พระเมตตาของพระเยซูเจ้า

จงบอกมนุษยชาติที่กำลังเจ็บป่วย ให้เข้ามาใกล้หัวใจอันเมตตาของเรา แล้วเราจะประทานสันติภาพให้แก่มนุษยชาติ พระเมตตาของเราไม่มีวันสิ้นสุดเลย

พระวาจาวันอาทิตย์ที่ 19 มกราคม 2025 งานแต่งงานที่หมู่บ้านคานา

           สามวันต่อมามีงานสมรสที่หมู่บ้านคานาในแคว้นกาลิลี พระมารดาของพระเยซูเจ้าทรงอยู่ในงานนั้น พระเยซูเจ้าทรงได้รับเชิญพร้อมกับบรรดาศิษย์มาในงานนั้นด้วย เมื่อเหล้าองุ่นหมด พระมารดาของพระเยซูเจ้าจึงมาทูลพระองค์ว่า “เขาไม่มีเหล้าองุ่นแล้ว” พระเยซูเจ้าตรัสว่า “หญิงเอ๋ย ท่านต้องการสิ่งใด เวลาของเรายังมาไม่ถึง” พระมารดาของพระเยซูเจ้าจึงกล่าวแก่บรรดาคนรับใช้ว่า “เขาบอกให้ท่านทำอะไร ก็จงทำเถิด” ที่นั่นมีโอ่งหินตั้งอยู่หกใบ เพื่อใช้ชำระตามธรรมเนียมของชาวยิว แต่ละใบจุน้ำได้ประมาณหนึ่งร้อยลิตร พระเยซูเจ้าตรัสกับบรรดาคนรับใช้ว่า “จงตักน้ำใส่โอ่งให้เต็ม” เขาก็ตักน้ำใส่จนเต็มถึงขอบ แล้วพระองค์ทรงสั่งเขาอีกว่า “จงตักไปให้ผู้จัดงานเลี้ยงเถิด” เขาก็ตักไปให้ ผู้จัดงานเลี้ยงได้ชิมน้ำที่เปลี่ยนเป็นเหล้าองุ่นแล้ว ไม่รู้ว่าเหล้านี้มาจากไหน แต่คนรับใช้ที่ตักน้ำรู้ดี ผู้จัดงานเลี้ยงจึงเรียกเจ้าบ่าวมา พูดว่า “ใคร ๆ เขานำเหล้าองุ่นอย่างดีมาให้ก่อน เมื่อบรรดาแขกดื่มมากแล้ว จึงนำเหล้าองุ่นอย่างรองมาให้ แต่ท่านเก็บเหล้าอย่างดีไว้จนถึงบัดนี้” พระเยซูเจ้าทรงกระทำเครื่องหมายอัศจรรย์ ครั้งแรกนี้ที่หมู่บ้านคานา แคว้นกาลิลี พระองค์ทรงแสดงพระสิริรุ่งโรจน์ของพระองค์ และบรรดาศิษย์เชื่อในพระองค์
(ยอห์น 2:1-11)








วันเสาร์ที่ 30 พฤศจิกายน พ.ศ. 2567

นักบุญยอห์น บอสโก พูดถึงสวรรค์


“พระสิริรุ่งโรจน์ของพระเจ้าส่องแสงเหนือนครนี้ และตะเกียงของเมืองนี้คือลูกแกะ”
>>>อ่านต่อ

วันศุกร์ที่ 29 พฤศจิกายน พ.ศ. 2567

แม่พระเหรียญอัศจรรย์


“ใครก็ตามที่สวมเหรียญนี้หรือมีเหรียญนี้ติดตัว,จะได้รับพระหรรษทานที่ยิ่งใหญ่”
>>>อ่านต่อ

วันพฤหัสบดีที่ 28 พฤศจิกายน พ.ศ. 2567

ทำไมคนเลวถึงมีความสุข


ในการประกอบพิธีขับไล่ปีศาจครั้งหนึ่งของผม,ผมถามปีศาจว่า “ทำไมคนเลวถึงมีชีวิตที่มีความสุขเพลิดเพลินในโลกนี้?

