พระเมตตาของพระเยซูเจ้า

จงบอกมนุษยชาติที่กำลังเจ็บป่วย ให้เข้ามาใกล้หัวใจอันเมตตาของเรา แล้วเราจะประทานสันติภาพให้แก่มนุษยชาติ พระเมตตาของเราไม่มีวันสิ้นสุดเลย

พระวาจาวันอาทิตย์ที่ 12 มกราคม 2025 ฉลองพระเยซูเจ้าทรงรับพิธีล้าง

           ขณะนั้น ประชาชนกำลังรอคอย ทุกคนต่างคิดในใจว่า ยอห์นเป็นพระคริสต์หรือ ยอห์นจึงประกาศต่อหน้าทุกคนว่า “ข้าพเจ้าใช้น้ำทำพิธีล้างให้ท่านทั้งหลาย แต่ผู้ที่ทรงอำนาจยิ่งกว่าข้าพเจ้าจะมา และข้าพเจ้าไม่สมควรแม้แต่จะแก้สายรัดรองเท้าของเขา เขาจะทำพิธีล้างให้ท่านเดชะพระจิตเจ้าและด้วยไฟ
           ลก 3:21-22 พระเยซูเจ้าทรงรับพิธีล้าง
           ขณะนั้นประชาชนทั้งหมดกำลังรับพิธีล้าง พระเยซูเจ้าก็ทรงรับพิธีล้างด้วย และขณะที่ทรงอธิษฐานภาวนาอยู่นั้น ท้องฟ้าก็เปิดออก และพระจิตเจ้าเสด็จลงมาเหนือพระองค์ มีรูปร่างที่เห็นได้ดุจนกพิราบ แล้วมีเสียงจากสวรรค์ว่า “ท่านเป็นบุตรที่รักของเรา เป็นที่โปรดปรานของเรา”
(ลูกา 3:15-16; 21-22)








วันจันทร์ที่ 23 ตุลาคม พ.ศ. 2566

ผู้ปกป้องคนยากจน


นักบุญแอนโทนีเคยเผชิญหน้ากับผู้ทรมานคนยากจนและผู้บริสุทธิ์หลายคนในโอกาสต่างๆ และได้ต่อสู้เพื่อคนยากจนเพื่อความยุติธรรมแก่เหยื่อผู้เคราะห์ร้ายเหล่านั้น การฆาตกรรมและการปล้นสะดมกลายเป็นเรื่องประจำวันในเมือง การจุดไฟเผาบ้านเรือนและอาชญากรรมต่างๆ,เป็นเรื่องปกติในสมัยนั้น การยุติเรื่องนี้ถือเป็นการอภิบาลที่มีค่าที่สุดที่แอนโทนีได้ทำเพื่อคนจน ลูกหนี้ที่ไม่สามารถชำระหนี้ได้จะต้องสูญเสียอิสรภาพและทรัพย์สินที่มีของตน หลายคนถูกเนรเทศออกจากเมืองหรือถูกจองจำในคุกใต้ดินจนเสียชีวิต
แอนโทนีพยายามช่วยลูกหนี้ที่ยากจนจากความยากลำบาก เขาบอกบรรดาเจ้าหนี้ว่าสิ่งที่พวกเขาทำนั้นเป็นบาปร้ายแรงต่อพระเจ้าและผิดต่อมนุษย์ และแนะนำให้พวกเขามีใจเมตตา หลังจากฟังแอนโทนีพูดแล้ว,เจ้าหนี้หลายคนก็เปลี่ยนแปลงแก้ไขแนวทางของตน แอนโทนีไม่ได้หยุดเพียงแค่เทศน์สอน,เขาได้กระตุ้นเตือนเจ้าเมืองด้วยและความพยายามของเขาก็ไม่สูญเปล่า ด้วยความพยายามของแอนโทนี,ทำให้มีการบังคับใช้กฎหมายใหม่ตั้งแต่วันที่ 15 มีนาคม ค.ศ. 1231 ตามกฎหมายนี้,ลูกหนี้ที่ไม่สามารถชำระหนี้ได้จะรอดพ้นจากการจำคุก,ถ้าหากพวกเขาตกลงที่จะสละทรัพย์สินที่เหลืออยู่ แอนโทนี่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในการแต่งกายของผู้คน เขาทำให้หัวขโมยจำนวนมากละทิ้งจากวิถีทางบาปของพวกเขา และทำให้พวกเขาเข้าสู่หนทางของพระเจ้า เขาแนะนำให้ผู้คนละทิ้งชีวิตที่หรูหราและสนับสนุนให้พวกเขาใช้ชีวิตที่เรียบง่ายและซื่อสัตย์ 
ซาตานทนไม่ไหวกับการช่วยชีวิตผู้คนจำนวนนับไม่ถ้วนของแอนโทนี มันต้องการทำร้ายแอนโทนี คืนหนึ่ง,มันจับคอของแอนโทนี่ไว้และพยายามจะบีบคอ แอนโทนี่ร้องเรียกหาพระแม่มารีย์เสียงดังและขอให้พระนางช่วยเขาจากเงื้อมมือของซาตาน เมื่อได้ยินพระนามพระนางมารีย์,ซาตานก็วิ่งหนีไป

วันอาทิตย์ที่ 22 ตุลาคม พ.ศ. 2566

เนินเขาสิบลูก


มีคุณพ่อต้องปีนขึ้นไปบนเนินเขาแต่ละเนินทั้งสิบที่อยู่ข้างหน้าคุณพ่อ
>>>อ่านต่อ

วันเสาร์ที่ 21 ตุลาคม พ.ศ. 2566

ซิสเตอร์มารี-มาร์ธา ชัมบอน


มีหลายครั้งที่มารี-มาร์ธาได้รับอนุญาตให้พบกับครอบครัวศักดิ์สิทธิ์
>>>อ่านต่อ

วันศุกร์ที่ 20 ตุลาคม พ.ศ. 2566

ทำไมนักบุญฟรังซิสจึงไม่เป็นพระสงