พระเมตตาของพระเยซูเจ้า

จงบอกมนุษยชาติที่กำลังเจ็บป่วย ให้เข้ามาใกล้หัวใจอันเมตตาของเรา แล้วเราจะประทานสันติภาพให้แก่มนุษยชาติ พระเมตตาของเราไม่มีวันสิ้นสุดเลย

พระวาจาวันอาทิตย์ที่ 13 กรกฏาคม 2025 อุปมาเรื่องชาวสะมาเรียผู้ใจดี

         & ขณะนั้น นักกฎหมายคนหนึ่งยืนขึ้นทูลถามเพื่อจะจับผิดพระองค์ว่า “พระอาจารย์ ข้าพเจ้าจะต้องทำสิ่งใดเพื่อจะได้ชีวิตนิรันดร” พระองค์ตรัสถามเขาว่า “ในธรรมบัญญัติมีเขียนไว้อย่างไร ท่านอ่านว่าอย่างไร” เขาทูลตอบว่า “ท่านจะต้องรักองค์พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของท่านสุดจิตใจ สุดวิญญาณ สุดกำลัง และสุดสติปัญญาของท่าน ท่านจะต้องรักเพื่อนมนุษย์เหมือนรักตนเอง” พระองค์ตรัสกับเขาว่า “ท่านตอบถูกแล้ว จงทำเช่นนี้ แล้วจะได้ชีวิต”
         & ชายคนนั้นต้องการแสดงว่าตนถูกต้องจึงทูลถามพระเยซูเจ้าว่า “แล้วใครเล่าเป็นเพื่อนมนุษย์ของข้าพเจ้า” พระเยซูเจ้าจึงตรัสต่อไปว่า “ชายคนหนึ่งกำลังเดินทางจากกรุงเยรูซาเล็มไปยังเมืองเยรีโค เขาถูกโจรปล้น พวกโจรปล้นทุกสิ่ง ทุบตีเขา แล้วก็จากไป ทิ้งเขาไว้อาการสาหัสเกือบสิ้นชีวิต สมณะผู้หนึ่งเดินผ่านมาทางนั้นโดยบังเอิญ เห็นเขาและเดินผ่านเลยไปอีกฟากหนึ่ง ชาวเลวีคนหนึ่งผ่านมาทางนั้น เห็นเขาและเดินผ่านเลยไปอีกฟากหนึ่งเช่นเดียวกัน แต่ชาวสะมาเรียผู้หนึ่งเดินทางผ่านมาใกล้ ๆ เห็นเขาก็รู้สึกสงสาร จึงเดินเข้าไปหา เทน้ำมันและเหล้าองุ่นลงบนบาดแผลแล้วพันผ้าให้ นำเขาขึ้นหลังสัตว์ของตนพาไปถึงโรงแรมแห่งหนึ่งและช่วยดูแลเขา วันรุ่งขึ้นชาวสะมาเรียผู้นั้นนำเงินสองเหรียญออกมามอบให้เจ้าของโรงแรมไว้กล่าวว่า “ช่วยดูแลเขาด้วย เงินที่ท่านจะจ่ายเกินไปนั้น ฉันจะคืนให้เมื่อกลับมา” ท่านคิดว่าในสามคนนี้ใครเป็นเพื่อนมนุษย์ของคนที่ถูกโจรปล้น” เขาทูลตอบว่า “คนที่แสดงความเมตตาต่อเขา” พระเยซูเจ้าจึงตรัสกับเขาว่า “ท่านจงไปและทำเช่นเดียวกันเถิด”
(ลูกา 10:25-37)








วันจันทร์ที่ 14 กรกฎาคม พ.ศ. 2568

ความรักและความอบอุ่น


พระสันตะปาปาเปาโลที่ 6 ทรงเล่าให้ที่ประชุมเข้าเฝ้าฟังว่า ตอนที่เป็นอัครสังฆราชแห่งมิลานท่านออกเยี่ยมสัตบุรุษ พบหญิงชราคนหนึ่งที่อยู่ตามลำพัง พระองค์ถามว่า "เป็นอย่างไรบ้าง" เธอตอบว่า "ไม่เลวค่ะ ดิฉันมีอาหารเพียงพอและก็ไม่เจ็บป่วยอะไร" "ถ้าอย่างนั้นคุณป้าก็มีความสุขดีใช่มั้ย" หญิงชรานั้นร้องไห้ทันที "ดิฉันไม่มีความสุขเลยต่างหาก ลูกชายและลูกสะไภ้ไม่เคยแวะมาหาฉันเลย ดิฉันกำลังจะตายเพราะความว้าเหว่ ไม่เคยมีใครมาถามฉันเลยว่ามีความสุขดีมั้ย"