 ปีศาจตอบว่า มันไม่ทรมานพวกเขาในเวลานี้เพราะมันมีเวลาเป็นนิรันดรที่จะทรมานพวกเขาตลอดกาล 

คุณพ่อ โจซิส ซีกา Fr. Jocis Syquia

วันพุธที่ 27 พฤศจิกายน พ.ศ. 2567

วันอังคารที่ 26 พฤศจิกายน พ.ศ. 2567

สาส์นแม่พระ 25 พ.ย. 2024

สาส์นแม่พระประทานแก่ มารีจา 25 พ.ย. 2024
ลูกที่รักทั้งหลาย
         ในเวลาแห่งพระหรรษทานแห่งความคาดหวัง,แม่ปรารถนาให้ลูกสวดภาวนาสำหรับเทศกาลเตรียมพระคริสตสมภพ,ให้เป็นการสวดภาวนาของครอบครัว ลูกน้อยทั้งหลาย,ในวิธีที่พิเศษ,แม่ได้โอบกอดพวกลูกไว้อย่างอ่อนโยน แม่ขอกระตุ้นให้ลูกสวดภาวนาเพื่อสันติภาพในโลก สวดภาวนาให้สันติภาพมีชัยชนะเหนือความไร้สันติภาพและความเกลียดชัง
          ขอขอบใจที่ตอบสนองเสียงเรียกของแม่           

วันจันทร์ที่ 25 พฤศจิกายน พ.ศ. 2567

จดหมายถึงไดออกเนตัส


ผู้เขียนบรรยายถึงความแตกต่างระหว่างคริสตชนและคนนอกคริสต์ศาสนา
>>>อ่านต่อ

วันอาทิตย์ที่ 24 พฤศจิกายน พ.ศ. 2567

คริสตชนเป็นอย่างไร


พวกเขาอาศัยอยู่ในประเทศของตัวเองราวกับว่าพวกเขาแค่ผ่านไปมา
>>>อ่านต่อ

วันเสาร์ที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2567

สมโภชพระเยซูเจ้ากษัตริย์แห่งสากลจักรวาล

 


 

            ข้าพเจ้ากราบกราน    พระเจ้าจอมจักรวาล 

พระเกียรติไพศาล    ผ่านพิภพแดนสวรรค์ 

      ปกครองเหล่าเทพเทวัญ  หมู่มวลดารันดร์ 

สิ่งมีชีวิตทั้งนั้น      ทั้งใต้พื้นปฐพี 

      พระเกียรติศักดิ์ศรี   ทรงเดชฤทธี 

เปี่ยมล้นเต็มที่     มิมีผู้ใดเทียมทัน 

      บัดนี้จอมเทวัญ     พระเจ้าจอมขวัญ 

เสด็จลงมายัง      เหนือพระแท่นบูชา 

      แปรเปลี่ยนพระองค์     ดำรงพระกายา 

เป็นแผ่นปังมังสา    อันต่ำต้อยนี้ 

      ปังแผ่นเล็กน้อย ไม่สมพระศักดิ์ศรี 

เหล่าข้าน้อยนี้      ตรองตรึกระทึกใจ 

       มนุษย์นั้นไซร้     พวกเขาเป็นใคร 

จึงทรงสนใจ      ประทานพระเกียรติรุ้งรวี 

       เขาทำสิ่งดีอันใด     ให้พอพระทัย 

จึงทรงประทานให้     พระเมตตามากมาย 

      ความรักพระองค์     มากล้นพรรณราย 

แด่มนุษย์ทั้งหลาย    ข้าฯขอถวาย     นมัสการสดุดี                                            



********************** 

วันศุกร์ที่ 22 พฤศจิกายน พ.ศ. 2567

โบสถ์ที่เก่าแก่ที่สุดในโลก




นี่คือโบสถ์ถ้ำนักบุญเปโตรในเมืองอันติโอก ซึ่งเป็นโบสถ์ที่เก่าแก่ที่สุดในโลก

ภายในถ้ำของโบสถ์นั้นดูเรียบง่ายและเคร่งขรึม เฟอร์นิเจอร์ถาวรเพียงอย่างเดียวคือพระแท่นบูชา, พระรูป, และบัลลังก์หิน

โบสถ์ถ้ำแห่งนี้สร้างขึ้นโดยอัครสาวกเปโตรและอัครสาวกเปาโลเมื่อประมาณปี ค.ศ. 40 ในระหว่างการเดินทางแพร่ธรรมครั้งแรกไปยังเมืองอันติโอกก่อนจะย้ายไปกรุงโรม  

