมื่อบรรดาแขกดื่มมากแล้ว จึงนำเหล้าองุ่นอย่างรองมาให้ แต่ท่านเก็บเหล้าอย่างดีไว้จนถึงบัดนี้” พระเยซูเจ้าทรงกระทำเครื่องหมายอัศจรรย์ ครั้งแรกนี้ที่หมู่บ้านคานา แคว้นกาลิลี พระองค์ทรงแสดงพระสิริรุ่งโรจน์ของพระองค์ และบรรดาศิษย์เชื่อในพระองค์
(ยอห์น 2:1-11)
วันอาทิตย์ที่ 28 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559
วันเสาร์ที่ 27 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559
วันศุกร์ที่ 26 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559
สาส์นแม่พระ2+25ก.พ.2016
ลูกที่รักทั้งหลาย
ในเวลาแห่งพระหรรษทานนี้ แม่กำลังเรียกพวกลูกทุกคนให้กลับใจ ลูกน้อยทั้งหลาย
พวกลูกมีความรักเพียงเล็กน้อยและการสวดภาวนายิ่งมีน้อยกว่า
พวกลูกกำลังหลงทางและไม่รู้ว่าเป้าหมายของลูกคืออะไร จงรับกางเขนเถิด มองดูพระเยซูเจ้าและติดตามพระองค์ พระองค์ประทานพระองค์เองแก่พวกลูกด้วยการสิ้นพระชนม์บนไม้กางเขน ก็เพราะพระองค์ทรงรักพวกลูก ลูกน้อยทั้งหลาย แม่กำลังส่งเสียงร้องเตือนพวกลูกว่า :
จงหันกลับมาสู่การสวดภาวนาด้วยหัวใจ
เพื่อที่ลูกจะได้พบกับความหวังและความหมายของการมีชีวิตของลูก ในการสวดภาวนา
แม่จะอยู่กับลูกและสวดภาวนาเพื่อลูกขอขอบใจที่ตอบสนองเสียงเรียกของแม่
ลูกที่รักทั้งหลาย
แม่ขอเรียกให้พวกลูกมารู้จักกับพระบุตรของแม่อีกครั้ง ขอให้ลูกมารู้จักองค์ความจริง
แม่อยู่กับพวกลูกและสวดภาวนาเพื่อพวกลูกเสมอ
ลูกทั้งหลายของแม่ ลูกต้องสวดภาวนามากๆเพื่อที่ลูกจะได้มีความรักและความอดทนมากขึ้น และจะได้รู้จักที่จะเสียสละทำพลีกรรมและมีความยากจนในจิตใจ
โดยอาศัยพระจิตเจ้า องค์พระบุตรของแม่ทรงอยู่กับพวกลูกเสมอ
พระศาสนจักรของพระองค์บังเกิดในหัวใจทุกดวงที่มารู้จักพระองค์
จงสวดภาวนาเพื่อที่ลูกจะได้รู้จักพระองค์เถิดและจิตวิญญาณของลูกจะได้เป็นหนึ่งเดียวกับพระองค์
นั่นคือการสวดภาวนาและความรักซึ่งจะดึงดูดผู้อื่นและทำให้ลูกเป็นอัครสาวกของแม่
แม่มองดูพวกลูกด้วยความรัก ด้วยความรักเยี่ยงมารดา แม่รู้จักพวกลูก แม่รู้ถึงความเจ็บปวดและความเศร้าโศกของพวกลูก
เพราะแม่ก็เศร้าโศกอยู่อย่างเงียบๆเช่นกัน
ความเชื่อของแม่ให้ความรักและความหวังแก่แม่
แม่ขอย้ำว่า การกลับคืนชีพขององค์พระบุตรของแม่และการรับเกียรติยกขึ้นสู่สวรรค์ของแม่เป็นความหวังและความรักสำหรับพวกลูก
เพราะฉะนั้น ลูกๆทั้งหลายของแม่ จงสวดภาวนาเพื่อที่ลูกจะได้รู้จักความจริง จะได้มีความเชื่อที่มั่นคงซึ่งจะนำทางหัวใจของพวกลูกและจะเปลี่ยนความเจ็บปวดและความทุกข์ของพวกลูกให้กลายเป็นความรักและความหวัง
ขอขอบใจลูก
วันพฤหัสบดีที่ 25 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559
วันพุธที่ 24 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559
พระพรการรู้ล่วงหน้า2
