พระเมตตาของพระเยซูเจ้า

จงบอกมนุษยชาติที่กำลังเจ็บป่วย ให้เข้ามาใกล้หัวใจอันเมตตาของเรา แล้วเราจะประทานสันติภาพให้แก่มนุษยชาติ พระเมตตาของเราไม่มีวันสิ้นสุดเลย

พระวาจาวันอาทิตย์ที่ 2 กุมภาพันธ์ 2025 ฉลองการถวายพระกุมารในพระวิหาร

           เมื่อครบกำหนดเวลาที่มารดาและบุตรจะต้องทำพิธีชำระมลทินhตามธรรมบัญญัติของโมเสส โยเซฟพร้อมกับพระนางมารีย์นำพระกุมารไปที่กรุงเยรูซาเล็มเพื่อถวายแด่องค์พระผู้เป็นเจ้า มีเขียนไว้ในธรรมบัญญัติขององค์พระผู้เป็นเจ้าว่า จะต้องถวายบุตรชายคนแรกแด่องค์พระผู้เป็นเจ้า และถวายเครื่องบูชาคือนกเขาหนึ่งคู่หรือนกพิราบสองตัวiตามที่มีกำหนดไว้ในธรรมบัญญัติขององค์พระผู้เป็นเจ้า เวลานั้น ที่กรุงเยรูซาเล็ม ชายผู้หนึ่งชื่อสิเมโอน เป็นคนชอบธรรมและยำเกรงพระเจ้า เขารอคอยความรอดพ้นของอิสราเอล พระจิตเจ้าสถิตกับเขา และทรงเปิดเผยให้เขารู้ว่า เขาจะไม่ตายก่อนที่จะได้เห็นพระคริสต์ขององค์พระผู้เป็นเจ้าj พระจิตเจ้าทรงนำสิเมโอนเข้าไปในพระวิหาร ขณะที่โยเซฟพร้อมกับพระนางมารีย์นำพระกุมารเข้ามาปฏิบัติตามที่ธรรมบัญญัติกำหนดไว้ สิเมโอนรับพระกุมารมาอุ้มไว้ และกล่าวถวายพระพรแด่พระเจ้าว่า
           ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า บัดนี้ พระองค์ทรงปล่อยผู้รับใช้ของพระองค์ไปเป็นสุขตามพระดำรัสของพระองค์ เพราะนัยน์ตาของข้าพเจ้าได้เห็นองค์พระผู้ช่วยให้รอดพ้น ผู้ที่พระองค์ทรงจัดเตรียมไว้สำหรับนานาประชาชาติ เป็นแสงสว่างเปิดเผยให้คนต่างชาติรู้จักพระองค์ และเป็นสิริรุ่งโรจน์สำหรับอิสราเอลประชากรของพระองค์
           โยเซฟประหลาดใจในถ้อยคำที่กล่าวถึงพระกุมาร พระนางมารีย์ก็ทรงรู้สึกเช่นเดียวกัน สิเมโอนอวยพรท่านทั้งสองคนและกล่าวแก่พระนางมารีย์พระมารดาว่า “พระเจ้าทรงกำหนดให้กุมารนี้เป็นเหตุให้คนจำนวนมากในอิสราเอลต้องล้มลงหรือลุกขึ้น และเป็นเครื่องหมายแห่งการต่อต้านl เพื่อความในใจของคนจำนวนมากจะถูกเปิดเผย” ส่วนท่าน ดาบจะแทงทะลุจิตใจของท่าน
(ลูกา 2 :22-35)








วันพุธที่ 5 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2568

รูปถ่ายพระพักตร์พระเยซูเจ้า


ภาพถ่ายนี้ถ่ายโดยซิสเตอร์อันนา อาลี แม่ชีชาวเคนยา ในกรุงโรม เมื่อวันที่ 8 กันยายน (วันฉลองการบังเกิดของพระแม่มารีย์) ปี 1987 เมื่อพระเยซูทรงปรากฏแก่เธอ ทรงขอให้เธอส่งพระดำรัสของพระองค์ออกไป,พระดำรัสขอให้โลกกลับใจ และทรงเตือนให้เธอมีความศรัทธาต่อศีลมหาสนิท การประจักษ์ต่ออันนาดำเนินต่อไปจนถึงปี 1991 ตลอดสี่ปีนั้น เธอได้รับการเยี่ยมเยียนจากพระเยซูทุกสัปดาห์ และทรงร้องไห้เป็นเลือดในคืนวันพุธถึงวันพฤหัสบดี ตามคำให้การของพยาน

