พระเมตตาของพระเยซูเจ้า

จงบอกมนุษยชาติที่กำลังเจ็บป่วย ให้เข้ามาใกล้หัวใจอันเมตตาของเรา แล้วเราจะประทานสันติภาพให้แก่มนุษยชาติ พระเมตตาของเราไม่มีวันสิ้นสุดเลย

พระวาจาวันอาทิตย์ที่ 19 มกราคม 2025 งานแต่งงานที่หมู่บ้านคานา

           สามวันต่อมามีงานสมรสที่หมู่บ้านคานาในแคว้นกาลิลี พระมารดาของพระเยซูเจ้าทรงอยู่ในงานนั้น พระเยซูเจ้าทรงได้รับเชิญพร้อมกับบรรดาศิษย์มาในงานนั้นด้วย เมื่อเหล้าองุ่นหมด พระมารดาของพระเยซูเจ้าจึงมาทูลพระองค์ว่า “เขาไม่มีเหล้าองุ่นแล้ว” พระเยซูเจ้าตรัสว่า “หญิงเอ๋ย ท่านต้องการสิ่งใด เวลาของเรายังมาไม่ถึง” พระมารดาของพระเยซูเจ้าจึงกล่าวแก่บรรดาคนรับใช้ว่า “เขาบอกให้ท่านทำอะไร ก็จงทำเถิด” ที่นั่นมีโอ่งหินตั้งอยู่หกใบ เพื่อใช้ชำระตามธรรมเนียมของชาวยิว แต่ละใบจุน้ำได้ประมาณหนึ่งร้อยลิตร พระเยซูเจ้าตรัสกับบรรดาคนรับใช้ว่า “จงตักน้ำใส่โอ่งให้เต็ม” เขาก็ตักน้ำใส่จนเต็มถึงขอบ แล้วพระองค์ทรงสั่งเขาอีกว่า “จงตักไปให้ผู้จัดงานเลี้ยงเถิด” เขาก็ตักไปให้ ผู้จัดงานเลี้ยงได้ชิมน้ำที่เปลี่ยนเป็นเหล้าองุ่นแล้ว ไม่รู้ว่าเหล้านี้มาจากไหน แต่คนรับใช้ที่ตักน้ำรู้ดี ผู้จัดงานเลี้ยงจึงเรียกเจ้าบ่าวมา พูดว่า “ใคร ๆ เขานำเหล้าองุ่นอย่างดีมาให้ก่อน เมื่อบรรดาแขกดื่มมากแล้ว จึงนำเหล้าองุ่นอย่างรองมาให้ แต่ท่านเก็บเหล้าอย่างดีไว้จนถึงบัดนี้” พระเยซูเจ้าทรงกระทำเครื่องหมายอัศจรรย์ ครั้งแรกนี้ที่หมู่บ้านคานา แคว้นกาลิลี พระองค์ทรงแสดงพระสิริรุ่งโรจน์ของพระองค์ และบรรดาศิษย์เชื่อในพระองค์
(ยอห์น 2:1-11)








วันพุธที่ 6 พฤศจิกายน พ.ศ. 2567

หญิงโสเภณีที่ขัดขืนพระหรรษทาน


เรื่องนี้ได้รับการสอบสวนในกระบวนการสถาปนาเป็นนักบุญของบุญราศีฟรานซิส เจอโรม (St. Francis Jerome ค.ศ. 1642-1716) และภายใต้คำสาบานที่รับรองโดยพยานเห็นเหตุการณ์จำนวนมาก ในปี ค.ศ. 1707 นักบุญฟรานซิส เจอโรมกำลังเทศน์สอนตามธรรมเนียมของท่านในละแวกเมืองเนเปิลส์ นักบุญพูดถึงนรกและการลงโทษอันน่ากลัวที่รอคอยคนบาปที่ใจแข็งไม่ยอมกลับใจ หญิงโสเภณีที่หน้าด้านคนหนึ่งซึ่งอาศัยอยู่ที่นั่น รู้สึกไม่สบายใจกับคำพูดที่จะทำให้เธอสำนึกผิด จึงพยายามขัดขวางด้วยการพูดตลกและตะโกนพร้อมกับใช้เครื่องดนตรีที่มีเสียงดัง ขณะที่เธอยืนอยู่ใกล้หน้าต่าง นักบุญก็ร้องออกมาว่า “ระวังตัวไว้เถิด,ลูกสาวของฉัน อย่าขัดขืนพระหรรษทาน ก่อนที่พระเจ้าจะลงโทษเธอภายในแปดวัน” หญิงที่น่าสงสารกลับยิ่งส่งเสียงโหวกเหวกมากขึ้น แปดวันผ่านไป และบังเอิญท่านนักบุญมาอยู่หน้าบ้านหลังเดิมอีกครั้ง คราวนี้เธอเงียบ หน้าต่างถูกปิด ผู้ฟังต่างพากันบอกนักบุญด้วยใบหน้าที่ตกตะลึงว่า แคทเธอรีน (ซึ่งเป็นชื่อของหญิงคนนั้น) เสียชีวิตกะทันหันเมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อน นักบุญกล่าวว่า “เธอเสียชีวิตแล้ว!” “เอาล่ะ ให้เธอเล่าให้เราฟังตอนนี้ว่าเธอได้อะไรจากการหัวเราะเยาะเรื่องเกี่ยวกับนรก มาถามเธอกันดีกว่า”

 นักบุญกล่าวถ้อยคำเหล่านี้ด้วยน้ำเสียงที่เปี่ยมด้วยแรงบันดาลใจ และทุกคนต่างคาดหวังว่าจะมีอัศจรรย์ ฝูงชนจำนวนมากตามมาด้วย นักบุญจึงขึ้นไปยังห้องของผู้ตาย และที่นั่น หลังจากสวดภาวนาอยู่ครู่หนึ่ง นักบุญก็เปิดหน้าศพออก และกล่าวด้วยเสียงอันดังว่า “แคทเธอรีน บอกเราหน่อยว่าตอนนี้เธออยู่ที่ไหน” เมื่อได้รับคำสั่ง ผู้ตายก็เงยหน้าขึ้น พร้อมกับลืมตา ใบหน้ามีสีคล้ำ ใบหน้าแสดงออกถึงความสิ้นหวังที่น่ากลัว และด้วยน้ำเสียงเศร้าโศก ผู้ตายก็กล่าวว่า “ในนรก ฉันอยู่ในนรก” และทันใดนั้น เธอก็ล้มลงสู่สภาพศพอีกครั้ง

“ผมได้อยู่ในเหตุการณ์นั้น” พยานคนหนึ่งที่ให้การต่อผู้สอบสวนของสันตะสำนักกล่าว “แต่ผมไม่สามารถถ่ายทอดความรู้สึกที่เกิดขึ้นกับผมและผู้คนที่อยู่ที่นั้นได้ หรือแม้แต่ความรู้สึกที่ผมยังคงรู้สึกทุกครั้งที่เดินผ่านบ้านหลังนั้นและมองไปที่หน้าต่าง เมื่อเห็นบ้านที่โชคร้ายหลังนั้น ผมยังคงได้ยินเสียงร้องอันน่าเวทนาที่ดังก้องอยู่ว่า “ในนรก ฉันอยู่ในนรก”  

  (ชีวประวัติของนักบุญฟรานซิส เจอโรม โดย Fr. Bach)

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น