นักบุญแอนโทนี มารีย์ คลาเรต์ (1807-1870) เป็นผู้ก่อตั้งคณะ the Missionary Sons of the Immaculate Heart of Mary (หรือเรียกอีกชื่อว่า Claretians)
ครั้งหนึ่งท่านจัดให้มีการเข้าเงียบเตรียมจิตใจสำหรับสัตบุรุษ
แต่ช่วงเวลานั้นเป็นฤดูเก็บเกี่ยวพืชผลของชาวบ้าน
และชาวบ้านต้องไปทำงานในทุ่งนาของพวกเขา คุณพ่อได้ไปเยี่ยมแต่ละบ้านและชักชวนให้พวกเขามาร่วมเข้าเงียบเตรียมจิตใจ
ท่านบอกว่าพระเป็นเจ้าจะอวยพรพวกเขาถ้าพวกเขามาร่วม ชาวบ้านหลายคนตอบปฏิเสธ บอกว่ามันเป็นไปไม่ได้
เพราะพืชผลทั้งหมดอาจเสียหายได้ภายในวันเดียว
ในสถานการณ์เช่นนี้ คุณพ่อได้กล่าวทำนายว่า
“ในนามของพระเป็นเจ้า
พ่อขอบอกพวกคุณว่า
ถ้าพวกคุณมาร่วมในการเตรียมจิตใจครั้งนี้
ต้นข้าวสาลีจะให้ผลมากมาย
ฝนและพายุจะไม่มาทำลาย
แต่ถ้าพวกคุณไม่มาร่วมงาน
พืชผลของพวกคุณก็จะเสียหาย” ด้วยคำทำนายนี้
คุณพ่อจึงสามารถดำเนินกิจการงานของท่านต่อไปได้
มีชาวนาและคนงานมาร่วมมากมาย
แต่ก็มีบางส่วนที่ไม่มา
สองวันต่อมา
ชาวนาที่ไม่มาร่วมงานก็ได้เห็นพืชผลที่เขาปลูกไว้ถูกทำลายจนราบเรียบจากพายุหนักที่เกิดขึ้นอย่างไม่รู้ตัว
แต่ในที่นาของชาวนาที่มาร่วมงานกลับไม่ได้รับความเสียหาย
มิหนำซ้ำต้นข้าวสาลีของพวกเขายังออกรวงมีเมล็ดข้าวมากกว่าแต่ก่อนด้วย เป็นไปตามคำทำนายของคุณพ่อ คลาเรต์
คำทำนายอีกอันหนึ่งของคุณพ่อเกิดขึ้นที่สังฆมณฑลวิค
ในสเปน คู่สามีภรรยา โจเซ่
โรวิรา และ โรซ่า มาลาตส์
พวกเขามีลูกสาวสองคน
คนหนึ่งตายตั้งแต่ยังเล็ก
ส่วนอีกคนหนึ่งชื่อ แคนดีดา เธอปรารถนาจะเข้าอารามเป็นนักบวชและได้บอกความปรารถนาให้พ่อแม่ทราบ พ่อแม่ขอให้เธอคิดทบทวนดู พ่อได้พาลูกสาวมาปรึกษากับพระสงฆ์ชื่อ Father Canals ซึ่งเป็นอธิการของคณะคาร์เมไลท์แห่งวิค ท่านได้พูดคุยสอบถามแคนดีดา
และได้เห็นถึงความยากจนและอายุของผู้เป็นพ่อ ท่านจึงรู้สึกลังเลใจ เพราะพ่อแม่ปรารถนาให้ลูกสาวอยู่กับพวกเขาดูแลพวกเขาในยามแก่ชรา คุณพ่อคานาลรู้เรื่องความศักดิ์สิทธิ์ของคุณพ่อคลาเรต์ ท่านจึงส่งพวกเขาไปหาคุณพ่อคลาเรต์
หลังจากคุณพ่อคลาเรต์สอบถามผู้เป็นลูกสาวแล้ว ท่านสวดภาวนาและพูดกับผู้เป็นพ่อโดยกล่าวทำนายว่า “เป็นพระประสงค์ของพระเป็นเจ้า ที่จะให้แคนดีดาเข้าเป็นนักบวช จงอย่าวิตกกังวลไปเลย เพราะภายในหนึ่งปี
พระเป็นเจ้าจะทรงอวยพรพวกคุณให้ได้ลูกชายคนหนึ่ง เขาจะเป็นผู้ปลอบประโลมใจของคุณในยามที่คุณแก่ชรา” ผู้เป็นพ่อฟังแล้วก็ยิ้ม เพราะรู้ดีว่าภรรยาของเขาหมดเวลาที่จะมีลูกได้แล้ว แต่เขาก็ตอบคุณพ่อคลาเรต์ว่า
“ถ้าในหนึ่งปีนี้ผมมีลูกชาย
เราจะอนุญาตให้ลูกสาวของเราเข้าคอนแวนต์ครับ” และก็เป็นไปตามคำทำนาย ปีถัดมาพวกเขาก็ได้ลูกชาย คนทั้งเมืองรู้เรื่องเกี่ยวกับคำทำนายนี้ และถือว่านี่เป็นการกำเนิดที่อัศจรรย์ แคนดีดาได้เข้าเป็นคาร์เมไลท์ชั้นที่สาม
ส่วนน้องชายของเธอก็เติบโตเป็นคนที่ดูแลพ่อแม่ในยามแก่ชราตามที่คุณพ่อคลาเรต์ทำนายไว้