พระเยซูทรงอนุญาตให้ซิสเตอร์แอนนาถ่ายรูปพระองค์ในโอกาสต่างๆ ที่พระองค์ปรากฏ และในการเปิดเผยครั้งต่อๆ มา พระองค์ก็ทรงให้เหตุผลในการทำให้พระองค์ปรากฏชัดในยุคของเรา

“จงฟังเรา เราอยู่เหนือโลกนี้ เรายอมให้ตัวเราถูกเห็นได้หลังจากการเตือนหลายครั้ง”

“เราทำให้ตนเองปรากฏให้เห็นเพื่อนำวิญญาณกลับคืนมา”

“เรารักมนุษยชาติ และเราทำให้ตนเองปรากฏให้เห็นเพื่อเป็นการเตือนแห่งพระเมตตา”

“หลายคนไม่ฟังเราเพราะพวกเขาไม่เชื่อว่าเรามีอยู่จริง”

วันอังคารที่ 4 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2568

คำเตือนของคุณพ่อบอสโก


ในปี 1847 คุณพ่อบอสโกได้กล่าวตักเตือนเด็กๆของท่านอย่างอบอุ่นโดยเตือนพวกเขาถึงการหลอกลวงของปีศาจ

มีกับดักสองอย่างที่ปีศาจใช้เพื่อทำให้เด็กๆขาดกำลังใจที่จะพยายามเป็นคนดี

กับดักแรกคือการปลูกฝังความคิดที่ว่าการเชื่อฟังพระบัญญัติของพระเจ้าหมายถึงการมีช่วงเวลาที่น่าเบื่อและไม่มีความสนุกสนาน กับดักที่สองคือการทำให้พวกเขามีความหวังในชีวิตที่ยืนยาว โดยใส่ความคิดว่าพวกเขาสามารถแก้ไขชีวิตของตนเองได้เสมอเมื่อแก่ตัวลง หรือเมื่อความตายเข้ามาคุกคาม

ระวังให้ดีเยาวชนที่รักของพ่อ,เพราะหลายคนถูกหลอกด้วยวิธีนี้ ใครสามารถรับประกันได้ว่าลูกจะมีชีวิตถึงวัยชรา? เราต่อรองกับความตายให้รอจนกว่าเราจะแก่ได้หรือ? ชีวิตและความตายอยู่ในพระหัตถ์ของพระเจ้า และพระองค์จะจัดการกับสิ่งเหล่านี้ตามที่พระองค์ทรงเห็นสมควร

อย่าปล่อยให้ปีศาจจูงจมูกลูกได้

วันจันทร์ที่ 3 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2568

วันอาทิตย์ที่ 2 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2568

ทำไมพระเจ้าประทานจิตใจอิสระให้แก่มนุษย์


คำตอบ : จิตใจอิสระเกี่ยวข้องกับความรัก ถ้าพระเจ้าบังคับให้มนุษย์ต้องรักพระองค์ นั่นไม่ใช่ความรักที่แท้จริง พระเจ้าทรงต้องการความรักที่แท้จริงและความสัมพันธ์ที่จริงใจของมนุษย์ และนั่นหมายถึงมนุษย์ต้องเลือกด้วยตนเองที่จะรักพระองค์

พระคัมภีร์กล่าวไว้ในบุตรสิรา 15:14-17 “พระองค์ทรงเนรมิตมนุษย์แต่แรกเริ่ม ทรงปล่อยให้เขาตัดสินใจด้วยตนเอง 15ถ้าท่านต้องการ ท่านก็ปฏิบัติตามบทบัญญัติได้ ท่านจะซื่อสัตย์ต่อพระองค์หรือไม่ขึ้นอยู่กับท่าน 16พระองค์ทรงวางน้ำกับไฟไว้ต่อหน้าท่าน ท่านต้องการสิ่งใดก็จงยื่นมือหยิบด้วยตนเอง 17ทั้งชีวิตและความตายอยู่ต่อหน้ามนุษย์ เขาเลือกสิ่งใดก็จะได้รับสิ่งนั้น”