นักบุญเปโตรและเปาโลร่วมกับอัครสาวกยอห์นก่อตั้งศูนย์กลางแพร่ธรรมในเมืองอันติโอก ซึ่งเป็นหนึ่งในเมืองที่สำคัญที่สุดในคริสตศาสนา

ตามที่เรารู้กันดีว่าผู้ติดตามพระคริสต์ถูกเรียกว่าคริสตชนเป็นครั้งแรกในเมืองอันติโอก ในกิจการ 11, 26 (ตามลำดับเหตุการณ์เมื่อประมาณปี ค.ศ. 47) และคริสตชนเหล่านี้คือ อัครสาวกเปโตร, เปาโล, ยอห์น, อิกเนเชียส, และโพลีคาร์ปัส..  

อัครสาวกเปโตร เปาโล และยอห์นตัดสินใจแต่งตั้งนักบุญอิกเนเชียสเป็นบิชอปแห่งอันติโอกแทนเอโวดิอุส...  

และเพื่อนสนิทของอัครสาวกทั้ง 3 ท่านนี้ นักบุญอิกเนเชียส ซึ่งมีนามสกุลว่า ธีโอโฟรัส (Theophorus หมายถึงผู้ศักดิ์สิทธิ์) เป็นทหารที่เข้มแข็งและกล้าหาญที่ตำหนิจักรพรรดิโดมิเชียน จักรพรรดินอกศาสนาและผู้เบียดเบียนคริสตชนอย่างไม่เกรงกลัว  

เขาเป็นคนที่ใช้คำว่า"คริสตชน"ครั้งแรกในจดหมายที่ส่งถึงเมืองสมิร์นา ซึ่งนักบุญโพลีคาร์ปดำรงตำแหน่งบิชอปที่นั่น  

วันพฤหัสบดีที่ 21 พฤศจิกายน พ.ศ. 2567

วันพุธที่ 20 พฤศจิกายน พ.ศ. 2567

เชื่อฟังและปฏิบัติตามพระประสงค์ของพระเจ้า


กษัตริย์ซาอูลได้รับคำสั่งจากพระเจ้าให้ไปโจมตีชาวอามาเล็ข(1 ซามูแอล 15:1) คำสั่งนั้นก็ง่ายมาก แต่จิตใจของซาอูลกลับหันเหไปจากคำสั่งของพระเจ้า และกระทำตามความคิดของตนเองแทน

เมื่อซาอูลเห็นประกาศกซามูแอล,เขาก็รีบไปต้อนรับและพูดโกหกว่า “ข้าพเจ้าเชื่อฟังพระบัญชาของพระยาห์เวห์แล้ว”(1 ซามูแอล 15:20)

ซาอูลหวังว่าจะทำให้พระเจ้าและซามูเอลพอใจ หลายคนก็ทำผิดเช่นนี้ โดยหวังว่าจะทำให้พระเจ้าประทับใจด้วยการกระทำที่เสียสละบางอย่างเป็นเครื่องบูชาแด่พระเจ้า

พวกเขาเต็มใจที่จะถวายทศางค์(การถวายหนึ่งในสิบ)และเครื่องบูชาอันมีค่า บริจาคและให้ของขวัญแก่ผู้นำศาสนาและโบสถ์ของพวกเขา ในขณะที่ยังดำเนินชีวิตในบาปที่เป็นความลับหรือเปิดเผย แต่พระวาจาของพระเจ้ายังคงชัดเจน: “…ความนบนอบเชื่อฟังดีกว่าการกระทำที่เสียสละ”!

