พระเมตตาของพระเยซูเจ้า

จงบอกมนุษยชาติที่กำลังเจ็บป่วย ให้เข้ามาใกล้หัวใจอันเมตตาของเรา แล้วเราจะประทานสันติภาพให้แก่มนุษยชาติ พระเมตตาของเราไม่มีวันสิ้นสุดเลย

พระวาจาวันอาทิตย์ที่ 12 มกราคม 2025 ฉลองพระเยซูเจ้าทรงรับพิธีล้าง

           ขณะนั้น ประชาชนกำลังรอคอย ทุกคนต่างคิดในใจว่า ยอห์นเป็นพระคริสต์หรือ ยอห์นจึงประกาศต่อหน้าทุกคนว่า “ข้าพเจ้าใช้น้ำทำพิธีล้างให้ท่านทั้งหลาย แต่ผู้ที่ทรงอำนาจยิ่งกว่าข้าพเจ้าจะมา และข้าพเจ้าไม่สมควรแม้แต่จะแก้สายรัดรองเท้าของเขา เขาจะทำพิธีล้างให้ท่านเดชะพระจิตเจ้าและด้วยไฟ
           ลก 3:21-22 พระเยซูเจ้าทรงรับพิธีล้าง
           ขณะนั้นประชาชนทั้งหมดกำลังรับพิธีล้าง พระเยซูเจ้าก็ทรงรับพิธีล้างด้วย และขณะที่ทรงอธิษฐานภาวนาอยู่นั้น ท้องฟ้าก็เปิดออก และพระจิตเจ้าเสด็จลงมาเหนือพระองค์ มีรูปร่างที่เห็นได้ดุจนกพิราบ แล้วมีเสียงจากสวรรค์ว่า “ท่านเป็นบุตรที่รักของเรา เป็นที่โปรดปรานของเรา”
(ลูกา 3:15-16; 21-22)








วันอังคารที่ 10 พฤษภาคม พ.ศ. 2559

การแพร่ธรรมแก่ชนเผ่ามาโนโบ

มีการแพร่ธรรมให้แก่ชนเผ่ามาโนโบในฟิลิปปินส์จากมิชชันนารีคณะChristian Aid Mission เป็นเวลานานแปดเดือนที่มิชชันนารีสอนพระวรสารแก่ชนเผ่าในหมู่บ้านอันห่างไกลและสุดท้ายได้ฉายภาพยนตร์"Passion of the Christ." ของเมล กิบสัน ให้คนในหมู่บ้านนี้ชม  ทำให้คนเกือบทั้งหมู่บ้านกลับใจมาเป็นคริสตชน 
              ผู้อำนวยการของมิชชันนารีนี้อธิบายว่า ชนเผ่าในหมู่บ้านได้รับการสั่งสอนพระวรสารนานแปดเดือน พวกเขาประทับใจในพระสัญญาของพระเจ้าที่ตรัสกับอับราฮัมว่า “ทุกชนชาติบนโลกจะได้รับพระพรโดยอาศัยพงศ์พันธุ์ของท่าน  เพราะท่านเชื่อฟังคำสั่งสอนของเรา” และหนึ่งสัปดาห์ก่อนที่พวกเขาจะกลับใจ  พวกเขาสงสัยว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นกับพระเยซูเจ้าเมื่อพระองค์ทรงถูกจับกุม  และมิชชันนารีได้ให้พวกเขาดูวีดีโอเรื่องพระมหาทรมานของพระเยซูเจ้า  พวกเขาได้เห็นความเสียสละของพระเยซูเจ้าเพื่อไถ่บาปมนุษย์และทำให้พวกเขาประทับใจมาก  ชนเผ่าทั้งหมู่บ้านจึงได้กลับใจในคืนนั้นเอง

