หลังจากพระเยซูเสด็จขึ้นสวรรค์ พระองค์ได้ทรงส่งพระจิตมายังพระศาสนจักรเพื่อสานต่องานการตีความหมายนี้ พระจิตองค์เดียวกันที่ตรัสผ่านทางบรรดาบรรดาประกาศก ทรงดลใจอัครสาวกและสหายให้เขียนคำสอนของพระคริสต์ออกมาเป็นลายลักษณ์อักษร แต่ดังที่พระวรสารนักบุญยอห์นเตือนเราไว้ คงเป็นไปไม่ได้ที่จะถ่ายทอดความลึกล้ำของการเปิดเผยของพระคริสต์ได้อย่างครบถ้วน “ยังมีเรื่องราวอื่นๆ อีกมากที่พระเยซูเจ้าทรงกระทำ ซึ่งถ้าจะเขียนลงไว้ทีละเรื่องทั้งหมด ข้าพเจ้าคิดว่า โลกทั้งโลกคงไม่พอบรรจุหนังสือที่จะต้องเขียนนั้น” (ยน. 21:25)
วิธีหนึ่งที่พระจิตทรงสอนเราผ่านทางประกาศกในปัจจุบัน คือผ่านพิธีกรรมของพระศาสนจักร ในบทสวด บทภาวนา และบทอ่านในพิธีมิสซา เราพบถ้อยคำและแนวคิดจากพระคัมภีร์อย่างต่อเนื่อง ซึ่งนำเราเข้าสู่ความลึกลับของพระคริสต์อย่างลึกซึ้งยิ่งขึ้น
พระจิตตรัสคำเหล่านี้ผ่านทางผู้ประพันธ์เพลงสดุดีผู้ทำนาย และตรัสอีกครั้งโดยทรงนำพระศาสนจักรให้เลือกคำเหล่านี้สำหรับพิธีกรรม
ยกตัวอย่างเช่น ในวันอาทิตย์อีสเตอร์ ถ้อยคำแรกที่เราได้ยินในพิธีมิสซามาจากบทสดุดีบทหนึ่งที่ว่า “เรากลับเป็นขึ้นมาแล้ว และเรายังคงอยู่กับพวกท่าน” พระจิตตรัสถ้อยคำเหล่านี้ผ่านผู้ประพันธ์บทสดุดี ประกาศก และตรัสอีกครั้งโดยทรงนำพระศาสนจักรให้เลือกบทสดุดีเหล่านี้สำหรับพิธีกรรม เมื่อเราขับร้องถ้อยคำเหล่านี้ในวันอาทิตย์อีสเตอร์ แรงบันดาลใจของพระจิตยังคงดังก้องอยู่ ช่วยให้เราเข้าใจว่าบทสดุดีนี้เป็นคำพยากรณ์ถึงการคืนพระชนม์ของพระคริสต์ ผ่านถ้อยคำพยากรณ์นี้ เราได้ยินพระเยซูตรัสกับเราด้วยพระสุรเสียงของพระองค์เอง ทรงรับรองกับเราไม่เพียงแต่ว่าพระองค์ทรงคืนพระชนม์จากบรรดาผู้ตายเท่านั้น แต่พระองค์ยังคงอยู่กับเราในศีลมหาสนิทด้วย
คริสตชนในปัจจุบันไม่ได้คาดหวังคำพยากรณ์ใหม่ๆ อีกต่อไป พระเจ้าทรงเปิดเผยพระองค์เองอย่างสมบูรณ์แล้วโดยการตรัสพระวจนะของพระองค์ ผู้ทรงบังเกิดเป็นมนุษย์โดยพระจิต แต่เราคาดหวังและมั่นใจว่าจะได้รับการทรงนำและการดลใจอย่างต่อเนื่องจากพระจิตในความพยายามที่จะเข้าถึงความลึกลับแห่งการเปิดเผยของพระเจ้า โดยการเข้าร่วมพิธีกรรมของพระศาสนจักร การอ่านพระคัมภีร์ และการใช้เวลาอธิษฐานส่วนตัว เราได้รับการเชื้อเชิญให้รับของประทานและการทรงนำจากพระจิตอย่างต่อเนื่อง
ข้าแต่พระเยซูเจ้า ขอทรงส่งพระจิตของพระองค์มาและทรงฟื้นฟูแผ่นดินโลกด้วยเทอญ!
# Faith 😊🙏🩵



ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น