ดังนั้น ผู้มีความเชื่อที่จริงใจทุกคนจึงจำเป็นต้องซึมซับ “พระหรรษทานของพระเจ้าที่ประทานแก่คริสตชน…ดังเช่นชาวมาซิโดเนีย(2 โครินธ์ 8:1,5) “เราใคร่จะให้ท่านรู้เรื่องพระหรรษทานซึ่งพระเจ้าประทานแก่พระศาสนจักรต่างๆในแคว้นมาซิโดเนีย...แม้เขาต้องทนทุกข์แสนสาหัส ก็ยังมีความสุข แม้จะยากจน ก็ยังมีความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ เขาบริจาคทานด้วยความสมัครใจ...เขาถวายตนแด่พระเจ้าก่อน แล้วจึงมอบตนให้กับเราตามพระประสงค์ของพระเจ้า”

“เขาถวายตนแด่พระเจ้าก่อน” ก่อนที่จะถวายสิ่งของเป็นเครื่องบูชา (2 โครินธ์ 8:1,5) ความนบนอบเชื่อฟังพระเจ้าในระดับสูงสุดนี้ ไม่มีสิ่งใดสามารถเทียบได้

วันอังคารที่ 19 พฤศจิกายน พ.ศ. 2567

พระมารดาแห่งพระหรรษทาน


“พระนางมารีย์เป็นหัวใจของพระศาสนจักร เพราะเหตุนี้การงานแห่งกุศลจิตทั้งหมดจึงออกมาจากพระนางมารีย์

เป็นที่ทราบกันดีว่าหัวใจมีการเต้นสองจังหวะ คือ บีบตัวและคลายตัว

ดังนั้น พระนางมารีย์จึงทรงแสดงถึงสองจังหวะนี้เสมอ คือ

ทรงรับพระหรรษทานจากพระบุตรศักดิ์สิทธิ์ของพระนาง

และส่งพระหรรษทานนั้นไปยังคนบาป”

-นักบุญ แอนโทนี่ คาร์เร็ต

วันจันทร์ที่ 18 พฤศจิกายน พ.ศ. 2567

วันอาทิตย์ที่ 17 พฤศจิกายน พ.ศ. 2567

มาเป็นนักบุญกันเถอะ


ให้เราดำเนินชีวิตตามคำสอนแห่งมหาบุญลาภและกลายเป็นนักบุญกันเถอะ
>>>อ่านต่อ

วันเสาร์ที่ 16 พฤศจิกายน พ.ศ. 2567

วันศุกร์ที่ 15 พฤศจิกายน พ.ศ. 2567

อัศจรรย์น้ำตาลของนักบุญมาร์ติน


นักบุญมาร์ติน เดอ ปอร์เรส( St. Martin de Porres) เป็นผู้ทำอัศจรรย์ที่มีชื่อเสียงผู้หนึ่ง เขาได้รับพระพรในการทำนาย การลอยตัว การล่องหน การอยู่สองสถานที่ในเวลาเดียวกัน การทวีจำนวนอาหาร เขาทำให้สุนัขที่ตายแล้วกลับมามีชีวิตอีกครั้งและสามารถพูดคุยกับหนูได้ อัศจรรย์ที่น่าสนใจอย่างหนึ่งที่เขาทำเกิดขึ้นเมื่อนักพรตโดมินิกันผู้หนึ่งขอให้เขานำน้ำตาลหนึ่งกระสอบมา มาร์ตินนำน้ำตาลดิบมากระสอบหนึ่ง นักพรตผู้นั้นแสดงความคิดเห็นเหยียดเชื้อชาติด้วยความโกรธเกี่ยวกับสีของน้ำตาลและสีผิวของมาร์ติน มาร์ตินเต็มไปด้วยความอ่อนน้อมถ่อมตน เขาเพียงแต่ยิ้ม แล้วหยิบน้ำตาลทรายแดงกองหนึ่งแล้วจุ่มลงในถังน้ำ เมื่อเขายกมือขึ้นจากน้ำ นักพรตก็ประหลาดใจเมื่อเห็นว่าน้ำตาลกองนั้นเปลี่ยนเป็นสีขาว และที่สำคัญที่สุดคือมันแห้ง

วันพฤหัสบดีที่ 14 พฤศจิกายน พ.ศ. 2567

ธรรมชาติมหัศจรรย์


🐟ปลาดุกเป็นปลาที่มีความทนทานต่อสภาพอากาศที่แห้งแล้วได้อย่างเหลือเชื่อ

🐟เมื่อไม่นานมานี้ที่ซาอุดิอาระเบย พลเมืองซาอุฯ จับปลาดุกได้ในหนองน้ำที่แห้ง ไม่มีน้ำในตอนเหนือของประเทศ