พระสันตะปาปาทรงสรุปว่า "เพียงแค่มีอาหาร มีเสื้อผ้าที่อบอุ่นนั้นไม่เพียงพอเลยสำหรับมนุษย์ ผู้คนต้องการบางสิ่งมากกว่านั้น พวกเขาต้องการการพบหน้ากัน ต้องการเวลา ต้องการความรักจากเรา พวกเขาต้องการสัมผัสของเรา ต้องการกอดและถูกกอดเพื่อแน่ใจว่าพวกเขาไม่ถูกลืม ปีใหม่นี้อย่าลืมมอบความรักของเรา กลับไปกอดคนที่เรารักนะครับ มีบางคนรอเราอยู่เสมอ อย่าปล่อยให้ใครเลยต้องว้าเหว่เพราะเรานะครับ

- คุณพ่อสุรชัย ชุ่มศรีพันธ์

วันอาทิตย์ที่ 13 กรกฎาคม พ.ศ. 2568

วันเสาร์ที่ 12 กรกฎาคม พ.ศ. 2568

อัศจรรย์การหายจากโรคที่ลูร์ดส


มีอัศจรรย์การหายจากโรคกว่า 2500 กรณีที่เกี่ยวเนื่องกับลูร์ดส

กรณีของกาเบรียล (Gabriel Gargem)ก็เป็นหนึ่งในนั้น เขาเป็นชายหนุ่มที่กำลังจะตาย เขาไม่เชื่อในพระเจ้า และร่างกายของเขาก็ผอมแห้ง เขาต้องได้รับอาหารผ่านทางสายยางเท่านั้น และนั่นทำให้เขาผอมจนเห็นกระดูก เขากำลังจะตาย แม่และป้าของเขาเป็นคนที่มีความศรัทธามาก ป้าของเขาเป็นแม่ชี พวกเขายืนยันที่จะให้กาเบรียลไปที่ลูร์ด เขาไปที่ลูร์ดโดยที่ไม่มีความเชื่อ เขาไปเพียงเพื่อทำให้แม่และป้าของเขาพอใจ

มีอัศจรรย์สองอย่างเกิดขึ้นเมื่อเขาไปที่ลูร์ด อัศจรรย์แรกเป็นอัศจรรย์ฝ่ายจิต เขาได้รับความเชื่อและไปสารภาพบาปกับพระสงค์ แล้วเขาก็ได้รับศีลศักดิ์สิทธิ์

ในวันเดียวกัน ขณะที่เขายังเป็นคนพิการอยู่ พระสงฆ์ได้เดินผ่านมาตามธรรมเนียมที่จะอวยพรคนป่วยด้วยรัศมีศีลมหาสนิท และทันทีที่พระสงฆ์อวยพรให้กาเบรียลตรงที่เขาอยู่ เขารู้สึกว่ามีพละกำลังในร่างกาย เขาเริ่มร้องขึ้นว่า “ผมเดินได้ ผมเดินได้” แล้วเขาก็เริ่มเดิน

สิ่งที่น่าสนใจเกี่ยวกับลูร์ดสก็คือ ที่นี่เป็นศูนย์กลางทางการแพทย์ที่มีจุดประสงค์สำหรับตรวจสอบสิ่งที่ประกาศว่าเป็นอัศจรรย์ และกาเบรียลก็ถูกตรวจสอบ เขาถูกตรวจสอบโดยนายแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ 60 คน พวกเขาประกาศว่า กาเบรียลได้รับการรักษาให้หายอย่างสมบูรณ์

กาเบรียล กาเกม ได้อุทิศชีวิตที่เหลือของเขาในการดูแลคนป่ายที่มาที่ลูร์ดส ช่วยเข็นรถเข็น ปลอบใจ ฯลฯ

วันศุกร์ที่ 11 กรกฎาคม พ.ศ. 2568

เวลาที่ผันผ่าน


ฉันไม่ได้เป็นสาวหรือหนุ่มอีกต่อไปแล้ว

ฉันไม่ได้แข็งแรงเหมือนเดิมอีกแล้ว

บางครั้งฉันก็หลงๆลืมๆ

แต่ฉันก็ไม่บ่นว่าในเรื่องนี้

เพราะพระเจ้าทรงอยู่เคียงข้างฉันเสมอ

และพระองค์ทรงอวยพรฉันตลอดไป

อาแมน

พระเยซูเจ้าข้า ลูกขอขอบพระคุณพระองค์ตลอดชีวิตของลูก ลูกขอมอบชีวิตของลูกไว้ในพระหัตถ์ของพระองค์ โปรดแสดงหนทางที่ลูกจะต้องเดิน โปรดสั่งสอนความจริงแก่ลูก และโปรดประทานชีวิตนิรันดรแก่ลูกด้วยเทอญ