เฉลยธรรมบัญญัติ 30:19 “ข้าพเจ้าเสนอให้ท่านเลือกชีวิตหรือความตาย เลือกคำอวยพรหรือคำสาปแช่ง จงเลือกชีวิตเถิด เพื่อท่านและบุตรหลานของท่านจะมีชีวิต”

พระเจ้าทรงตั้งชีวิตและความตาย คำอวยพรและคำสาปแช่ง ไว้ต่อหน้าเราขึ้นอยู่กับเราที่จะต้องเลือก

แต่พระเจ้าไม่ได้ทรงประทานจิตใจอิสระเพื่อให้เกิดความล้มเหลว พระองค์ประทานจิตใจอิสระให้กับเรา เพราะพระองค์ไว้ใจเรา พระองค์ทราบว่าเราอาจจะเลือกผิดได้ในบางครั้ง แต่พระเจ้าทรงรอเวลาที่เราจะเลือกพระองค์ ในโยชูอา 24:15 โยชูอาพูดกับชาวยิวว่า “ถ้าท่านรังเกียจที่จะรับใช้พระยาห์เวห์ วันนี้ จงเลือกว่าท่านต้องการรับใช้พระเจ้าองค์ใด...ส่วนข้าพเจ้าและครอบครัวของข้าพเจ้าจะรับใช้พระยาห์เวห์”

วันเสาร์ที่ 1 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2568

นักบุญเทเรซา แห่งอาวิลลา หยุดสวดภาวนา


ฉันเริ่มหมกมุ่นอยู่กับงานอดิเรกอันแล้วอันเล่า ในความไร้สาระครั้งแล้วครั้งเล่า
>>>อ่านต่อ

วันศุกร์ที่ 31 มกราคม พ.ศ. 2568

ประโยชน์ของการเฝ้าศีลมหาสนิท


บุญราศี ไดนา เบแลนเจอร์ (Bl.Dina Belanger 1897-1929)วันหนึ่งในช่วงเวลาการเฝ้าศีลมหาสนิท,พระเยซูทรงแสดงให้ไดนาเห็นวิญญาณจำนวนมากมายที่กำลังอยู่บนขอบเหวของนรก หลังจากเสร็จสิ้นการเฝ้าศีล,พระเยซูทรงแสดงให้เห็นวิญญาณเหล่านั้นอยู่ในพระหัตถ์ของพระเจ้า พระเยซูทรงบอกเธอว่า โดยอาศัยการสวดภาวนาในเวลาเฝ้าศีลมหาสนิท,วิญญาณจำนวนมากมายได้ไปสู่สวรรค์ วิญญาณซึ่งควรจะต้องตกนรก เพราะบุคคลหนึ่งสามารถทดแทนสิ่งที่ขาดหายไปในชีวิตของผู้อื่นได้ด้วยการได้รับพระหรรษทานอันมีค่าที่มีประสิทธิภาพเพื่อพวกเขา

วันพฤหัสบดีที่ 30 มกราคม พ.ศ. 2568

พระศาสนจักรในประเทศจีน


คริสต์ศาสนาคาทอลิกมาถึงประเทศจีนในศตวรรษที่ 7 Alopen พระสงฆ์ในคณะ Nestorian ได้นำคริสตศาสนามาสู่ประเทศจีนโดยผ่านทางเส้นทางสายไหม

ในปี 1924 พระสงฆ์คณะฟรังซิสกันชาวอิตาลี John of Montecorvino เป็นมิชชันนารีคาทอลิกคนแรกที่มาประเทศจีน ท่านได้สร้างโบสถ์ขึ้นที่ Khanbaliq (ปัจจุบันคือปักกิ่ง) และทำให้เจ้าหน้าที่ชาวจีนชนชั้นสูงกลับใจ

ในปี 1582 แมทธีโอ ริชชี่(Matteo Ricci) มิชชันนารีคณะเยซูอิตได้มาถึงประเทศจีนในรัชสมัยราชวงศ์หมิง