🐟คลิปได้แพร่กระจายไปทั่วโลก และมีการโต้เถียง แสดงความเห็นจำนวนมาก ว่าเป็นไปได้หรือไม่

🐟จากข้อมูลผู้เชี่ยวชาญของซาอุฯ ให้ข้อมูลว่า เป็นสิ่งที่เป็นไปได้ ปลาตัวดังกล่าวคือปลาดุก มีอยู่จริงในซาอุดีอาระเบีย แต่ส่วนใหญ่อยู่ในฟาร์มเลี้ยง เป็นปลานำเข้ามาเลี้ยงในฟาร์ม แต่มีบ้างในแหล่งน้ำธรรมชาติ  

🐟ปลาชนิดนี้มีความทนทานต่อสภาพอากาศ และปรับตัวให้เข้ากับสภาพอากาศได้ดี ในลักษณะนี้คือปลาอาศัยในหนองน้ำที่ไม่มีน้ำได้ ปลาดุกจะสร้างเมือกในสภาพไร้น้ำในธรรมชาติ และมีปอดเทียม มันสามารถดำรงชีพอยู่ได้ถึง 8 เดือนหากไม่มีสิ่งรบกวน เมื่อฤดูฝนมามันจะออกมาจากดินทราย กินอาหารใช้ชีวิต ขยายพันธ์ตามปกติ

วันพุธที่ 13 พฤศจิกายน พ.ศ. 2567

นักบุญฟรานเซสแห่งโรมกับปีศาจ




วันหนึ่ง เมื่อนักบุญฟรานเซสแห่งโรมกำลังจะไปรับศีลมหาสนิท ปีศาจได้พูดกับเธอว่า “เจ้าผู้เต็มไปด้วยบาปเบามากมายเช่นนี้ จะกล้ารับลูกแกะนิรมลได้อย่างไร!” เธอรับรู้ทันทีว่าศัตรูตั้งใจจะพรากความยินดีอันยิ่งใหญ่ของเธอไป เธอจึงทำให้ศัตรูเงียบลงโดยการถ่มน้ำลายใส่หน้าของมัน หลังจากนั้น พระแม่มารีย์ทรงปรากฏแก่เธอ และเมื่อทรงชมเชยสิ่งที่เธอทำแล้ว พระนางจึงกล่าวว่าข้อบกพร่องของเราไม่ควรเป็นอุปสรรค แต่ควรเป็นแรงกระตุ้นให้เรารับศีลมหาสนิท เนื่องจากในศีลมหาสนิท เราจะพบวิธีแก้ไขเยียวยาความบกพร่องและความทุกข์ยากทั้งหมดของเรา

โอ ศีลบูชามหาสนิท โอ ศีลศักดิ์สิทธิ์สูงสูด

ชาวเราร่วมกันสรรเสริญพระองค์

เทิดทูนพระเกียรตินิรันดร์

วันอังคารที่ 12 พฤศจิกายน พ.ศ. 2567

นักบุญมาร์ติน เดอ พอเรส กับปีศาจ




ปีศาจมักจะยืนอยู่ใกล้นักบุญมาร์ติน เดอ พอเรส โดยหวังจะโจมตี ในเวลากลางคืน มาร์ตินผู้ศักดิ์สิทธิ์จะไปเยี่ยมห้องพยาบาล เขาใช้บันไดเก่าที่ชำรุดซึ่งเป็นเส้นทางที่เร็วที่สุดระหว่างห้องของเขาและห้องพยาบาล คืนหนึ่ง เขาเดินไปที่บันไดเก่าๆ ในอ้อมแขนที่เต็มไปด้วยเข้าของที่จำเป็นสำหรับการพยาบาลคนไข้ ร่างมหึมาที่มีดวงตาเป็นประกายขวางทางไว้ มาร์ตินรู้ว่าเป็นใคร “เจ้ามาทำอะไรที่นี่ เจ้าผู้ถูกสาปแช่ง” เขาถาม ปีศาจตอบว่า “กูมาที่นี่เพราะพอใจที่จะอยู่ที่นี่ และเพราะว่ากูหวังจะได้รับประโยชน์จากการอยู่ที่นี่” “เจ้าจงไปยังขุมนรกอันต้องสาปที่เจ้าอาศัยอยู่!” มาร์ตินผู้ศักดิ์สิทธิ์ร้องออกมา ปีศาจไม่ยอมขยับ ดังนั้นมาร์ตินจึงถอดเข็มขัดของเขาออกและเริ่มฟาดปีศาจ จากนั้นเจ้ามารร้ายก็หายไป เพราะรู้ว่ามันจะไม่ได้อะไรเลยหากอยู่ต่อแต่จะถูกตีซ้ำๆ...