วันพฤหัสบดีที่ 10 กรกฎาคม พ.ศ. 2568

ซิสเตอร์โฟสตินากับศีลมหาสนิท


ซิสเตอร์โฟสตินาเล่าว่า วันหนึ่งพระเยซูตรัสกับเธอ ว่า เราจะไปจากบ้านหลังนี้ เพราะที่นี่มีสิ่งที่ทำให้เราไม่พอใจ ซิสเตอร์โฟสตินาได้เขียนว่า “แผ่นศีลมหาสนิทได้ออกมาจากตู้ศีล และดิฉันได้นำมาถือเอาไว้ในมือ ต่อมา,ดิฉันได้นำศีลมหาสนิทกลับไปไว้ในตู้ศ๊ล” ซิสเตอร์เล่าว่าสิ่งนี้ได้เกิดขึ้นซ้ำเป็นครั้งที่สอง และดิฉันได้ทำเหมือนเดิม สิ่งนี้ยังได้เกิดขึ้นอีกเป็นครั้งที่สาม  
ทำไมพระเยซูตรัสกับซิสเตอร์ว่า เราจะไปจากบ้านหลังนี้ มีอะไรเกิดขึ้นกับคอนแวนต์นักบวชหญิงในโปแลนด์หรือ? ในปี 1930 พระเยซูตรัสอะไรเกี่ยวกับคอนแวนต์นี้? นี่เป็นเรื่องเหลือเชื่อ ซิสเตอร์โฟสตินาบอกว่า สิ่งนี้ได้เกิดขึ้นเป็นครั้งที่สาม แล้วศีลมหาสนิทได้เปลี่ยนไปเป็นพระเยซูเจ้า ผู้ทรงชีวิต และทรงตรัสกับดิฉันว่า “เราจะยังคงอยู่ที่นี่อีกไม่นาน” ในเวลานั้นความรักของพระเยซูเจ้าก็เต็มเปี่ยมในวิญญาณของดิฉันและดิฉันได้พูดว่า “พระเยซูเจ้าข้า ลูกจะไม่ยอมให้พระองค์ไปจากบ้านหลังนี้” แล้วเธอก็นำพระเยซูกลับไปไว้ในตู้ศีล พระเยซูได้หายไปจากมือของดิฉัน นี่เป็นครั้งที่สามที่ดิฉันได้นำพระองค์กลับไปวางไว้ในกาลิกษ์ในตู้ศีลและปิดประตูของตู้ พระเยซูตรัสว่า พระองค์จะยังคงอยู่กับพวกเรา ดิฉันได้ร่วมเคารพศีลมหาสนิทเป็นเวลาสามวันเป็นการชดเชยใช้โทษบาป  
ลองคิดดูซิว่า ถ้าพระเยซูตรัสว่าพระองค์จะไปจากบ้านของพวกคุณ เมื่อคุณรับศีลมหาสนิท พระเยซูยังคงอยู่กับคุณหรือไม่? ผมขอบอกพวกคุณว่า มีบ้านหลายหลังที่ผลักไสพระเยซูออกไปจากบ้านของพวกเขา เมื่อพวกเขาเปิดประตูบ้านและทำสิ่งไม่สมควรในบ้านของพวกเขา ผมรับรองได้เลยว่าพระเยซูจะตรัสว่า เราจะไปจากบ้านหลังนี้ แต่ขอให้ทำตามแบบซิสเตอร์โฟสตินา เธอมีความเชื่อและวางใจในพระเยซูผู้ประทับอยู่ในศีลมหาสนิท  

วันพุธที่ 9 กรกฎาคม พ.ศ. 2568

นักบุญเจอโรมกับสิงโต


วันหนึ่งตอนเย็น ขณะที่นักบุญเจอโรมกำลังนั่งอยู่กับพี่น้องนักพรตของท่านที่กำลังอ่านบทความเสริมศรัทธา จู่ๆ สิงโตตัวหนึ่งก็เดินกะเผลกเข้ามาในอาราม นักพรตต่างวิ่งหนีเมื่อเห็นสัตว์ร้ายตัวนั้น แต่เจอโรมกลับต้อนรับสิงโตในฐานะแขก สิงโตแสดงเท้าที่บาดเจ็บให้เขาดู เจอโรมจึงเรียกพี่น้องนักพรตมาและสั่งให้พวกเขาล้างเท้าให้กับสัตว์ตัวนั้นและรักษาบาดแผลอย่างระมัดระวัง เมื่อพวกเขาเริ่มทำเช่นนี้ พวกเขาพบว่าอุ้งเท้าของสัตว์ตัวนั้นถูกข่วนและถูกหนามทิ่มแทง พวกเขาจึงทำสิ่งที่จำเป็น และสิงโตก็ไม่มีความดุร้ายอีกต่อไป มันใช้ชีวิตอยู่ท่ามกลางนักพรตเหล่านั้นเหมือนสัตว์เลี้ยงในบ้าน