วันจันทร์ที่ 9 พฤษภาคม พ.ศ. 2559

ปีศาจต้องการให้เราหยุดสวดภาวนา


            ปีศาจพยายามทำให้วิกก้าหยุดสวดภาวน
               ในบทความของซิสเตอร์เอมมานูเอล จากเมดจูกอเรจ์ ได้เล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อไม่นานมานี้ว่า  วิกก้าได้เผชิญหน้ากับปีศาจในขณะที่เธอกำลังสวดภาวนาพร้อมกับผู้แสวงบุญ
ซิสเตอร์เขียนว่า “วันหนึ่ง  เมื่อวิกก้ากำลังสวดภาวนาเป็นเวลานานต่อหน้าประชาชนที่มารวมกัน  มีหญิงผู้หนึ่งร้องตะโกนออกมาเป็นเสียงที่น่ากลัวของผู้ชาย
“ข้าทนไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว!  หยุดสวดภาวนาเสียที! แกเอาแต่ให้อภัย! แกสมควรตายไปตั้งนานมาแล้ว! หยุดเดี๋ยวนี้!
 “มันเป็นเสียงร้องของศัตรูที่ให้ความหมายและสำคัญทีเดียว  ซาตานได้บอกให้เรารู้อย่างชัดเจนในเวลานั้นว่า  สิ่งที่รบกวนมันมากที่สุดนั้นคืออะไร  ไม่ต้องสงสัยเลย  ซาตานไม่ชอบการที่เราสวดภาวนาและให้อภัยผู้อื่น  เพราะนั่นทำให้มันหมดสิ้นอำนาจที่จะทำอันตรายแก่เราได้”

ซิสเตอร์เล่าต่อไปว่า  ในขณะนี้วิกก้ากำลังมีความยากลำบากจากความเมื่อยล้าเป็นอย่างมาก  แต่เธอก็พยายามที่จะมาพบกับผู้แสวงบุญสามวันต่อสัปดาห์  ซิสเตอร์ขอร้องให้เราสวดภาวนาสำหรับสุขภาพของวิกก้า  เพื่อที่เธอจะสามารถเป็นพยานและสวดภาวนาพร้อมกับผู้คนได้
          หากต้องการรับจดหมายข่าวประจำเดือนของซิสเตอร์เอ็มมานูเอล ให้เข้าไปที่เว็ปไซต์ของเธอ : www.sisteremmanuel.org

วันอาทิตย์ที่ 8 พฤษภาคม พ.ศ. 2559

นักบุญคัทรินแห่งเซียนนา2


วันที่ 29 เม.ย. เป็นวันฉลองนักบุญ คัทรินแห่งเซียนนา  และนี่คือความจริง 11 ข้อเกี่ยวกับชีวิตของท่านซึ่งน่าประหลาดใจ
>>>อ่านต่อ

วันเสาร์ที่ 7 พฤษภาคม พ.ศ. 2559

วันศุกร์ที่ 6 พฤษภาคม พ.ศ. 2559

นักบุญคิทรินแห่งเซียนนา1


ให้คำแนะนำแก่พระสันตะปาปา
น.คัทรินแห่งเซียนนามีส่วนช่วยเหลือพระศาสนจักรในระหว่างความยุ่งยากที่เกิดขึ้นในปี 1370-1378 โดยท่านเป็นเสมือนมารดาฝ่ายจิตแด่พระสันตะปาปาเกรโกรี่ที่11 น.คัทรินใช้เวลาสามเดือนที่เอวิยองในการกระตุ้นเตือนพระสันตปาปาด้วยความฝันที่จะเห็นพระสันตะปาปาเสด็จกลับมาสู่กรุงโรม  พระสันตะปาปาดูเหมือนจะไม่ประสงค์จะกลับ  แต่คัทรินยืนยันอย่างหนักแน่น  และเพื่อเป็นการยืนยันว่าพระองค์จำเป็นต้องเสด็จกลับสู่ที่ประทับของพระองค์ในกรุงโรม เธอจึงเปิดเผยให้พระสันตะปาปาทราบว่าเธอรู้ความลับของพระองค์  พระสันตะปาปาจึงสัญญาว่าจะทำตามคำแนะนำของเธอ  เมื่อเสร็จสิ้นภารกิจนี้แล้ว คัทรินจึงออกจากเอวิยอง  แต่ด้วยอิทธิพลของพระคาร์ดินัลชาวฝรั่งเศสบางคน  ต่อมาพระสันตปาปาทรงลังเลพระทัยและไม่คิดจะกลับไป คัทรินจึงต้องเขียนจดหมายกระตุ้นให้พระสันตปาปาทรงทำตามคำสัญญาที่พระองค์ทรงให้ไว้  เธอเขียนอย่างกล้าหาญว่า
 “ลูกได้สวดภาวนา และจะสวดภาวนา ต่อพระเยซูเจ้าผู้ทรงพระทัยดีและอ่อนหวาน เพื่อที่องค์สันตบิดรจะทรงเป็นอิสระจากความกลัวของคนขลาดทั้งมวล  และให้มีแต่เพียงความกลัวของสวรรค์เท่านั้น  ขอให้ความรักร้อนรนดำรงอยู่ในพระองค์  และทำให้ความชาญฉลาดปกป้องพระองค์จากการฟังเสียงของปีศาจ ทำให้พระองค์สังเกตรู้ถึงการปรึกษาของที่ปรึกษาที่ชอบประจบเหล่านั้น พวกเขาเห็นแก่ตัว  และตามความเข้าใจของลูก พวกเขาต้องการทำให้พระองค์ตื่นตกใจและทำให้พระองค์ไม่เสด็จกลับ  พวกเขาพูดว่า “พระองค์จะตาย”  จงลุกขึ้นเหมือนลูกผู้ชายเถิด องค์สันตบิดร  ลูกขอบอกพระองค์ว่าพระองค์ไม่จำเป็นต้องกลัวสิ่งใด”