วันอังคารที่ 23 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559
วันจันทร์ที่ 22 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559
พระพรการรู้ล่วงหน้า
คุณพ่อยอห์น บอสโก(1815-1888), ผู้ก่อตั้งคณะซาเลเซียนได้เคยทำนายเหตุการณ์ที่จะเกิดกับคนบางคนที่ท่านเพิ่งพบเขาเป็นครั้งแรก ดังเช่นกรณีนี้ที่เกิดในปี 1853 เด็กหญิงคนหนึ่งได้พบกับคุณพ่อบอสโกและเล่าให้ท่านฟังว่าเธอได้รับกระแสเรียกที่จะเป็นนักบวช คุณพ่อลังเลใจพักหนึ่งก่อนที่จะตอบว่า
“ลูกจะต้องรอเป็นเวลานานก่อนที่ลูกจะตระหนักใจในความปรารถนาของลูก แต่ในที่สุดลูกจะเข้าสู่คณะนักบวชคณะหนึ่งซึ่งก่อตั้งขึ้นในปีเดียวกับวันเกิดของลูก” สิบสองปีผ่านไป เด็กหญิงผู้นั้นก็ได้เข้าสู่คณะ Little
Sisters of the Assumption ซึ่งก่อตั้งขึ้นในเวลาเดียวกับวันเกิดของเด็กหญิงคนนี้ เป็นไปตามที่คุณพ่อบอสโกได้กล่าวทำนายไว้ ทั้งๆที่คุณพ่อบอสโกเพิ่งพบเด็กหญิงคนนี้เป็นครั้งแรก
วันอาทิตย์ที่ 21 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559
ความฝันของคุณพ่อบอสโก
เมื่อคนยากจนจะเป็นผู้ประกาศพระวาจาของพระเจ้าแก่โลก
พระสงฆ์จะมาจากคนที่จับจอบ เสียม
และค้อน
>>>อ่านต่อ
>>>อ่านต่อ
วันเสาร์ที่ 20 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559
การเดินรูป14ภาคที่ภูทอกน้อย
สัตบุรุษ 15 วัดในเขตจังหวัดบึงกาฬ ร่วมใจเดินรูป 14 ภาค รำพึงถึงพระมหาทรมานอันศักดิ์สิทธิ์ของพระ?เยซูคริสตเจ้า นำโดย คุณพ่อบัวทอง บุญทอด หัวหน้าเขตบึงกาฬ คุณพ่ออุทัย ถาวร, C.M. คุณพ่อโฮเซ โรดริเกซ คุณพ่อสุรพงษ์ ลาบุดดี คุณพ่อปรีชา ศิลาโคตร และสังฆานุกร ประเสริฐ คุณโดน โดยเริ่มเดินรูปจากฐานขึ้นสู่ยอดภูทอกน้อย บ้านภูสวาท อ.บุ่งคล้า จ.บึงกาฬ ณ ที่ตั้งไว้ซึ่งกางเขนใหญ่ และพระรูปแม่มารีย์ ในบรรยากาศงดงามที่โอบล้อมด้วยธรรมชาติอัน?งดงามของสองฝั่งโขง วันศุกร์ ที่ 27 มีนาคม 2015 เวลา 16.00 น. จากนั้นได้เข้าสู่ภาควจนพิธีกรรม การรับศีลมหาสนิท และนมัสการกางเขน หลังเสร็จพิธีกรรม ทุกคนได้รับประทานอาหารว่างร่วมกัน พิธีกรรมในครั้งนี้เป็นการแบ่งปันชีวิตแห่?งความเชื่อ ความหวัง ความรัก และความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันของพี่น้องค?ริสตชนในเขตบึงกาฬ
วันพฤหัสบดีที่ 18 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559
รูปภาพพระเมตตาต้นฉบับ
มีภาพยนตร์สารคดีเรื่องใหม่ถูกสร้างขึ้นและออกฉายแล้ว เกี่ยวกับประวัติของ “ภาพพระเมตตาต้นฉบับ” เป็นเรื่องที่ไม่เคยเล่ามาก่อนเลย ชื่อของภาพยนตร์สารคดีคือ “The Original Image of Divine Mercy: the Untold
Story of an Unknown Masterpiece,” โดยได้รับความร่วมมือจากหลายฝ่าย เช่น comedian
Jim Gaffigan, actor and musician Harry Connick, Jr., George Weigel, Bishop
Robert Barron, and others.