นักบุญเจอโรมต้อนรับสิงโตด้วยความใจเย็น ไม่วิ่งหนี และเต็มใจที่จะช่วยเหลือสัตว์ เพื่อแลกกับความเมตตาของนักบุญเจอโรม สิงโตจึงกลายมาเป็น "สัตว์เลี้ยง" และอยู่กับบรรดาเพื่อนนักพรต


วันอังคารที่ 8 กรกฎาคม พ.ศ. 2568

พระเจ้าทรงอยู่กับเรา


ในขณะที่เราไม่ได้รับประกันว่าจะมีชีวิตที่มีความสุขและสะดวกสบายในโลกนี้ แต่เราสามารถมั่นใจได้ว่าพระเจ้าจะทรงอยู่เคียงข้างเราเสมอเมื่อเราเผชิญกับความท้าทายต่างๆ

- นักบุญวิลเลี่ยม

พระเยซูเจ้าข้า ลูกขอบพระคุณพระองค์ที่ทรงพิทักษ์ปกป้องลูก ลูกขอมอบถวายทุกสิ่งแด่พระองค์ ครอบครัวของลูก บ้าน สุขภาพ มิตรสหาย และอื่นๆ โปรดนำทางชีวิตของลูก ช่วยลูกให้ผ่านพ้นอุปสรรคต่างๆที่เป็นภัยต่อความรอด ลูกเชื่อในพระองค์ วางใจในพระองค์ และรักพระองค์ อาแมน

#Catholic 4 Life

วันจันทร์ที่ 7 กรกฎาคม พ.ศ. 2568

การเสด็จเยี่ยมของพระนางมารีย์


2 กรกฎาคม วันฉลองการเสด็จเยี่ยมของพระนางมารีย์

ในวันฉลองนี้ พระศาสนจักรรำลึกถึงเหตุการณ์ที่เล่าไว้ในพระวรสารของนักบุญลูกา (ลก 1:39-56) เมื่อพระนางมารีย์ได้รับการแจ้งถึงการประสูติของพระบุตรพระเจ้าแล้ว และทรงทราบว่านางเอลีซาเบธตั้งครรภ์ พระนางมารีย์ซึ่งอาศัยอยู่ที่เมืองนาซาเร็ธในแคว้นกาลิลีทางตอนเหนือของประเทศ จึงรีบออกเดินทางมาเยี่ยมนางเอลีซาเบธที่เมืองเฮโบรน (เทียบ ยชว 21:11) ในแคว้นยูเดียทางใต้ ดังนั้นจึงเรียกการเดินทางของพระนางมารีย์ครั้งนี้ว่า "การเสด็จเยี่ยม" เอลิซาเบธเองก็ตั้งครรภ์ (ยอห์นผู้ทำพิธีล้าง) และเมื่อได้เห็นพระนางมารีย์,เธอทักทายพระนางมารีย์ด้วยคำพูดว่า "ทำไมหนอพระมารดาขององค์พระผู้เป็นเจ้า จึงเสด็จมาเยี่ยมข้าพเจ้า" จากนั้นพระนางมารีย์ได้กล่าวคำสรรเสริญ Magnificat 

ในรูปจะเห็นว่ามีนักบุญโยเซฟอยู่ด้วย ตามที่สันนิษฐานกันว่านักบุญโยเซฟเป็นผู้พาพระนางมารีย์มายังบ้านของเอลิซาเบธ ที่เมืองเฮโบรน แต่นักบุญโยเซฟเดินทางกลับไปนาซาเร็ธก่อนปล่อยพระนางมารีย์ประทับอยู่กับนางเอลิซาเบธ ตามเจตจำนงของพระนางมารีย์ที่จะอยู่คอยช่วยเหลือนางเอลิฅาเบธ

วันอาทิตย์ที่ 6 กรกฎาคม พ.ศ. 2568

การสร้างสรรค์ของพระเจ้า


ผู้จัดการที่ยิ่งใหญ่และทรงพลังคนนี้สามารถเป็นใครได้อีกนอกจากพระเจ้า
>>>อ่านต่อ

วันเสาร์ที่ 5 กรกฎาคม พ.ศ. 2568

วันศุกร์ที่ 4 กรกฎาคม พ.ศ. 2568

องค์อุปถัมภ์ของคริสตชน


วันที่ 24 พฤษภาคมของทุกปี..เป็นวันสมโภชแม่พระองค์อุปถัมภ์ ทุกคนที่รักพระมารดามารีย์..มีความยินดีร่วมฉลองในวันนี้ เพราะเป็นโอกาสดีที่จะรื้อฟื้นความไว้วางใจ และเปิดใจรับความรักจากพระมารดา