ในปี 1685 เกรโกรี่ ลู่ วานเฉา(Gregory Luo Wenzao) เป็นพระสังฆราชคาทอลิกชาวจีนคนแรก
ในปี 1692 จักรพรรดิคังซีได้ออกคำสั่งให้ยอมรับคริสตศาสนาในประเทศจีน

ระหว่างปี 1706-1723 จักรพรรดิคังซีได้ถอนการสนับสนุนคริสตศาสนา อันเนื่องมาจากมีข้อถกเถียงเกี่ยวกับจารีตประเพณีจีนดั้งเดิม

มีพระศาสนจักรสองประเภทที่อยู่ภายใต้การปกครองระบอบคอมมิวนิสต์ คือ พระศาสนจักรผู้รักชาติ (พระศาสนจักรบนดิน)และ พระศาสนจักรที่ยังจงรักภักดีต่อสันตะสำนัก (พระศาสนจักรใต้ดิน)

จำนวนชาวคาทอลิกมีอัตราเพิ่มขึ้นต่อเนื่องกันมายาวนาน 200 ปี แต่ในเวลานี้,อัตราเพิ่มขึ้นได้ลดลงจากอดีต

ปัจจุบันมีชาวคาทอลิกในประเทศจีน 10 ล้านคนตามสถิติในปี 2020

มีการทำนายว่าจำนวนคาทอลิกจะเพิ่มขึ้นในปี 2030 ประมาณ 200 ล้านคน

ตามรายงานของ Phil Nobles, ประชากรจีนมีประมาณ 1,400 ล้านคน ชาวจีนคาทอลิก 10 ล้านคน เป็นเพียง 00.71% ของประชากรชาวจีนเท่านั้น ไม่ถึง 1% ด้วยซ้ำ

เมื่อพิจารณาจากจำนวนประชากรแล้ว ฟิลิปปินส์มีชาวคาทอลิก 80% หรือ 93 ล้านคนจากประชากรทั้งหมด 115 ล้านคน นั่นจึงเป็นเหตุผลว่าทำไมฟิลิปปินส์จึงเป็นประเทศคาทอลิกที่ใหญ่เป็นอันดับ 3 ของโลก

ขอให้เราสวดภาวนาเพื่อพระศาสนจักรคาทอลิกในประเทศจีน

วันพุธที่ 29 มกราคม พ.ศ. 2568

ทูตสวรรค์เป็นความจริง


ท่านนักบุญเทเรซาบอกเราว่า ทูตสวรรค์เป็นความจริง ท่านเป็นครูอาจารย์ฝ่ายจิตที่พระเจ้าทรงส่งมาเพื่อทำให้ความเชื่อของเราเข้มแข็ง บัดนี้มาฟังเรื่องนิมิตที่พิเศษมากของนักบุญเทเรซาแห่งอาวิลาเถิด

“ฉันเห็นทูตสวรรค์องค์หนึ่งอยู่ข้างๆฉัน,ทางด้านซ้ายของฉัน,โดยมีร่างกาย เขามีรูปร่างเล็กและสวยงามมาก ใบหน้าดูน่าหลงใหล เขาดูเหมือนจะเป็นหนึ่งในทูตสวรรค์ที่สูงสุดผู้ซึ่งมีเปลวไฟแห่งความรัก

ฉันเรียกเขาว่า เครูบิม เพราะเขาไม่เคยบอกชื่อของเขาให้ฉันทราบ แต่ฉันเห็นอย่างชัดเจนในสวรรค์ถึงความแตกต่างระหว่างทูตสวรรค์กลุ่มหนึ่งกับอีกกลุ่มหนึ่งซึ่งฉันไม่สามารถอธิบายเป็นคำพูดได้ และฉันเห็นทูตสวรรค์องค์นั้นกำลังถือหอกทองคำยาวในมือ และปลายหอกดูเหมือนจะเป็นเปลวไฟ เขาได้แทงหอกนั้นทะลุหัวใจของฉัน และเมื่อเขาดึงหอกออกไป,ดูเหมือนจะดึงเอาหัวใจออกมาด้วย ทำให้ฉันอยู่ในเปลวไฟแห่งความรักอันยิ่งใหญ่ต่อพระเจ้า ความเจ็บปวดเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วทำให้ฉันส่งเสียงคร่ำครวญเป็นเวลานานและความหวานชื่นที่เกิดจากความเจ็บปวดอย่างแสนสาหัสนั้นช่างแสนหวานยิ่งนักจนไม่ปรารถนาให้หลุดพ้นจากมันได้ วิญญาณของฉันไม่สามารถพอใจอะไรได้นอกจากพระเจ้า มันไม่ใช่ความเจ็บปวดฝ่ายร่างกายแต่เป็นฝ่ายวิญญาณ ถึงแม้ว่าร่างกายจะมีส่วนรับรู้สึกด้วยไม่มากก็น้อย มันเป็นความเจ็บปวดที่น่ายินดี และวิญญาณใช้มันอย่างดีที่สุดไม่ใช่เพื่อสิ่งใดนอกจากเพื่อพระเจ้าเท่านั้น”