ถึงแม้จะมีรูปภาพพระเมตตาในหลายรูปแบบที่ใช้กันอยู่ทั่วโลกในปัจจุบัน แต่มีเพียงรูปภาพเดียวเท่านั้นที่ถูกใช้ในเวลาที่นักบุญโฟสตีนายังมีชีวิตอยู่
ซึ่งเป็นรูปภาพที่นักบุญโฟสตีนาเห็นในนิมิต และรูปภาพนี้เกือบถูกทำลายไปแล้ว
“พวกโซเวียตที่แอนตี้คาทอลิกอย่างรุนแรงได้เข้าครอบครองเมืองวิลนีอุส ทำให้ต้องมีการซ่อนรูปภาพพระเมตตาเอาไว้ ในที่สุดก็มีซิสเตอร์สองคนยอมรับภารกิจที่ท้าทายและแทบเป็นไปไม่ได้
นั่นคือการลักลอบนำรูปภาพพระเมตตาข้ามพรมแดนระหว่างลิธูเนียกับเบลารุส”
จนกระทั่งปี 2005
รูปภาพพระเมตตานี้ก็ได้กลับมายังที่อยู่ดั้งเดิมที่เมืองวิลนีอุสตามความปรารถนาของนักบุญโฟสตีนาและบุญราศีคุณพ่อไมเคิล โซปอกโกวันพุธที่ 17 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559
พระสันตปาปาสวดหน้าพระรูปแม่พระกัวดาลูเป
พระสันตะปาปาเสด็จเยี่ยมอาสนวิหารแม่พระกัวดาลูเป
ในเม็กซิโก และทรงสวดหน้าพระรูปอย่างเงียบๆ
วันอังคารที่ 16 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559
ศีลมหาสนิท
ศีลมหาสนิท
– พันธสัญญาระหว่างพระเยซูเจ้ากับประชากรของพระองค์
พระเยซูเจ้าทรงกระทำพันธสัญญาในการเสกปังระหว่างอาหารค่ำมื้อสุดท้าย พันธสัญญานี้เป็นความสัมพันธ์ในครอบครัว
ประชาชนจากหลายครอบครัวได้กลายมาเป็นครอบครัวเดียว ความสัมพันธ์นี้ไม่เหมือนความสัมพันธ์อื่น อย่างเช่นการซื้อขายแลกเปลี่ยนสินค้าหรือการบริการทางด้านเศรษฐกิจ
แต่เป็นความสัมพันธ์ที่เหมือนกับการแต่งงานซึ่งทำให้คนสองคนกลายเป็นเนื้อเดียวกัน
สิ่งเดียวกันนี้บังเกิดขึ้นในศีลมหาสนิทด้วย พระเยซูคริสต์ทรงกลายเป็นกายและโลหิตเดียวกันกับเรา เพราะเรามีเนื้อและพระโลหิตของพระองค์อยู่ในตัวของเรา และเราก็เป็นเหมือนพระแม่มารีย์ด้วย
เพราะพระนางทรงรับพระเยซูไว้ในครรภ์ของพระนางเป็นเวลา 9 เดือน พันธสัญญานี้มีความหมายว่าบัดนี้เราเป็นสมาชิกในครอบครัวแล้ว
เปรียบเหมือนเด็กที่เกิดมาแล้วและเขาได้กลายเป็นทายาทที่มีสิทธิในมรดก เช่นเดียวกับในการรับศีลล้างบาป เราได้กลายเป็นบุตรของพระเจ้า เรามีพระเจ้าเป็นบิดาของเรา มีพระเยซูเจ้าเป็นพระผู้ไถ่ของเรา และมีพระจิตเจ้าเป็นผู้คอยช่วยเหลือเรา เมื่อมีการแต่งงาน
คู่แต่งงานได้เข้าไปอยู่ในครอบครัวของแต่ละฝ่าย
บิดามารดาของเจ้าสาวก็กลายเป็นบิดามารดาของฝ่ายชาย
และบิดามารดาของฝ่ายชายก็กลายเป็นบิดามารดาของเจ้าสาวเช่นกัน เมื่อทั้งคู่มีลูก ลูกที่เกิดมาก็เข้ามาอยู่ในครอบครัวของพวกเขา ลูกมีทั้งบิดาและมารดา ด้วยเหตุนี้พระเยซูเจ้าจึงตรัสกับยอห์นว่า “นี่คือแม่ของท่าน” (ยน.19:27)
เมื่อเราเป็นศิษย์ของพระเยซูเจ้า เราจึงควรทำเช่นเดียวกับยอห์นซึ่งรับพระมารดามารีย์มาอยู่ในบ้านของตน เราก็ต้องรับพระมารดามารีย์มาอยู่ในหัวใจของเราเช่นกัน
วันจันทร์ที่ 15 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559
อัศจรรย์วันพุธรับเถ้าปี 1218
“เราบอกความจริงแก่ท่านว่า ถ้าท่านมีความเชื่อเพียงเท่าเมล็ดมัสตาด ท่านจะบอกแก่ภูเขาว่า ‘จงย้ายไปจากที่นี่’ มันก็จะเชื่อฟังท่าน