อุปมาขุมทรัพย์และไข่มุก


วันพุธที่ 4 พฤษภาคม พ.ศ. 2559

ซามูไรนักบุญ


สารคดีเรื่องนี้มีชื่อว่า "Ukon the Samurai,” จะนำออกฉายเมื่อพระสันตปาปาฟรังซิสจะทรงแต่งตั้งให้ ทาคายามา  ยูคอน ผู้เป็นซามูไรชาวญี่ปุ่นให้เป็นมรณสักขี  สารคดีจะเสนอชีวประวัติของยูคอนซึ่งครั้งหนึ่งเป็นซามูไรที่มีชื่อเสียงในญี่ปุ่นและเขาเป็นคริสตชนด้วย
            ยูคอนเกิดในปี 1552 เขาเปลี่ยนศาสนาเป็นคริสตชนและดำเนินชีวิตตามแบบอย่างของบิดาของเขาและทำภารกิจของนักบุญฟรังซิส เซเวียร์  ในฐานะที่เป็นอาจารย์ในพิธีชงชาและเป็นอาจารย์ซามูไร ทำให้ยูคอนได้รับการสนับสนุนมากมายจากคริสตชนในยุคนั้น
LIA BELTRAMI ผู้อำนวยการสร้างสารคดี กล่าวว่า
“ไดเมียวหลายคนซึ่งเป็นเจ้าเมืองได้กลับมาเป็นคริสตชน และทาคายามา ยูคอนก็เป็นเจ้าเมืองด้วย...ดังนั้นคนที่อยู่ในการปกครองของเขาจึงมาเป็นคริสตชนทั้งหมด”
อย่างไรก็ตาม  ในไม่ช้ายูคอนถูกเนรเทศออกจากญี่ปุ่นในสมัยที่มีการเบียดเบียนคริสตชนอย่างรุนแรงที่สุดในประวัติศาสตร์ของญี่ปุ่น  เขาถูกเนรเทศไปอยู่ฟิลิปปินส์ และที่นั่นเขาได้รับการยกย่องว่าเป็นผู้นำคริสตชนที่ยิ่งใหญ่
 “ที่ฟิลิปปินส์ ทาคายามา ยูคอนได้รับการยกย่องว่าเป็นบุคคลที่ศักดิ์สิทธิ์  คริสตชนฟิลิปปินส์ทุกคนรู้เรื่องของเขาดียิ่งกว่าในญี่ปุ่นเสียอีก”
ยูคอนมีความปรารถนาที่จะตายเยี่ยงมรณสักขี  แทนที่จะทำฮาราคีรีด้วยดาบเช่นซามูไร  ยูคอนยอมถูกเนรเทศ  และเขาเสียชีวิตด้วยโรคในเวลา 40 วันต่อมา
Lia Beltrami ผู้อำนวยการสร้างสารคดีนี้หวังจะเผยแพร่เรื่องราวของยูคอนเพื่อปลุกเร้าใจเยาวชนชาวญี่ปุ่นในสมัยนี้ซึ่งกำลังต่อสู้ด้วยความเชื่อของเขา  สารคดีคงจะออกฉายในปีหน้า เมื่อการพิจารณาแต่งตั้งยูคอนเสร็จสิ้นแล้ว