”พระองค์ยังทรงปลดอำนาจของเทพนิกรนายผู้ทรงเดชานุภาพ และเทพนิกรอำนาจลง และทรงบังคับให้เทพเหล่านั้นเข้าขบวนแห่เฉลิมฉลองชัยชนะของพระคริสตเจ้า ต่อหน้ามหาชน” (จดหมายของนักบุญเปาโลถึงชาวโคโลสี บทที่ 2:15)

วันจันทร์ที่ 11 พฤศจิกายน พ.ศ. 2567

วันอาทิตย์ที่ 10 พฤศจิกายน พ.ศ. 2567

วันเสาร์ที่ 9 พฤศจิกายน พ.ศ. 2567

ไฟชำระมีอยู่จริงหรือไม่?


ท่านจงเป็นคนดีอย่างสมบูรณ์ ดังที่พระบิดาเจ้าสวรรค์ของท่านทรงความดีอย่างสมบูรณ์เถิด
>>>อ่านต่อ

วันศุกร์ที่ 8 พฤศจิกายน พ.ศ. 2567

วันพฤหัสบดีที่ 7 พฤศจิกายน พ.ศ. 2567

วันภาวนาอุทิศแด่วิญญาณในไฟชำระ



วิญญาณมากมายได้รับการปลดปล่อยในวันนี้

บุญราศีจอห์นแห่งลาเวอร์นา(Blessed John of La Verna) เป็นหนึ่งในนักบวชฟรังซิสกันรุ่นแรกๆ เขาเกิด 33 ปีหลังจากนักบุญฟรังซิส แห่งอัสซีซีเสียชีวิต บุญราศีจอห์นมีถิ่นฐานบ้านเกิดที่เมืองเฟอร์โม(Fermo) ประเทศอิตาลี แต่ผู้ใหญ่ในคณะได้ส่งเขาไปอาศัยอยู่บนภูเขาลาเวอร์นา ซึ่งเป็นสถานที่ที่นักบุญฟรังซิส อัสซีซีได้รับรอยบาดแผลศักดิ์สิทธิ์ บุญราศีจอห์นอุทิศตนในการสวดภาวนาและการชดเชยใช้โทษบาป และเชื่อกันว่าเขายังเป็นผู้ประพันธ์บทคำนำของพิธีมิสซาของนักบุญฟรังซิสอีกด้วย เขายังทำกิจการดีมากมายเพื่ออุทิศให้แก่วิญญาณในไฟชำระ

ครั้งหนึ่งเมื่อเขาถวายมิสซาในวันภาวนาอุทิศแด่วิญญาณในไฟชำระ เขาก็รู้สึกปิติยินดีอย่างท่วมท้น พระเจ้าทรงประทานนิมิตอันน่าตื่นตะลึงแก่เขาในการได้เห็นวิญญาณทั้งหมดที่ได้รับการปลดปล่อยจากไฟชำระเนื่องจากการประกอบพิธีมิสซาที่จัดขึ้นทั่วโลกในวันฉลองนี้ บุญราศีจอห์นเห็นไฟชำระเปิดออกและวิญญาณที่ได้รับการปลดปล่อยก็ทยอยกันออกมา พวกเขาเหมือนประกายไฟจากเตาเผาที่กำลังลุกไหม้ พวกเขามีมากมายจนบุญราศีจอห์นไม่สามารถนับได้

เรื่องราวอันน่าประทับใจนี้ทำให้เรายึดมั่นในวันที่เราภาวนาเพื่อวิญญาณในไฟชำระนี้! และพิจารณาไตร่ตรองว่าวิญญาณจำนวนมากได้รับการปลดปล่อยจากการชำระล้างให้บริสุทธิ์ในวันนี้ ในพิธีมิสซาที่เราอุทิศแก่พวกเขาในวัดของเราและวัดทุกแห่งทั่วโลก เหมือนกับที่พวกเขาได้รับการปลดปล่อยในวันที่บุญราศีจอห์นถวายเครื่องบูชาศักดิ์สิทธิ์เมื่อ 7 ศตวรรษก่อน

