พระเมตตาของพระเยซูเจ้า

จงบอกมนุษยชาติที่กำลังเจ็บป่วย ให้เข้ามาใกล้หัวใจอันเมตตาของเรา แล้วเราจะประทานสันติภาพให้แก่มนุษยชาติ พระเมตตาของเราไม่มีวันสิ้นสุดเลย

พระวาจาวันอาทิตย์ที่ 22 ธันวาคม 2024 เตรียมรับเสด็จพระคริสตเจ้าสัปดาห์ที่ 4

           หลังจากนั้นไม่นาน พระนางมารีย์ทรงรีบออกเดินทางไปยังเมืองหนึ่งในแถบภูเขาแคว้นยูเดีย พระนางเสด็จเข้าไปในบ้านของเศคาริยาห์และทรงทักทายนางเอลีซาเบธ เมื่อนางเอลีซาเบธได้ยินคำทักทายของพระนางมารีย์ บุตรในครรภ์ก็ดิ้น นางเอลีซาเบธได้รับพระจิตเจ้าเต็มเปี่ยม ร้องเสียงดังว่า “เธอได้รับพระพรยิ่งกว่าหญิงใด ๆ และลูกของเธอก็ได้รับพระพรด้วย ทำไมหนอพระมารดาขององค์พระผู้เป็นเจ้า จึงเสด็จมาเยี่ยมข้าพเจ้า เมื่อฉันได้ยินคำทักทายของเธอ ลูกในครรภ์ของฉันก็ดิ้นด้วยความยินดี เธอเป็นสุขที่เชื่อว่า พระวาจาที่พระเจ้าตรัสแก่เธอไว้จะเป็นจริง”
(ลูกา 1:39-45)








วันพฤหัสบดีที่ 22 มิถุนายน พ.ศ. 2566

การพูดไม่ดีถึงคนอื่น


ครั้งหนึ่งคุณพ่อปีโอพูดว่า 
เมื่อมีคนเราพูดถึงเพื่อนในทางไม่ดี เขาทำลายชื่อเสียงและเกียรติยศของพี่น้องที่มีสิทธิ์ได้รับความเคารพ 

วันหนึ่ง คุณพ่อปีโอ กล่าวกับผู้มาพบกับท่านว่า "เมื่อคุณนินทาใครสักคน หมายความว่าคุณได้ลบคนๆนั้นออกจากใจของคุณแล้ว แต่ระวังไว้ เมื่อคุณลบคนนั้นออกจากใจ พระเยซูก็จะไปจากใจคุณพร้อมกับชายที่คุณลบเขาไปด้วย."
 
 ครั้งหนึ่งคุณพ่อปิโอได้รับเชิญให้ไปอวยพรบ้าน แต่เมื่อท่านมาถึงทางเข้าห้องครัว ท่านพูดว่า: "ที่นี่มีงู ฉันไม่อยากเข้าไป" แล้วท่านก็พูดกับพระสงฆ์ผู้หนึ่งที่มักไปกินอาหารที่บ้านนั้นบ่อยๆว่า "อย่าไปบ้านนั้น เพราะเขาจะกล่าวร้ายพี่น้องของเขา"

วันพุธที่ 21 มิถุนายน พ.ศ. 2566

ความสมบูรณ์ครบครัน


ยิ่งมนุษย์เป็นอิสระจากความพึงพอใจในเรื่องทางโลกมากเท่าใด จิตใจของเขาก็จะยิ่งรักพระเจ้ามากขึ้นเท่านั้น ดังนั้น นักบุญออกัสตินจึงกล่าวว่า "ความปรารถนาในสิ่งของชั่วคราวคือยาพิษของการทำดี การเติบโตของความดีคือการลดลงของความปรารถนาสิ่งของฝ่ายโลกนี้ และความสมบูรณ์ครบครันของความดีไม่ใช่ความปรารถนาสิ่งของฝ่ายโลก" ดังนั้น คำแนะนำทั้งหมดซึ่งเชื้อเชิญเราไปสู่ความสมบูรณ์ครบครันนั้น มีเป้าหมายที่สิ่งนี้คือ เพื่อให้จิตใจของมนุษย์หันเหจากความพึงพอใจในวัตถุทางโลก เพื่อที่จิตใจของเขาจะได้มีอิสระมากขึ้นสำหรับพระเจ้า โดยการพินิจใคร่ครวญถึงพระองค์,รักพระองค์,และทำตามพระประสงค์ของพระองค์
 