โอ้ พระแม่มารีย์ผู้ศักดิ์สิทธิ์ยิ่ง องค์อุปถัมภ์ของคริสตชน 
ช่างน่ายินดีนี่กระไรที่ได้มายืนแทบเบื้องบาทพระแม่ 
และวิงวอนขอความช่วยเหลือจากพระแม่เสมอ 
หากมารดาทางโลกยังนึกถึงลูกๆของตน 
แล้วพระมารดาผู้เปี่ยมด้วยความรักที่สุดจะลืมพวกลูกได้อย่างไร

ดังนั้น ลูกทั้งหลายวิงวอนต่อพระแม่ 
โปรดประทานความช่วยเหลือแก่เราในความจำเป็นทั้งหมดของลูกด้วยเถิด 
ในความทุกข์ยากทุกประการ และโดยเฉพาะอย่างยิ่งในสิ่งล่อลวงใจต่างๆ 
ลูกวอนขอความช่วยเหลือจากพระแม่อย่างไม่หยุดยั้งสำหรับทุกคนที่กำลังทุกข์ยากอยู่ในขณะนี้ 
โปรดช่วยผู้ที่อ่อนแอ รักษาคนเจ็บป่วย เปลี่ยนใจคนบาป 
โปรดประทานกระแสเรียกมากขึ้นผ่านการวิงวอนของพระแม่

โอ พระแม่มารีย์ องค์อุปถัมภ์ของคริสตชน 
โปรดรับคำวิงวอนของลูกด้วยเถิด 
เมื่อเราได้วิงวอนพระแม่บนโลกนี้แล้ว 
เราจะรักและขอบคุณพระแม่ชั่วนิรันดรในสวรรค์

วันพฤหัสบดีที่ 3 กรกฎาคม พ.ศ. 2568

วางใจในพระเจ้า


“ฉะนั้น เราบอกท่านทั้งหลายว่า อย่ากังวลถึงชีวิตของท่านว่าจะกินอะไร อย่ากังวลถึงร่างกายของท่านว่าจะนุ่งห่มอะไร ชีวิตย่อมสำคัญกว่าอาหาร และร่างกายย่อมสำคัญกว่าเครื่องนุ่งห่มมิใช่หรือ จงมองดูนกในอากาศเถิด มันมิได้หว่าน มิได้เก็บเกี่ยว มิได้สะสมไว้ในยุ้งฉาง แต่พระบิดาของท่านผู้สถิตในสวรรค์ทรงเลี้ยงมัน ท่านทั้งหลายมิได้มีค่ามากกว่านกหรือ” (มัทธิว 6:25-26)

ในวันนี้เมื่อเราตื่นขึ้นมา ให้เราระลึกถึงพระเมตตาของพระเจ้าที่ทรงประทานชีวิตแก่เราและยังทรงเลี้ยงดูเรา ให้เราไว้วางใจในพระองค์และเชื่อมั่นว่าทุกสิ่งจะเป็นไปด้วยดี
#Catholic 4Life

วันพุธที่ 2 กรกฎาคม พ.ศ. 2568

ความหมายของผ้าปัลลิอุม


อาร์ชบิชอปที่ได้รับผ้าปัลลิอุมมีความรับผิดชอบมากมายในพระศาสนจักร
>>>อ่านต่อ

วันอังคารที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2568

จงมีใจสงบ


เวลานี้เราอยู่ในนาวาแห่งพระศาสนจักรคาทอลิกแล้ว,พระศาสนจักรเที่ยงแท้ของพระเยซูเจ้า อย่าไปพะวงกับเหตุการณ์ต่างๆภายนอกนาวานี้ซึ่งเปรียบเสมือนลม,ฝนหรือพายุ จงมีใจสงบและดำเนินชีวิตอยู่ในนาวา นาวานี้เป็นสิ่งประทานจากพระเจ้าเพื่อผู้ที่มีความเชื่อในพระองค์จะได้ปลอดภัยและมีชีวิตนิรันดร