บุญราศีจอห์น เสียชีวิตและถูกฝังที่ภูเขาลาเวอร์นา มีอัศจรรย์มากมายที่สถานที่พักผ่อนสุดท้ายของเขา ขอให้ผู้อ่านทุกคนได้รับพระพรในวันที่เราภาวนาเพื่อวิญญาณในไฟชำระด้วยเทอญ

วันพุธที่ 6 พฤศจิกายน พ.ศ. 2567

หญิงโสเภณีที่ขัดขืนพระหรรษทาน


เรื่องนี้ได้รับการสอบสวนในกระบวนการสถาปนาเป็นนักบุญของบุญราศีฟรานซิส เจอโรม (St. Francis Jerome ค.ศ. 1642-1716) และภายใต้คำสาบานที่รับรองโดยพยานเห็นเหตุการณ์จำนวนมาก ในปี ค.ศ. 1707 นักบุญฟรานซิส เจอโรมกำลังเทศน์สอนตามธรรมเนียมของท่านในละแวกเมืองเนเปิลส์ นักบุญพูดถึงนรกและการลงโทษอันน่ากลัวที่รอคอยคนบาปที่ใจแข็งไม่ยอมกลับใจ หญิงโสเภณีที่หน้าด้านคนหนึ่งซึ่งอาศัยอยู่ที่นั่น รู้สึกไม่สบายใจกับคำพูดที่จะทำให้เธอสำนึกผิด จึงพยายามขัดขวางด้วยการพูดตลกและตะโกนพร้อมกับใช้เครื่องดนตรีที่มีเสียงดัง ขณะที่เธอยืนอยู่ใกล้หน้าต่าง นักบุญก็ร้องออกมาว่า “ระวังตัวไว้เถิด,ลูกสาวของฉัน อย่าขัดขืนพระหรรษทาน ก่อนที่พระเจ้าจะลงโทษเธอภายในแปดวัน” หญิงที่น่าสงสารกลับยิ่งส่งเสียงโหวกเหวกมากขึ้น แปดวันผ่านไป และบังเอิญท่านนักบุญมาอยู่หน้าบ้านหลังเดิมอีกครั้ง คราวนี้เธอเงียบ หน้าต่างถูกปิด ผู้ฟังต่างพากันบอกนักบุญด้วยใบหน้าที่ตกตะลึงว่า แคทเธอรีน (ซึ่งเป็นชื่อของหญิงคนนั้น) เสียชีวิตกะทันหันเมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อน นักบุญกล่าวว่า “เธอเสียชีวิตแล้ว!” “เอาล่ะ ให้เธอเล่าให้เราฟังตอนนี้ว่าเธอได้อะไรจากการหัวเราะเยาะเรื่องเกี่ยวกับนรก มาถามเธอกันดีกว่า”

 นักบุญกล่าวถ้อยคำเหล่านี้ด้วยน้ำเสียงที่เปี่ยมด้วยแรงบันดาลใจ และทุกคนต่างคาดหวังว่าจะมีอัศจรรย์ ฝูงชนจำนวนมากตามมาด้วย นักบุญจึงขึ้นไปยังห้องของผู้ตาย และที่นั่น หลังจากสวดภาวนาอยู่ครู่หนึ่ง นักบุญก็เปิดหน้าศพออก และกล่าวด้วยเสียงอันดังว่า “แคทเธอรีน บอกเราหน่อยว่าตอนนี้เธออยู่ที่ไหน” เมื่อได้รับคำสั่ง ผู้ตายก็เงยหน้าขึ้น พร้อมกับลืมตา ใบหน้ามีสีคล้ำ ใบหน้าแสดงออกถึงความสิ้นหวังที่น่ากลัว และด้วยน้ำเสียงเศร้าโศก ผู้ตายก็กล่าวว่า “ในนรก ฉันอยู่ในนรก” และทันใดนั้น เธอก็ล้มลงสู่สภาพศพอีกครั้ง