-นักบุญ โทมัส อไควนัส พูดถึงความสมบูรณ์ครบครันในความรักต่อพระเจ้า
 

วันอังคารที่ 20 มิถุนายน พ.ศ. 2566

การรักษาตนให้อยู่ในสถานะพระหรรษทาน


จิตวิญญาณได้รับการชำระให้บริสุทธิ์โดยการรับศีลอภัยบาป,ซึ่งไม่เพียงได้รับการปลดปล่อยให้พ้นจากบาปเท่านั้น แต่ยังช่วยเพิ่มพูนพลังในการต่อต้านการประจญล่อลวงอีกด้วย ศีลมหาสนิทเรียกว่าปังแห่งสวรรค์ เพราะร่างกายไม่สามารถอยู่ได้โดยปราศจากอาหารทางโลกฉันใด วิญญาณก็ไม่อาจมีชีวิตอยู่ได้หากปราศจากอาหารจากสวรรค์ฉันนั้น ถ้าท่านไม่กินเนื้อของบุตรแห่งมนุษย์และดื่มโลหิตของบุตรแห่งมนุษย์ ท่านจะไม่มีชีวิตอยู่ในตัวท่าน แต่ในทางกลับกัน สำหรับผู้ที่กินปังนี้บ่อยๆ จะได้รับชีวิตนิรันดร์ตามพระสัญญา ถ้าผู้ใดกินปังนี้ ผู้นั้นจะมีชีวิตนิรันดร์ ดังนั้นสภาแห่งเทรนต์จึงเรียกศีลมหาสนิทว่า'ยา',ซึ่งช่วยเราให้รอดพ้นจากโรคร้าย และปกป้องเราจากบาปหนัก 
วิธีที่สามคือการรำพึงไตร่ตรองหรือที่เรียกว่าจิตภาวนา 
เพื่อรักษาจิตวิญญาณให้อยู่ในพระหรรษทานของพระเจ้า ดังที่ได้กล่าวไปแล้วว่าจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องสวดภาวนาอยู่เสมอและทูลขอพระหรรษทานที่เราต้องการ 
หลังจากตื่นนอนในตอนเช้า,คริสตชนพึงระลึกถึงพระเจ้าเพื่อขอบคุณพระองค์, แสดงความรัก,การเทิดทูนบูชา, และความตั้งใจที่จะหลีกเลี่ยงบาป พร้อมกับการสวดภาวนาต่อพระเยซูเจ้าและพระแม่มารีย์เพื่อขอให้ทรงปกป้องเราจากบาป ในระหว่างวัน,เราควรอ่านหนังสือฝ่ายจิต,เฝ้าศีลมหาสนิทและเฝ้าพระรูปของแม่พระ ในเวลาเย็น,ให้เราสวดสายประคำ และสำรวจมโนธรรม เช่นเดียวกัน จำเป็นต้องถวายเกียรติแด่พระแม่มารีย์ผู้บริสุทธิ์ที่สุดด้วยการแสดงความศรัทธาเป็นพิเศษ เช่น การจำศีลอดอาหารในวันเสาร์
 
#Catholic 4 Life
 

วันจันทร์ที่ 19 มิถุนายน พ.ศ. 2566

ความลับของศีลมหาสนิท


ทูตสวรรค์อัศจรรย์ใจ,เปล่งเสียงนมัสการการเป็นหนึ่งเดียวอันน่าพิศวงของพระเจ้ากับมนุษย์
>>>อ่านต่อ