#Catholic 4Life

วันจันทร์ที่ 30 มิถุนายน พ.ศ. 2568

บทเรียนจากต้นมะเดื่อที่ถูกสาป


จงเดินตามทางของพระเจ้าในขณะที่ยังมีแสงสว่าง เราต้องเดินตามทางของพระเจ้าในชีวิตนี้ เพราะเมื่อถึงเวลาแห่งความตาย แสงสว่างนี้จะถูกพรากไป ความตายไม่ใช่เวลาสำหรับการเตรียมตัว แต่เป็นเวลาสำหรับการเตรียมพร้อม จงเตรียมพร้อม เมื่อถึงเวลาแห่งความตาย เราไม่สามารถทำอะไรได้เลย สิ่งที่ทำไปแล้วก็ทำไปแล้ว และเรากำลังทำอะไรอยู่? เราทราบดีว่าสิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือการช่วยตัวเราเองให้รอดชั่วนิรันดร์ เราจะถูกพิพากษาในไม่ช้า การพิพากษาอาจเกิดขึ้นทุกชั่วโมง และเรายังคงเสียเวลาไปโดยเปล่าประโยชน์  
บางคนอาจพูดว่า ฉันยังเป็นเด็ก ฉันจะอุทิศตัวให้พระเจ้าในภายหลัง แต่จงจำไว้ว่า พระเจ้าทรงสาปแช่งต้นมะเดื่อเมื่อพระองค์พบมันครั้งแรกโดยไม่มีผล แม้ว่าจะยังไม่ถึงฤดูกาลของมะเดื่อก็ตาม โดยสิ่งนี้ พระเยซูคริสต์ทรงปรารถนาที่จะแสดงให้เห็นว่ามนุษย์ควรออกผลแห่งการกระทำที่ดีในทุกเวลา แม้กระทั่งในวัยเยาว์ มิฉะนั้น พวกเขาจะถูกสาปแช่ง และจะไม่มีวันออกผลอีกเลย  
ที่มา: Preparation for Death  

วันอาทิตย์ที่ 29 มิถุนายน พ.ศ. 2568

คุณพ่อปีโอกับนายแพทย์


ตอนนี้คุณคงเห็นแล้วว่าพระเมตตาของพระเจ้ายิ่งใหญ่ และพระองค์ไม่ทอดทิ้งใคร

วันเสาร์ที่ 28 มิถุนายน พ.ศ. 2568

วันฉลองพระมารดานิจจานุเคราะห์


เราระลึกถึงความเมตตากรุณาและการสนับสนุนอันยั่งยืนของพระมารดาในชีวิตของเรา
>>>อ่านต่อ

วันศุกร์ที่ 27 มิถุนายน พ.ศ. 2568

ฝูงนก


ชาวกรุงโรมต่างตะลึงเมื่อนกนับพันตัว ซึ่งส่วนใหญ่เป็นนกสตาร์ลิง บินว่อนบนท้องฟ้าในปรากฏการณ์ทางธรรมชาติที่น่าทึ่งที่เรียกว่า เสียงพึมพำ Murmuration

ฝูงนกขนาดใหญ่เคลื่อนไหวเป็นลวดลายประสานกันอย่างน่าประหลาดใจ ทำให้ดวงอาทิตย์มืดลงชั่วคราวและเกิดเงาที่น่ากลัวบนถนนในเมือง

เหตุการณ์นี้มักเกิดขึ้นในช่วงฤดูหนาว เมื่อนกสตาร์ลิงอพยพข้ามทวีปยุโรป และภูมิอากาศในเมืองที่อบอุ่นกว่าและแหล่งอาหารอันอุดมสมบูรณ์ของกรุงโรมทำให้ที่นี่เป็นจุดที่คึกคัก

แม้ว่าปรากฏการณ์นี้จะสวยงาม แต่ก็นำมาซึ่งปัญหาเช่นกัน นกมักจะทิ้งมูลที่ลื่น ทำให้ถนนลื่น และต้องให้เจ้าหน้าที่ของเมืองทำความสะอาดทุกวัน

ถึงกระนั้น เหตุการณ์นี้ก็ยังทำหน้าที่เป็นเครื่องเตือนใจอันทรงพลังถึงขนาดและการประสานกันของธรรมชาติ ซึ่งเกิดขึ้นอย่างน่าทึ่งบนเส้นขอบฟ้าแห่งหนึ่งของโลก




วันพฤหัสบดีที่ 26 มิถุนายน พ.ศ. 2568

สาสน์แม่พระ 25 มิ.ย. 2025

สาส์นแม่พระประทานแก่ มารีจา 25 มิ.ย. 2025
ลูกที่รักทั้งหลาย
          ในวันนี้เช่นเดียวกัน แม่ขอบพระคุณองค์พระผู้ทรงฤทธานุภาพ ที่ทรงให้แม่มาอยู่กับลูกเพื่อที่แม่จะสามารถนำพวกลูกไปสู่องค์พระเจ้าแห่งความรักและสันติภาพ อุดมการณ์ทั้งหลายที่ทำลายลูกและชีวิตฝ่ายจิตของลูกนั้นคงอยู่ชั่วคราว ลูกน้อยทั้งหลาย,แม่ขอเรียกร้องพวกลูก,จงกลับมาหาพระเจ้า,เพราะด้วยพระเจ้า พวกลูกจะมีอนาคตและชีวิตนิรันดร 
          ขอขอบใจที่ตอบสนองเสียงเรียกของแม่           

วันพุธที่ 25 มิถุนายน พ.ศ. 2568

การาบันดาล 23 มิถุนายน 1962



จดหมายจากมารี โลลิ และจาซินตา(MARI LOLI & JACINTA)

