พระเมตตาของพระเยซูเจ้า

จงบอกมนุษยชาติที่กำลังเจ็บป่วย ให้เข้ามาใกล้หัวใจอันเมตตาของเรา แล้วเราจะประทานสันติภาพให้แก่มนุษยชาติ พระเมตตาของเราไม่มีวันสิ้นสุดเลย

พระวาจาวันอาทิตย์ที่ 26 ตุลาคม 2025 ผู้ใดที่ยกตนขึ้นจะถูกกดให้ต่ำลง

          พระเยซูเจ้าตรัสเล่าเรื่องอุปมานี้ให้บางคนที่ภูมิใจว่าตนเป็นผู้ชอบธรรมและดูหมิ่นผู้อื่นฟังว่า ‘มีชายสองคนขึ้นไปอธิษฐานภาวนาในพระวิหาร คนหนึ่งเป็นชาวฟาริสี อีกคนหนึ่งเป็นคนเก็บภาษี ชาวฟาริสียืนอธิษฐานภาวนาในใจว่า “ข้าแต่พระเจ้า ข้าพเจ้าขอบพระคุณพระองค์ที่ข้าพเจ้าไม่เป็นเหมือนมนุษย์คนอื่น ที่เป็นขโมย อยุติธรรม ล่วงประเวณี หรือเหมือนคนเก็บภาษีคนนี้ ข้าพเจ้าจำศีลอดอาหารสัปดาห์ละสองวัน และถวายหนึ่งในสิบของรายได้ทั้งหมดของข้าพเจ้า” ส่วนคนเก็บภาษียืนอยู่ห่างออกไป ไม่กล้าแม้แต่จะเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้า ได้แต่ข้อนอก พูดว่า “ข้าแต่พระเจ้า โปรดทรงพระกรุณาต่อข้าพเจ้าคนบาปด้วยเถิด” เราบอกท่านทั้งหลายว่าคนเก็บภาษีกลับไปบ้าน ได้รับความชอบธรรม แต่ชาวฟาริสีไม่ได้รับ เพราะว่าผู้ใดที่ยกตนขึ้นจะถูกกดให้ต่ำลง ผู้ใดที่ถ่อมตนลง จะได้รับการยกย่องให้สูงขึ้น’’
(ลูกา 18:9-14)








วันอาทิตย์ที่ 20 เมษายน พ.ศ. 2568

สุขสันต์ปัสกา 2025 แด่ทุกท่าน



คุณคงเคยได้ยินคำพูดอันโด่งดังเกี่ยวกับเทศกาลอีสเตอร์ของพระสันตปาปายอห์น ปอลที่ 2 ที่ว่า "พวกเราคือประชาชนแห่งอีสเตอร์ และอัลเลลูยาคือบทเพลงของเรา!"

คุณรู้ไหมว่าพระองค์ไม่ได้ตรัสวาจานี้ในช่วงเทศกาลอีสเตอร์ แต่เป็นเดือนพฤศจิกายน

พระองค์ทรงประกาศถ้อยคำให้กำลังใจนี้ในวันอาทิตย์ Angelus ของพระองค์ เมื่อวันที่ 30 พฤศจิกายน 1986 ในระหว่างที่พระองค์เสด็จเยือนออสเตรเลียในปีนั้น พระองค์ตรัสว่า:

“เราไม่ได้แสร้งทำเป็นว่าชีวิตมีแต่ความสวยงาม เราตระหนักดีถึงความมืดมิดและความบาป ความยากจนและความเจ็บปวด แต่เรารู้ว่าพระเยซูทรงพิชิตบาปและทรงผ่านความเจ็บปวดของพระองค์เองไปสู่ความรุ่งโรจน์ของการกลับฟื้นคืนพระชนม์ และเราอาศัยอยู่ในแสงสว่างของความลึกลับแห่งปัสกาของพระองค์ ความลึกลับแห่งความตายและการกลับฟื้นคืนพระชนม์ของพระองค์ ‘เราเป็นชนชาติแห่งอีสเตอร์และเพลงอัลเลลูยาคือบทเพลงของเรา!’ เราไม่ได้มองหาความปีติยินดีที่ตื้นเขิน แต่มองหาความปีติยินดีที่มาจากความเชื่อ ที่เติบโตโดยอาศัยความรักที่ไม่เห็นแก่ตัว ที่เคารพใน ‘หน้าที่พื้นฐานของความรักต่อเพื่อนบ้าน ซึ่งถ้าไม่มีสิ่งนี้ การพูดถึงความปีติยินดีก็คงไม่เหมาะสม’”

- สุขสันต์ปัสกา



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น