“ผมได้อยู่ในเหตุการณ์นั้น” พยานคนหนึ่งที่ให้การต่อผู้สอบสวนของสันตะสำนักกล่าว “แต่ผมไม่สามารถถ่ายทอดความรู้สึกที่เกิดขึ้นกับผมและผู้คนที่อยู่ที่นั้นได้ หรือแม้แต่ความรู้สึกที่ผมยังคงรู้สึกทุกครั้งที่เดินผ่านบ้านหลังนั้นและมองไปที่หน้าต่าง เมื่อเห็นบ้านที่โชคร้ายหลังนั้น ผมยังคงได้ยินเสียงร้องอันน่าเวทนาที่ดังก้องอยู่ว่า “ในนรก ฉันอยู่ในนรก”  

  (ชีวประวัติของนักบุญฟรานซิส เจอโรม โดย Fr. Bach)

วันอังคารที่ 5 พฤศจิกายน พ.ศ. 2567

ไม่มีใครไปสวรรค์โดยที่วิญญาณไม่บริสุทธิ์


“เมื่อคนหนึ่งตายไป เขาจะไม่ได้ไปสวรรค์โดยตรง เว้นแต่ว่าเขาจะเป็นนักบุญบนโลก ลูกกำลังทำความชั่วร้ายครั้งใหญ่กับคนที่ลูกรัก ถ้าหากลูกไม่สวดภาวนาให้พวกเขา อย่าพูดว่า ญาติของฉันอยู่บนสวรรค์แล้วตอนนี้! ไม่หรอก พวกเขาไม่ได้อยู่ที่นั่น ถ้าพวกเขาเป็นคาทอลิกและเสียชีวิตโดยได้สารภาพบาปแล้ว พวกเขาจะไปที่ไฟชำระ เป็นหน้าที่ของลูกที่จะต้องทำให้แน่ใจว่าบุคคลนั้นได้รับศีลศักดิ์สิทธิ์สุดท้ายสำหรับผู้ใกล้เสียชีวิต และถ้าลูกรักพวกเขาอย่างแท้จริง ลูกก็จะต้องสวดภาวนาเพื่อให้พวกเขาออกจากไฟชำระโดยเร็วที่สุด

ขอมิสซาอุทิศแก่เขาปีละครั้งหรือ, มันโหดร้ายนะ! ขอมิสซาเดือนละครั้งหรือ,ก็ไม่ดีไปกว่านักหรอก ลองนึกถึงเวลาของลูกบ้าง ลูกอยากให้คนอื่นสวดภาวนาให้ลูกอย่างไร จำไว้ว่าหนึ่งวินาทีในไฟชำระ,พวกเขารู้สึกเหมือนหลายปี จงสวดภาวนาและขอมิสซาให้คนที่ลูกรักหลายๆครั้ง ไม่มีใครไปสวรรค์โดยที่วิญญาณไม่บริสุทธิ์ พ่อขอบอกลูกว่าพวกเขาต้องทนทุกข์ในไฟชำระ พวกเขาร้องไห้คร่ำครวญ และพวกเขาต้องการความช่วยเหลือจากคำภาวนาและกิจการดีๆของลูกอย่างเร่งด่วน

พ่อเหมือนได้ยินพวกเขากำลังร้องไห้ส่งเสียงจากห้วงลึกของไฟที่เผาผลาญพวกเขาอยู่: "ช่วยบอกคนที่เรารักด้วย บอกลูกๆของเรา บอกญาติพี่น้องของเราทุกคนว่า เป็นความโหดร้ายที่ยิ่งใหญ่นัก,การที่พวกเขาทำให้เราต้องทนทุกข์ เราขอกราบแทบเท้าพวกเขาเพื่อวิงวอนขอความช่วยเหลือจากคำภาวนาของพวกเขา โอ้! บอกพวกเขาว่าตั้งแต่เราถูกพรากจากพวกเขา เราก็ถูกเผาไหม้ในกองไฟที่นี่!" "  

-- นักบุญยอห์น มารี บัพติสต์ เวียนเนย์

วันจันทร์ที่ 4 พฤศจิกายน พ.ศ. 2567

ไฟชำระเป็นอย่างไร?


พระเจ้าข้า และหากไม่ทรงคัดค้าน ข้าพเจ้าขอชำระล้างร่างกายเสียก่อนดีกว่า’
>>>อ่านต่อ