“พระแม่มารีย์บอกเราว่าโลกยังดำเนินต่อไปเหมือนเดิม ไม่เปลี่ยนแปลงเลย จะมีเพียงไม่กี่คนที่จะได้เห็นพระเจ้า มีจำนวนน้อยมากจนทำให้พระแม่มารีย์เศร้าโศกมากที่เห็นว่าโลกไม่เปลี่ยนแปลง พระแม่มารีย์บอกเราว่าการลงโทษกำลังมาถึง เพราะโลกไม่เปลี่ยนแปลง ถ้วยกำลังเต็ม พระแม่มารีย์เศร้าโศกมาก! ถึงแม้ว่าพระนางจะไม่ให้เราเห็นก็ตาม เพราะพระแม่มารีย์รักเรามาก และต้องทนทุกข์เพียงลำพัง เพราะพระนางดีเหลือเกิน จงเป็นคนดีเถิด,ทุกๆคน,เพื่อพระแม่มารีย์จะได้มีความสุข พระแม่มารีย์บอกเราว่าพวกเราผู้เป็นคนดีควรสวดภาวนาเพื่อคนไม่ดี เราควรสวดภาวนาต่อพระเจ้าเพื่อโลก เพื่อคนที่ไม่รู้จักพระองค์ จงเป็นคนดี จงเป็นคนดีมาก”

มารีอา โดโลเรส มาซอน(Maria Dolores Mazon) อายุ 13 ปี

จาซินตา กอนซาเลซ(Jacinta Gonzalez) อายุ 13 ปี

จาก: “She went in haste to the Mountain” book 2 ,page 199

วันอังคารที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2568

การประจักษ์ที่ฟาติมา


แม่พระประจักษ์ที่ฟาติมา ทุกวันที่ 13 ของเดือน ตั้งแต่เดือน พ.ค.- ต.ค. และอัศจรรย์ดวงอาทิตย์เกิดในเดือน ตุลาคม เป็นอัศจรรย์ใหญ่และมีพยานที่เห็นนับหมื่นคน

อย่างไรก็ตาม ในปัจจุบันนี้ ผู้คนจำนวนมากทั้งที่เป็นคริสตชนคาทอลิกและไม่ได้เป็น ก็ไม่มีใครรู้เรื่องราวการประจักษ์นี้เลย ยังคงเฉื่อยชา ไม่สนใจในอัศจรรย์นี้ และสนใจแต่เรื่องทางโลก     เป็นเรื่องที่น่าประหลาดใจมาก หลักฐานถึงพระเจ้าอยู่ต่อหน้าแล้ว แต่เขาก็ยังไม่เชื่อ ไม่สนใจ

คนเราถ้าไม่เกิดอัศจรรย์กับตัวเอง ก็จะไม่รู้สึกกระตือรือร้นอะไร ผู้คนไม่สนใจรับรู้ นี่แหละจิตใจของมนุษย์ที่ถูกครอบงำอยู่ในพงหนามของโลก

วันจันทร์ที่ 23 มิถุนายน พ.ศ. 2568

คุณพ่อปีโอกับศีลมหาสนิท


ชั่วโมงแล้วชั่วโมงเล่า ทั้งวันและคืน คุณพ่อปีโอ จะหยุดสนทนากับพระเยซูเจ้าที่ประทับอยู่ในศีลมหาสนิท

เมื่อมีใครถามคุณพ่อปีโอว่าจะพบท่านได้ที่ไหน เมื่อท่านไม่อยู่ในห้องพักหรือห้องฟังสารภาพบาป ท่านก็จะตอบว่า “มาหาพ่อได้ที่บริเวณนักขับร้องที่บริเวณด้านหน้าที่ประทับของศีลมหาสนิทศักดิ์สิทธิ์”

ตั้งแต่ต้นฤดูใบไม้ผลิ” คุณพ่อปีโอเขียนถึงผู้แนะนำฝ่ายวิญญาณของท่านในปี 1911

“ผมรู้สึกว่าอาการป่วยของผมแย่ลงกว่าเดิม… แต่สิ่งที่ทำให้ผมเจ็บปวดที่สุดคือการคิดถึงพระเยซูเจ้าในศีลมหาสนิทศักดิ์สิทธิ์

“ในตอนเช้าก่อนที่ผมจะรับพระองค์ หัวใจของผมรู้สึกเหมือนถูกดึงดูดโดยพลังที่เหนือกว่า”

ก่อนที่ผมจะรับพระองค์ ผมรู้สึกหิวกระหายจนแทบจะตายเพราะความเจ็บปวด และเพราะผมไม่สามารถห้ามตัวเองไม่ให้เป็นหนึ่งเดียวกับพระองค์ได้ ผมจึงถูกบังคับโดยอาการไข้ในตัวผมให้ไปกินเนื้อของพระองค์ อย่างไรก็ตาม แทนที่ความหิวกระหายนี้จะได้รับการเติมเต็มหลังจากที่ผมได้รับพระองค์แล้ว ความหิวกระหายกลับเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ

“เมื่อผมครอบครองความดีสูงสุดนี้ ความอุดมสมบูรณ์แห่งความอ่อนหวานของพระองค์ก็มีมากจนทำให้ผมแทบจะพูดกับพระเยซูว่า ‘พอแล้ว ผมทนไม่ได้อีกต่อไปแล้ว’ ผมลืมไปเลยว่าเคยอยู่ในโลกนี้”

ที่มา : Padre Pio The Smile of God

วันอาทิตย์ที่ 22 มิถุนายน พ.ศ. 2568

วันเสาร์ที่ 21 มิถุนายน พ.ศ. 2568

สมโภชพระวรกายพระคริสตเจ้า


เราจะปลูกฝังความเชื่อนั้น ให้การประทับของพระองค์ซึมซาบลึกเข้าไปในใจของเรา
>>>อ่านต่อ

วันศุกร์ที่ 20 มิถุนายน พ.ศ. 2568

องค์ปรีชารอบคอบ


วันที่ 8 มิถุนายน ซึ่งเป็นวันฉลองพระแม่มารีย์ องค์ปรีชารอบคอบ เพราะพระนางทรงเป็นบัลลังก์แห่งพระปรีชาญาณ พระแม่มารีย์เป็นที่รู้จักในพระนามนี้มาตั้งแต่ศตวรรษที่ 11 ในบทสวดภาวนาของโลเรโต เราเรียกพระแม่มารีย์ด้วยพระนามนี้ ภาพของพระแม่มารี บัลลังก์แห่งพระปรีชาญาณ แสดงให้เห็นพระแม่มารีอุ้มพระเยซูกุมารไว้บนตัก และบางครั้งประทับบนบัลลังก์ พระเยซูเป็นที่รู้จักในพระนามพระปรีชาญาณ และนักบุญเปาโลเรียกพระองค์เช่นนี้ใน 1 โครินธ์ 1:24… “พระคริสตเจ้าทรงเป็นทั้งพระอานุภาพและพระปรีชาญาณของพระเจ้า” ดังนั้น เมื่อพระแม่มารีย์อุ้มพระเยซูกุมารไว้ ตักของพระแม่มารีย์จึงกลายเป็นที่นั่งของพระองค์ พระแม่มารีย์คือที่นั่งหรือบัลลังก์แห่งพระปรีชาญาณ

แม่พระตรัส :

“ลูก เอ๋ยหากลูกสับสนกับชื่อบัลลังก์แห่งพระปรีชาญาณของแม่ ขอให้แม่อธิบายให้ฟัง แม่เป็นสถานที่ที่พระบุตรของพระเจ้าผู้ทรงเป็นพระปรีชาญาณและความจริง ทรงเติบโตเป็นเวลาเก้าเดือน ต่อมา ตักของแม่ก็เป็นบัลลังก์ของพระองค์โดยแท้จริง ขณะที่แม่เลี้ยงดูพระองค์ สอนพระองค์ให้พูด และสวมรองเท้าแตะให้พระองค์ ความหมายอีกอย่างของตำแหน่งนี้คือ แม่เป็นสาวพรหมจารีที่ฉลาดรอบคอบ แม่ฉลาดในวิถีทางของพระเจ้า แม่รู้เกี่ยวกับพระเจ้า ว่าพระองค์ทำอะไร และสิ่งใดที่พระองค์พอพระทัย”

ลูกเห็นคุณค่าของการศึกษาของลูกซึ่งศึกษาหาความรู้เกี่ยวกับเรื่องทางโลก แม่ขอเชิญลูกมานั่งที่เบื้องหน้าแม่และเรียนรู้ความรู้ที่สำคัญกว่าและให้ชีวิตจากแม่ เช่นเดียวกับที่แม่สอนพระเยซู แม่จะสอนลูกว่าจะต้องทำอย่างไรจึงจะเป็นมนุษย์ที่ดีที่สุดเท่าที่ลูกจะเป็นได้ ศึกษาชีวิตและคุณธรรมของแม่ ให้แม่นำลูกให้ห่างจากครูเท็จเทียมทั้งหลายซึ่งการสั่งสอนของพวกเขาจะนำลูกไปผิดทางและท้ายที่สุดจะส่งผลเสียต่อลูก เมื่อลูกรับแม่เป็นครู ลูกก็จะกลายเป็นคนฉลาด ลูกจะมองเห็นสิ่งต่างๆ อย่างที่พระเจ้ามองเห็น

ความตั้งใจ - พูดคุยกับแม่พระเกี่ยวกับสิ่งที่คุณอยากให้พระนางสอนคุณ