วันอังคารที่ 28 มกราคม พ.ศ. 2568

คำพูดของนักบุญ


คนบาปที่ลืมพระเจ้าขณะที่ยังมีชีวิตอยู่, จะลืมตนเองในเวลาใกล้ตายด้วย - นักบุญอัลฟองโซ

นักบุญเจอโรมสอนว่าในบรรดาคนบาปนับแสนคนที่ยังคงทำบาปอยู่ต่อไปจนกระทั่งถึงเวลาแห่งความตาย ,แทบจะไม่มีใครเอาตัวรอดพ้นได้เลย

นักบุญวินเซนต์ เฟอร์เรอร์เขียนว่า การทำให้คนบาปเหล่านี้มาสู่ความรอดพ้นได้นั้นเป็นอัศจรรย์ที่ยิ่งใหญ่กว่าการทำให้คนตายกลับฟื้นขึ้นมาจากความตายเสียอีก

คนที่รักบาปจนถึงวินาทีแห่งความตายนั้น,จะต้องเสียใจหรือสำนึกผิดอย่างไรได้เมื่อความตายใกล้เข้ามา?
นักบุญออกัสตินกล่าวว่าคนบาปที่ลืมพระเจ้าเมื่อตายไปแล้วเขาก็จะลืมตัวเองเมื่อตายด้วย นับเป็นการลงโทษที่สมควรแล้ว

อย่าหลอกลวงตนเอง, อัครสาวกกล่าวไว้, จะล้อพระเจ้าเล่นไม่ได้ ใครหว่านสิ่งใดก็ย่อมเก็บเกี่ยวสิ่งนั้น ผู้ที่หว่านสิ่งใดตามธรรมชาติ(แห่งเนื้อหนัง)ของตน ก็จะเก็บเกี่ยวความเสื่อมสลายจากธรรมชาติ(แห่งเนื้อหนัง) ผู้ที่หว่านความดีในพระจิตเจ้า ก็จะเก็บเกี่ยวชีวิตนิรันดร์จากพระจิตเจ้า อย่าท้อแท้ในการทำความดี เพราะถ้าเราไม่หยุดทำความดี เราก็จะได้เก็บเกี่ยวเมื่อถึงเวลา ดังนั้นตราบใดที่ยังมีโอกาส จงทำความดีต่อทุกคน โดยเฉพาะต่อพี่น้องผู้ร่วมในความเชื่อของเรา จงหันมาหาเรา และเราจะหันมาหาเจ้า
กาลาเทีย 6:7-10

วันจันทร์ที่ 27 มกราคม พ.ศ. 2568

วันอาทิตย์ที่ 26 มกราคม พ.ศ. 2568

สาส์นแม่พระ 25 ม.ค.2025

สาส์นแม่พระประทานแก่ มารีจา 25 ม.ค. 2025
ลูกที่รักทั้งหลาย
         ในปีแห่งพระหรรษทานนี้ แม่ขอเรียกพวกลูกให้กลับใจ ลูกที่รักทั้งหลาย,จงให้พระเจ้าเป็นศูนย์กลางแห่งชีวิตของลูก และผลที่ได้คือความรักต่อเพื่อนบ้านและความยินดีในการเป็นพยาน แล้วความศักดิ์สิทธิ์ในชีวิตของพวกลูกจะกลายเป็นพยานแห่งความเชื่อที่แท้จริง
          ขอขอบใจที่ตอบสนองเสียงเรียกของแม่           