ไม่มีสิ่งใดที่ท่านจะทำไม่ได้” – (มธ. 17.20)
จากหนังสือ Butler’s Lives of Saints ได้บันทึกไว้ว่า - วันพุธรับเถ้าของปี 1218 น.โดมินิคซึ่งมีอายุ
48 ปี กำลังปรึกษางานอยู่กับพระคาร์ดินัลในห้อง ทันใดนั้นก็มีคนหนึ่งเปิดประตูเข้ามา เข้าร้องห่มร้องไห้ใหญ่โต เขานำข่าวร้ายมาบอกว่า หลานชายของพระคาร์ดินัลถูกฆ่าตาย
ในตอนแรก ทุกคนรู้สึกงุนงงและเงียบไปพักใหญ่ พระคาร์ดินัลตกใจและเศร้าโศกมาก น.โดมินิคพยายามพูดจากปลอบโยน แล้วน.โดมินิคก็สั่งให้นำศพผู้ตายมาและให้เตรียมประกอบพิธีมิสซาที่โบสถ์ใกล้เคียงทันที
ในระหว่างพิธีมิสซา น.โดมินิครู้สึกเศร้าใจและร้องไห้ เมื่อถึงตอนเสกศีลก็มีบางสิ่งที่เหลือเชื่อเกิดขึ้น ขณะที่น.โดมินิคยกแผ่นศีลและถ้วยกาลิกส์ขึ้น ท่านก็ตกอยู่ในภวังค์และตัวก็ลอยสูงขึ้น ทุกคนที่อยู่ที่นั่นได้เห็นกันหมด
เมื่อพิธีจบลงแล้ว
น.โดมินิคนำทุกคนไปที่ศพของผู้ตาย
ท่านคุกเข่าและสวดภาวนาอย่างเงียบๆสักพักหนึ่ง แล้วก็ลุกขึ้นยืน ทำสำคัญมหากางเขน แล้วตัวของน.โดมินิคก็ลอยขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง ท่านพูดเสียงดังว่า “เราขอบอกท่าน ในพระนามของพระเยซูคริสต์พระผู้ไถ่ของเรา จงลุกขึ้น”
ด้วยฤทธานุภาพของพระเป็นเจ้า
ต่อหน้าผู้คนทั้งหลาย
คนตายก็กลับฟื้นมีชีวิตและลุกขึ้นยืน
ข่าวอัศจรรย์นี้แพร่กระจายไปในเมืองอย่างรวดเร็ว ชาวเมืองและแม้แต่พระสันตะปาปาก็ทราบข่าวนี้ และทุกคนก็เฉลิมฉลองสรรเสริญพระเป็นเจ้า
วันเสาร์ที่ 13 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559
พระสันตปาปาพบกับพระอัยกา
HAVANA
-- เมื่อวันศุกร์ที่ 12 ก.พ. 2016 พระสันตปาปาฟรังซิสได้พบก้บพระอัยกาคิริลแห่งศาสนจักรรัสเซียออร์โธดอกซ์
นับเป็นประวัติศาสตร์ของการพัฒนาความสัมพันธ์ในรอบ 1000 ปีจากการแบ่งแยกกัน
ในห้อง
VIP ของสนามบินแห่งชาติในกรุงฮาวานา ของคิวบา เมื่อได้พบกันพระสันตปาปาฟรังซิส ตรัสว่า “ในที่สุด”
แล้วทรงโอบกอดพระอัยกาคิริล แล้วตรัสต่อไปว่า
“เราเป็นพี่น้องกัน”
ทั้งสองจูบทักทายกันสามครั้งตามธรรมเนียมตะวันออก พระอัยกาคิริลตรัสกับพระสันตปาปาผ่านทางล่ามว่า “บัดนี้ สิ่งต่างๆก็ง่ายขึ้นแล้ว” การพบกันนี้ใช้เวลานาน 3 ชั่วโมง
วันพฤหัสบดีที่ 11 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559
นักบุญอากาทา
อากาทา
แปลว่า ดี,ความดี
ชีวิตของนักบุญอากาทา
ก็คล้ายกับนักบุญอักแนส
ทั้งสองเป็นพรหมจารีย์มรณสักขีในยุคต้นของพระศาสนจักร แต่สำหรับนักบุญอากาทาเกือบไม่มีรายละเอียดเกี่ยวกับเธอในประวัติศาสตร์เลย
เว้นแต่บอกว่าเธอเป็นมรณสักขีที่เมืองซิซิลี ในอิตาลี
ในระหว่างการเบียดเบียนศาสนาของจักรพรรดิ์เดซีอุส ในปี ค.ศ.251
ตามตำนานเล่าไว้ในลักษณะคล้ายกับนักบุญอักแนส
อากาทาถูกจับในฐานะเป็นคริสตชน
เธอถูกทรมานและถูกส่งตัวไปที่สำนักโสเภณี
แต่เธอได้รับการปกป้องให้พ้นจากความไม่บริสุทธิ์ทั้งหลาย ในที่สุดเธอก็ถูกนำไปประหารชีวิต
