พระเมตตาของพระเยซูเจ้า

จงบอกมนุษยชาติที่กำลังเจ็บป่วย ให้เข้ามาใกล้หัวใจอันเมตตาของเรา แล้วเราจะประทานสันติภาพให้แก่มนุษยชาติ พระเมตตาของเราไม่มีวันสิ้นสุดเลย

พระวาจาวันอาทิตย์ที่ 26 ตุลาคม 2025 ผู้ใดที่ยกตนขึ้นจะถูกกดให้ต่ำลง

          พระเยซูเจ้าตรัสเล่าเรื่องอุปมานี้ให้บางคนที่ภูมิใจว่าตนเป็นผู้ชอบธรรมและดูหมิ่นผู้อื่นฟังว่า ‘มีชายสองคนขึ้นไปอธิษฐานภาวนาในพระวิหาร คนหนึ่งเป็นชาวฟาริสี อีกคนหนึ่งเป็นคนเก็บภาษี ชาวฟาริสียืนอธิษฐานภาวนาในใจว่า “ข้าแต่พระเจ้า ข้าพเจ้าขอบพระคุณพระองค์ที่ข้าพเจ้าไม่เป็นเหมือนมนุษย์คนอื่น ที่เป็นขโมย อยุติธรรม ล่วงประเวณี หรือเหมือนคนเก็บภาษีคนนี้ ข้าพเจ้าจำศีลอดอาหารสัปดาห์ละสองวัน และถวายหนึ่งในสิบของรายได้ทั้งหมดของข้าพเจ้า” ส่วนคนเก็บภาษียืนอยู่ห่างออกไป ไม่กล้าแม้แต่จะเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้า ได้แต่ข้อนอก พูดว่า “ข้าแต่พระเจ้า โปรดทรงพระกรุณาต่อข้าพเจ้าคนบาปด้วยเถิด” เราบอกท่านทั้งหลายว่าคนเก็บภาษีกลับไปบ้าน ได้รับความชอบธรรม แต่ชาวฟาริสีไม่ได้รับ เพราะว่าผู้ใดที่ยกตนขึ้นจะถูกกดให้ต่ำลง ผู้ใดที่ถ่อมตนลง จะได้รับการยกย่องให้สูงขึ้น’’
(ลูกา 18:9-14)








วันพุธที่ 22 พฤศจิกายน พ.ศ. 2566

แม่พระถวายองค์ในพระวิหาร 21 พ.ย.


การเฉลิมฉลองแม่พระถวายองค์ในพระวิหารถือได้ว่าเป็นการเฉลิมฉลองแม่พระครั้งสุดท้ายของปีและเป็นการรอคอยเทศกาลพระคริสตสมภพ 
บิดามารดาได้พามารีย์น้อยไปที่พระวิหาร ตามที่คุณพ่อ อัลบัน บัตเลอร์กล่าวไว้ นี่เป็นธรรมเนียมของพ่อแม่ชาวยิวในขณะนั้น “พ่อแม่ที่เคร่งศาสนามักจะสวดภาวนาด้วยความศรัทธาเพื่อให้มีโอกาศถวายลูกๆของตนรับใช้และรักพระเจ้า,ทั้งก่อนและหลังการเกิด ชาวยิวบางคนไม่เพียงแต่ถวายลูกๆของตนในแบบทั่วไป พวกเขาถวายแด่พระเจ้าตั้งแต่ยังเป็นทารก,ด้วยมือของสมณะในพระวิหาร และให้ลูกของพวกเขาพักอยู่ในห้องพักของพระวิหาร, และถูกเลี้ยงดูภายใต้การดูแลของพระสงฆ์และคนเลวีในการอภิบาลอันศักดิ์สิทธิ์” 
เหตุการณ์นี้สอดคล้องกับวันคริสตสมภพเป็นสำคัญ พระนางมารีย์ทรงได้รับการจัดเตรียมในพระวิหารก่อนถึงวันสำคัญของพระนาง และนี่เป็นตัวอย่างสำหรับเราในการฉลองเทศกาลพระคริสตสมภพเพื่อใช้เป็นเวลาแห่งการรอคอยและสวดภาวนาด้วยความอดทน 
การถวายองค์ในพระวิหารของพระนางมารีย์ท้าทายให้เราเตรียมตัวล่วงหน้าในสิ่งที่พระเจ้าทรงเตรียมไว้สำหรับเรา และทำให้เทศกาลพระคริสตสมภพเป็นเทศกาลพิเศษฝ่ายจิตวิญญาณ 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น