วันเสาร์ที่ 25 มกราคม พ.ศ. 2568

วันศุกร์ที่ 24 มกราคม พ.ศ. 2568

เป็นทุกข์เสียใจในบาป


“การเสียใจเพราะบาปนั้นเป็นสิ่งจำเป็นจริงๆ

แต่เราไม่ควรไปครุ่นคิดถึงความผิดพลาดของเราอย่างไม่มีวันสิ้นสุด

คุณต้องระลึกถึงด้วยความยินดีในความรักความกรุณาอันเปี่ยมล้นของพระเจ้าด้วย

มิฉะนั้น ความเสียใจจะทำให้หัวใจหนักหน่วงและนำไปสู่ความสิ้นหวังมากยิ่งขึ้น”

- นักบุญเบอร์นาดแห่งแคลร์โว

วันพฤหัสบดีที่ 23 มกราคม พ.ศ. 2568

ถวายความทุกข์แด่พระเจ้า


เมื่อเราต้องทำบางสิ่งบางอย่างที่เราไม่ชอบ,ให้เราพูดกับพระเจ้าว่า “พระเจ้าข้า,ลูกขอถวายสิ่งนี้แด่พระองค์เพื่อถวายพระเกียรติในช่วงเวลาที่พระองค์ทรงสิ้นพระชนม์เพื่อลูก”

- นักบุญยอห์น เวียนเนย์

วันพุธที่ 22 มกราคม พ.ศ. 2568

ผู้ที่เยาะเย้ยพระเจ้า 2


โทมัส แอนดรูว์ จูเนียร์ (Thomas Andrews 7 กุมภาพันธ์ 1873 – 15 เมษายน 1912) เป็นนักธุรกิจและช่างต่อเรือชาวอังกฤษ เขาเป็นกรรมการผู้จัดการและหัวหน้าแผนกร่างแบบของบริษัทต่อเรือ Harland and Wolff ในเบลฟาสต์ ประเทศไอร์แลนด์

เขาเป็นที่จดจำในฐานะสถาปนิกเรือที่รับผิดชอบแผนการสร้างเรือเดินทะเลไททานิค เขาเสียชีวิตระหว่างการเดินทางครั้งแรก

โทมัสได้รับแรงบันดาลใจให้สร้างเรือลำใหญ่ที่ยิ่งใหญ่กว่าเรือลำอื่นๆ ในสมัยของเขา หลังจากสร้างเรือไททานิคที่ยิ่งใหญ่และมีชื่อเสียง นักข่าวถามเขาว่าเรือลำนี้จะปลอดภัยหรือไม่ โทมัสตอบว่า “แม้แต่พระเจ้าเองก็ไม่สามารถทำให้เรือจมได้” โทมัสอยู่ในเรือไททานิกด้วยในระหว่างที่เริ่มต้นออกเดินทาง และตามที่เรารู้กัน ในวันที่ 14 เมษายน 1912 เรือไททานิกถูกภูเขาน้ำแข็งชนและจมลง โทมัสกับผู้โดยสาร 1,500 คนเสียชีวิต และไม่มีใครหาศพของเขาพบ

วันอังคารที่ 21 มกราคม พ.ศ. 2568

วันจันทร์ที่ 20 มกราคม พ.ศ. 2568

นักบุญโยเซฟองค์อุปถัมภ์ของผู้ใกล้เสียชีวิต


คริสตชนต้องการผู้พิทักษ์ที่ทรงพลัง ซึ่งจะปกป้องและเสริมกำลังเขาจากอันตรายของการต่อสู้ครั้งสุดท้าย
>>>อ่านต่อ

วันศุกร์ที่ 17 มกราคม พ.ศ. 2568

ความทุกข์ยากเป็นอัญมณีล้ำค่า


พระเยซูทรงเน้นย้ำกับนักบุญเยอร์ทรูดบ่อยครั้งถึงคุณค่าของความทุกข์ยากที่เราได้รับเมื่อเรานำความทุกข์นั้นไปรวมกับความทุกข์ในชีวิตและพระมหาทรมานของพระองค์ “ผู้ใดที่ร่วมทุกข์ทรมานกับความทุกข์ของเราในการทดสอบและในความยากลำบาก และพยายามเลียนแบบความอดทนและการยอมจำนนของเรา เขาเป็นผู้ที่วางใจในเราอย่างแท้จริงและจะมีส่วนร่วมในคุณธรรมทั้งหมดในชีวิตของเรา”