นักบุญอากาทาเป็นองค์อุปถัมภ์ของเมืองปาเลโม
และคาตาเนีย ในปีที่เธอเสียชีวิต ภูเขาไฟเอ็ตน่าได้ปะทุขึ้น แต่โดยอาศัยการเข้าแทรกแซงช่วยเหลือจากนักบุญอากาทา ตามคำวอนขอของชาวเมือง ภูเขาไฟจึงได้สงบลง
ตามตำนานเล่าว่า เมื่อนักบุญอากาทาถูกจับ เธอสวดภาวนาว่า “พระเยซูเจ้าข้า พระองค์ทรงเป็นเจ้านายของทุกสิ่ง พระองค์ทรงมองเห็นในใจของลูก พระองค์ทรงทราบความปรารถนาของลูก พระองค์เป็นเจ้าของตัวลูก ลูกเป็นแกะของพระองค์ โปรดทำให้ลูกมีคุณค่าพอที่จะเอาชนะปีศาจด้วยเทอญ” และระหว่างที่อยู่ในคุก เธอสวดว่า “พระเยซูเจ้าข้า องค์พระผู้สร้างของลูก พระองค์ทรงปกป้องลูกตั้งแต่ลูกยังอยู่ในเปล พระองค์ทรงนำลูกให้พ้นจากความรักต่อโลกและทรงประทานความอดทนและความทุกข์แก่ลูก บัดนี้โปรดรับวิญญาณของลูกด้วยเถิด”
วันพุธที่ 10 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559
พระสันตปาปาจะพบกับพระอัยกาคิริล
VATICANCITY : พระสันตปาปาฟรังซิสจะเสด็จเยือนเม็กซิโกในระหว่างวันที่ 12-18
กุมภาพันธ์นี้ และจะทรงหยุดแวะที่คิวบาเพื่อพบกับพระอัยกาแห่งพระศาสนจักรออร์โธดอกซ์แห่งรัสเซีย นับเป็นการพบกันครั้งสำคัญของประวัติศาสตร์ของพระศาสนจักร ต่อไปนี้เป็นข่าวจากหนังสือพิมพ์ Fuller
พระศาสนจักรและศาสนจักรแห่งรัสเซียมีความยินดีที่จะประกาศว่า ด้วยพระหรรษทานของพระเป็นเจ้า
พระสันตปาปาฟรังซิสและพระอัยกาคิริลแห่งมอสโคและแห่งรัสเซียจะพบกันในวันที่
12 กุมภาพันธ์ 2016
การพบกันจะมีขึ้นที่คิวบา โดยพระสันตะปาปาจะหยุดแวะในระหว่างการเดินทางไปเม็กซิโก
ส่วนพระอัยกาจะเยี่ยมคิวบาอย่างเป็นทางการ จะมีการสนทนากันที่สนามบิน โจเซี่ มาร์ติในกรุงฮาวานา และจะมีการลงนามประกาศร่วมกันด้วย
การพบกันระหว่างหัวหน้าพระศาสนจักรคาทอลิกและศาสนจักรออร์โธดอกซ์รัสเซีย
หลังจากที่มีการเตรียมการอย่างเป็นเวลานานครั้งนี้ จะเป็นการพบกันครั้งแรกในประวัติศาสตร์และจะเป็นขั้นสำคัญในความสัมพันธ์ระหว่างศาสนจักรทั้งสอง
พระสันตปาปาและพระอัยกาแห่งมอสโคยังหวังว่านี่จะเป็นเครื่องหมายแห่งความหวังสำหรับประชาชนผู้ที่มีน้ำใจดีทั้งหลาย
ทั้งสองท่านต่างเชื้อเชิญให้คริสตชนทุกคนสวดภาวนาเพื่อที่พระเป็นเจ้าจะทรงประทานพระพรสำหรับการพบกันครั้งนี้ เพื่อที่จะได้บังเกิดผลที่ดีตามมา
วันอังคารที่ 9 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559
ร่างของคุณพ่อปีโอถึงกรุงโรม
CNA Vatican City, Feb 4, 2016 / 10:03 am- พระธาตุร่างกายที่ไม่เน่าเปื่อยของคุณพ่อปีโอ
ได้มาถึงกรุงโรมเป็นครั้งแรก
และจะไปตั้งอยู่ใกล้กับพระธาตุของนักบุญลีโอโปลด์ แมนดิค
นี่ถือเป็นการเริ่มต้นของปีศักดิ์สิทธิ์แห่งเมตตาธรรม
พระธาตุทั้งสองจะตั้งอยู่ในอาสนวิหารนักบุญลอเรนซ์ ในกรุงโรมตั้งแต่วันที่
3 ก.พ. 2016 นักบุญทั้งสองท่านมีชื่อเสียงในด้านการเป็นผู้ฟังสารภาพบาป
ทั้งนี้เพื่อบอกทุกคนให้หันกลับมาคืนดีกับพระเป็นเจ้าและพระศาสนจักรในระหว่างปีศักดิ์สิทธิ์นี้ ด้วยการไปสารภาพบาปแก้ไขความผิดของตน