วันอาทิตย์ที่ 18 มิถุนายน พ.ศ. 2566

วันเสาร์ที่ 17 มิถุนายน พ.ศ. 2566

การประจักษ์ของพระหฤทัยสี่ครั้ง


พระหฤทัยของพระเจ้าดวงนี้จะต้องได้รับเกียรติภายใต้รูปของพระหฤทัยที่เป็นเนื้อหนังของพระองค์
>>>อ่านต่อ

วันศุกร์ที่ 16 มิถุนายน พ.ศ. 2566

อัศจรรย์จากนักบุญเบเนดิกต์


วันหนึ่ง,นักบุญเบเนดิกต์, เจ้าอาวาสผู้ยิ่งใหญ่ ( ค.ศ. 480-ค.ศ. 547) ซึ่งกำลังกลับมาที่โบสถ์จากการทำงานในไร่นา,ได้พบกับชาวนาผู้หนึ่งที่กำลังได้รับความทุกข์อย่างหนัก “เอาลูกชายฉันคืนมา! เอาลูกชายฉันคืนมา!” เขาร้องไห้. 
เบเนดิกต์หยุดชะงัก “แต่เราไม่ได้พรากลูกชายไปจากท่านนะ?” 
"เขาตายแล้ว มาเถิด มาช่วยชุบชีวิตเขาขึ้นมา!" ชายผู้นั้นร้อง 
สหายบางคนของเบเนดิกต์เริ่มเดินไปข้างหน้าอย่างกระตือรือร้น ราวกับตั้งใจจะไปพร้อมกับบิดาที่กำลังเป็นทุกข์ผู้นี้ แต่เบเนดิกต์รู้สึกไม่พอใจกับคำพูดที่ร้องขอเป็นนัยของบิดา ท่านพูดขึ้นว่า: "หยุดก่อนพี่น้อง! ถอยไป! อัศจรรย์เช่นนี้อยู่นอกเหนืออำนาจของเรา มีแต่อัครสาวกผู้ศักดิ์สิทธิ์เท่านั้นที่สามารถชุบชีวิตคนตายได้ ทำไมพวกท่านถึงเป็นเช่นนั้น กระตือรือร้นที่จะยอมรับในสิ่งที่เป็นไปไม่ได้สำหรับเรา” นักบุญพูดด้วยความถ่อมตน 
แต่ชายคนนั้นขอร้องต่อไป เขาสาบานด้วยว่าเขาจะไม่ยอมจากเบเนดิกต์ไปจนกว่านักบุญจะคืนชีวิตให้กับลูกชายของเขา เบเนดิกต์อาจมีปัญหากับคำสาบานของชายผู้นี้ ท่านถามชายคนนั้นว่าศพอยู่ที่ไหน ผู้เป็นบิดาบอกนักบุญว่าเขาทิ้งศพไว้ที่ประตูอารามและมาตามหาเบเนดิกต์หลังจากได้รับแจ้งว่าท่านไม่อยู่ 
เมื่อทุกคนมาถึงประตูอาราม นักบุญคุกเข่าลงข้างๆร่างที่ไร้ชีวิตแล้วโน้มตัวลงเหนือร่างนั้น แล้วท่านก็ยืนยกมือขึ้นสวดภาวนาว่า “ข้าแต่พระเจ้า, ขออย่าทรงพิจารณาถึงบาปของข้าพระองค์ แต่โปรดทอดพระเนตรความเชื่อของชายผู้นี้ซึ่งขอให้เห็นบุตรของเขามีชีวิตอีกครั้ง และโปรดทรงนำวิญญาณที่พระองค์ทรงพรากไปจากร่างนี้กลับคืนสู่ร่างนี้ด้วยเทอญ” คำอธิษฐานภาวนาของเบเนดิกต์จบลง,และร่างกายของเด็กก็มีชีวิตชีวาขึ้นมาอีก ทุกคนที่อยู่ ณ ที่นี้ต่างก็ให้การอัศจรรย์ว่าเป็นการช่วยเหลือจากสวรรค์ เป็นอีกครั้งที่นักบุญได้ชุบชีวิตเด็กให้กลับมามีชีวิตและมีความสุขในอ้อมแขนของบิดาที่เปี่ยมล้นด้วยความยินดี
 
- Source: Raised from the Death