นักบุญเยอร์ทรูดต้องทนทุกข์ทรมานเกือบตลอดชีวิตของเธอ ครั้งหนึ่งเมื่อเธอป่วยจนต้องนอนติดเตียง การเปิดเผยของพระเยซูในเรื่องนี้ได้ปลอบโยนเธอ พระองค์ตรัสว่า:

"ความทุกข์ยากทางร่างกายและจิตวิญญาณเป็นเครื่องหมายที่ชัดเจนที่สุดของความพอพระทัยของพระเจ้า และเป็นเครื่องหมายของความรักที่วิญญาณมีต่อพระเจ้า

ความกตัญญูสำหรับความทุกข์ยากเป็นอัญมณีล้ำค่าสำหรับมงกุฎสวรรค์ของเรา"

หากใครคิดว่าเขาสามารถอดทนกับความทุกข์ยากอื่นๆได้มากกว่าที่พระเจ้าทรงมีพระประสงค์ที่กำหนดไว้กับเขา ก็ขอให้เขาถ่อมตนต่อพระเจ้าเถิด มนุษย์ควรเชื่ออย่างมั่นคงเสมอว่าพระเจ้าส่งการทดลองนั้นมาซึ่งเป็นประโยชน์สูงสุดสำหรับเขา

ที่มา: Saint Gertrude the Great Herald of Divine Love

วันพฤหัสบดีที่ 16 มกราคม พ.ศ. 2568

ผู้ที่เยาะเย้ยพระเจ้า


จอห์น เลนอน นักร้องผู้มีชื่อเสียงชาวอังกฤษ เขาเป็นสมาชิกวงเดอะบิทเทิล ในระหว่างการให้สัมภาษณ์ครั้งหนึ่งกับนิตยสารอเมริกัน จอห์น เลนอน พูดว่า “ศาสนคริสต์จะจบสิ้นลงและจะหายไป ผมจะไม่โต้เถียงเกี่ยวกับประเด็นนี้ ผมมั่นใจ พระเยซูก็โอเคนะ แต่คำสอนของพระองค์นั้นธรรมดาเกินไป ทุกวันนี้ พวกเรามีชื่อเสียงมากกว่าพระองค์เสียอีก” และตามที่เรารู้กัน จอห์น เลนอน ถูกฆ่าโดยนายมาร์ก เดวิด แช็ปแมน และในปี 1980 แช็ปแมนออกมายอมรับว่า เขายิงนักร้องหนุ่มเพียงเพราะรู้สึกว่าตัวเองไร้ตัวตนและอยากจะขโมยความดังมาให้ตัวเองบ้างเท่านั้นเอง


วันพุธที่ 15 มกราคม พ.ศ. 2568

ปัสกา 2025


ในปี 2025 พระศาสนจักรโรมันคาธอลิกและออร์โธดอกซ์ จะมีการเฉลิมฉลองปัสกา (การฟื้นคืนพระชนม์ของพระเยซูคริสต์) ในวันเดียวกัน

โดยทั่วไปพระศาสนจักรโรมันคาธอลิกและออร์โธดอกซ์มักจะเฉลิมฉลองปัสกาในวันที่แตกต่างกัน แต่ในปี 2025 วันปัสกาของทั้งสองจะตรงกับวันเดียวกัน
ปี 2025 จะเป็นวันครบรอบ 1,700 ปีของการประชุมสังคายนาครั้งแรก คือ สังคายนาแห่งนีเซีย (325) ซึ่งเริ่มต้นบทใหม่ในประวัติศาสตร์ของคริสต์ศาสนา
สังคายนาแห่งนีเซียยังได้ประกาศใช้การคำนวณเพื่อกำหนดวันฉลองปัสกาของพระเยซูเจ้าด้วย
หลายคนมักลืมไปว่าสังคายนาแห่งนีเซียไม่ได้ประกาศแต่เพียงหลักความเชื่อที่เป็นสากลเท่านั้น(บทข้าพเจ้าเชื่อในพระเจ้า) แต่ยังต้องการให้มีการเฉลิมฉลองปัสการ่วมกันสำหรับคริสต์ศาสนาทั้งหมดอีกด้วย ก่อนที่ความแตกแยกเพราะความคิดเห็นที่ไม่ตรงกันหรือเพราะความเชื่อนอกรีตจะมาถึง จึงมีความจำเป็นที่จะต้องจัดให้มีการเฉลิมฉลองการฟื้นคืนพระชนม์ร่วมกันเพื่อแสดงให้เห็นถึงความเป็นหนึ่งเดียวกันในความเชื่อ
บทเพลงสดุดี 133
เป็นการดีและน่าชื่นชมอย่างยิ่ง
ที่พี่น้องจะอยู่ด้วยกันในความเป็นหนึ่งเดียวกัน
เพราะที่นั่น พระยาห์เวห์ประทานพระพรและชีวิตตลอดไป