วันอาทิตย์ที่ 7 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559
วันเสาร์ที่ 6 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559
วันพฤหัสบดีที่ 4 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559
พระนางมารีย์ที่ฟาติมา
พระนางมารีย์ทรงประจักษ์มาหลายครั้งในระยะสุดท้ายของยุคสมัยนี้ เพื่อเตือนมนุษย์ให้กลับมาหาองค์พระบุตรของพระนาง การประจักษ์ครั้งสำคัญที่สุดคือที่ฟาติมา ประเทศโปรตุเกสในปี 1917 แม่พระทรงเตือนเกี่ยวกับการมาของลัทธิคอมมิวนิสต์และการปฏิวัติที่ปราศจากพระเจ้าซึ่งจะแพร่กระจายไปทั่วโลก แม่พระทรงขอร้องให้เราทุกคนสวดสายประคำทุกวันเพื่อสันติภาพของโลก ครั้งสุดท้ายที่แม่พระประจักษ์คือเดือนตุลาคม
1917 และไม่กี่วันหลังจากการประจักษ์ ก็มีการปฏิวัติของกษฏบอลเชวิคในประเทศรัสเซีย สิ่งที่น่าสนใจคือ
ลัทธิคอมมิวนิสต์ในยุโรปเริ่มต้นโดยบรรดากรรมกรที่ไม่เชื่อในพระเจ้าทำการปฏิวัติบนท้องถนนของรัสเซียในปี
1917 และต่อมาลัทธิคอมมิวนิสต์ก็ถูกโค่นทำลายลงโดยบรรดากรรมกรคาทอลิกที่ลุกขึ้นต่อต้านบนถนนในประเทศโปแลนด์
(ประเทศซึ่งศรัทธาในแม่พระมาก) ในปี 1989 (72 ปี)
ย้อนกลับมาที่ฟาติมาในเดือนตุลาคม มีอัศจรรย์ยิ่งใหญ่เกิดขึ้นต่อหน้าสายตาประชาชนหลายหมื่นคน คืออัศจรรย์ดวงอาทิตย์ และอัศจรรย์สำคัญนี้ถูกบันทึกและแพร่ข่าวในหนังสือพิมพ์ที่ดำเนินงานโดยกลุ่มฟรีเมซอน
แม่พระยังทรงทำนายถึงความทุกข์ยากที่น่ากลัวที่จะเกิดขึ้นในอนาคต
(เวลานั้นสงครามโลกครั้งที่1 ใกล้จะยุติ)
ถ้าหากประชาชนยังไม่กลับใจ และในปี
1939 เยอรมนีก็ยกทัพโจมตีโปแลนด์
สงครามโลกครั้ง 2
อุบัติขึ้นเมื่อญี่ปุ่นโจมตีสหรัฐที่เพิรล์ฮาเบอร์ในวันที่ 7 ธ.ค. 1947 แต่สุดท้ายญี่ปุ่นก็ยอมแพ้ในวันที่ 15 ส.ค.
1945 ซึ่งตรงกับวันฉลองแม่พระเสด็จขึ้นสวรรค์
วันอังคารที่ 2 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559
ไม่มีแม่พระก็ไม่มีพระเยซูเจ้า
ไม่มีแม่พระก็ไม่มีพระเยซูเจ้า ไม่รู้จักแม่พระก็ไม่รู้จักพระเยซูเจ้า
แม่พระทรงให้กำเนิดพระเยซูคริสต์
ผู้เป็นปังแห่งชีวิต ที่”เบ็ทเลเฮ็ม” ซึ่งเป็นภาษายิวแปลว่า “บ้านขนมปัง” แม่พระทรงวางพระกุมารไว้ในรางหญ้า (รางหญ้า = manger
มาจากคำว่า mangia ซึ่งแปลว่า “สำหรับกิน”)
รางหญ้ามีไว้เพื่อให้อาหารแกะ
นี่เป็นสัญลักษณ์ในการที่เราเข้าไปรับศีลมหาสนิท พระคริสต์ทรงบังเกิดในสถานที่อันต่ำต้อย
แต่สถานที่อันต่ำต้อยนี้กลายเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์โดยการประทับอยู่ของพระเยซูคริสต์
ลักษณะเดียวกันนี้เกิดขึ้นเมื่อพระเยซูเจ้าทรงมาประทับอยู่ในสถานที่อันต่ำต้อยอีกแห่งหนึ่ง นั่นคือร่างกายที่ต่ำต้อยเพราะบาปของเรา พระองค์ทรงทำให้ร่างกายนี้ศักดิ์สิทธิ์ ถ้าปราศจากพระคริสต์ ซาตานจะเข้าครอบครองพวกเราทั้งหมด แม่พระทรงเป็นมารดาที่น่ารัก พระนางทรงเลี้ยงดูพวกเราด้วยพระบุตรของพระนางในศีลมหาสนิท เพื่อที่พวกเราจะได้มีชีวิตนิรันดร และพระนางปรารถนาให้เราทุกคนทำความสะอาดจิตใจของเราด้วยการไปรับศีลอภัยบาป