วันอังคารที่ 14 มกราคม พ.ศ. 2568

เป็นบุญของผู้ที่เชื่อและวางใจในพระเจ้า


เจ้าของบ้านหลังนี้มีความเชื่อในพระเยซูและแม่พระมาก ดูได้จากการที่เขาตั้งพระรูปพระเยซูและแม่พระไว้ในลานบ้านของเขา บ้านของเขารอดพ้นจากการถูกไฟไหม้ครั้งใหญ่ในแคลิฟฟอร์เนีย ส่วนบ้านอื่นๆรอบๆถูกไฟไหม้หมด (หมายเหตุ: นี่เป็นเหตุการ์ณของปีที่แล้ว)

พระเจ้าทรงปกป้องผู้ที่ยำเกรงพระองค์และผู้ที่เชื่อในพระองค์
เพลงสดุดี 91:7
แม้คนนับพันจะล้มลงข้างท่าน
หรือคนนับหมื่นร่วงอยู่ทางขวามือของท่าน
แต่ท่านก็จะยังคงปลอดภัย
เพลงสดุดี 91:14
เราจะช่วยเขาให้รอดพ้น เพราะเขาไว้ใจเรา
เราจะพิทักษ์รักษาเขา เพราะเขารู้จักนามของเรา
เมื่อเขาร้องเรียกหาเรา เราก็จะตอบเขา

วันจันทร์ที่ 13 มกราคม พ.ศ. 2568

อย่าเยาะเย้ยพระเจ้า


พระเยซูควรได้รับคำสรรเสริญและ นมัสการ ไม่ใช่คำด่าหรือเยาะเย้ย
>>>อ่านต่อ

วันอาทิตย์ที่ 12 มกราคม พ.ศ. 2568

แม่พระเหรียญอัศจรรย์-ราติสบอน


“ใครก็ตามที่สวมเหรียญนี้หรือมีเหรียญนี้ติดตัว,จะได้รับพระหรรษทานที่ยิ่งใหญ่”
>>>อ่านต่อ

วันศุกร์ที่ 10 มกราคม พ.ศ. 2568

ความทุกข์เป็นสมบัติอันล้ำค่า


ชีวิตที่ปราศจากไม้กางเขนเป็นสิ่งที่แทบทนไม่ได้ ความสุขทั้งหมดที่โลกเบื้องล่างนี้ประกอบด้วยการที่สามารถได้รับความทุกข์

ไม้กางเขน, การถูกดูหมิ่น, ความเศร้าโศก, และความทุกข์ยาก คือสมบัติล้ำค่าที่แท้จริงของผู้รักพระเยซูคริสต์ที่ถูกตรึงบนไม้กางเขน

ในสายพระเนตรของพระเจ้า,กางเขนของเรานั้นเป็นประดุจยาทาที่ทรงคุณค่าซึ่งสูญเสียกลิ่นหอมของมันเมื่อเปิดออกสัมผัสกับอากาศ เพราะฉะนั้น,เราต้องพยายามทำทุกวิถีทางที่จะซ่อนกางเขนของเราและแบกมันไปอย่างเงียบๆ

กางเขนเป็นสมบัติอันล้ำค่าที่ต้องซ่อนไว้อย่างลับๆ,มิฉะนั้นเราจะถูกขโมยไป

- นักบุญมากาเร็ต มารีย์ อาลาก็อก

ที่มา: Thoughts and Sayings of Saint Margaret Mary