ในศีลอภัยบาปพวกเราได้บังเกิดใหม่ได้ชีวิตใหม่ และผู้บังเกิดมาย่อมต้องมีมารดา และพระนางมารีย์ทรงเป็นมารดาของพวกเรา ตามที่พระคัมภีร์วิวรณ์12:17 กล่าวไว้ว่า “และพวกเราจะเป็นลูกของพระนาง ถ้าเราเป็นพยานยืนยันถึงพระคริสต์และปฏิบัติตามพระบัญญัติของพระองค์”
วันจันทร์ที่ 1 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559
พระดำรัสสำหรับเทศกาลมหาพรต2016
ROME — พระสันตปาปาฟรังซิสทรงเตือน “ผู้ร่ำรวยและมีอำนาจ” ว่า
ถ้าพวกเขาละเลยคนยากจนซึ่งอยู่ใกล้พวกเขา (คนยากจนผู้เป็นเหมือนพระคริสต์อีกองค์หนึ่ง) พวกเขาจะจบชีวิตในนรก
พระสันตะปาปาวิงวอนคริสตชนทุกคนให้ใช้เวลา
40 วันในเทศกาลมหาพรตที่จะเริ่มต้นในวันที่ 10 กุมภาพันธ์ เพื่อ”เอาชนะความโน้มเอียงที่ไม่ดี”ของตน โดยฟังพระวาจาของพระเจ้าและปฏิบัติกิจเมตตา
โดยการให้อาหารแก่ผู้หิวโหย ให้เสื้อผ้าแก่ผู้เปล่าเปลือย ให้ที่พักแก่ผู้ไร้บ้าน การเยี่ยมผู้ขัดสน การให้คำปรึกษา และให้อภัยเหมือนที่พระคริสต์ทรงให้อภัย
“โดยการสัมผัสร่างกายของพระเยซูผู้ถูกตรึงกางเขนด้วยความทรมาน คนบาปจะสามารถรับพระพรที่จะทำให้เขาตระหนักว่า พวกเขาก็เป็นคนยากจนขัดสนด้วยเช่นกัน”
พระคริสต์กลับกลายเป็นผู้มองเห็นได้ในผู้ที่ทุกข์ทรมาน ผู้ถูกบดขยี้
ผู้เจ็บป่วย ผู้หิวโหยอดอาหารและผู้ลี้ภัย โดยเฉพาะอย่างยิ่งคือผู้ที่ได้รับการเบียดเบียนเพราะความเชื่อของพวกเขาซึ่งมีอยู่ทั่วโลก
โดยอาศัยกิจการแห่งความเมตตาเท่านั้นที่ผู้มีอำนาจและคนร่ำรวยสามารถได้รับการโอบกอดและความรักจากพระเยซู
พระผู้ทรงถูกตรึงกางเขนและกลับคืนชีพเพื่อพวกเขา
ความรักของพระคริสต์เป็นคำตอบสำหรับ
“การได้รับความสุขและความรักนิรันดร แทนสิ่งที่เราคิดว่ามันให้ความสุขด้วยอุปมัยของความรู้,
อำนาจและความร่ำรวย”
“แต่อันตรายยังมีอยู่เสมอสำหรับผู้มีใจหยิ่งทะนง คนร่ำรวยและผู้มีอำนาจ ถ้าพวกเขาปิดประตูหัวใจของเขาต่อพระคริสต์ผู้ทรงเคาะประตูเรียกพวกเขาในตัวของผู้ยากจน พวกเขาจะจบชีวิตและสาปแช่งตัวเองให้ตกลงสู่ห้วงมหรรณพอันโดดเดี่ยวอ้างว้างนั่นก็คือนรก”
“พวกเขาคิดว่าตัวเองร่ำรวย
แต่แท้ที่จริงพวกเขายากจนที่สุดในบรรดาความยากจน เพราะพวกเขาเป็นทาสของบาป โดยการไม่ใช้ความร่ำรวยและอำนาจเพื่อรับใช้พระเจ้าและคนอื่นๆ
แต่จงรับรู้ในส่วนลึกของหัวใจของเขาเถอะว่า พวกเขาก็เช่นกัน เป็นเพียงคนยากจนและขอทานเท่านั้น”
“ยิ่งมีอำนาจและร่ำรวยมากเท่าไร ความมืดบอดและการหลอกลวงก็มีมากขึ้นเท่านั้น พวกเขามืดบอดต่อพระคริสต์ พระผู้ทรงพร่ำวิงวอนพวกเขาโดยผ่านทางคนยากจนและสาส์นของเรา”
เทศกาลมหาพระกินเวลา
40 วัน
เป็นเวลาสำหรับทำพลีกรรมการอดอาหาร
สวดภาวนา และกลับใจใช้โทษบาป เริ่มต้นในวันพุธรับเถ้า 10 กุมภาพันธ์ และเตรียมจิตใจสำหรับวันอิสเตอร์ที่จะมาถึงซึ่งตรงกับวันที่
24 มีนาคม
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)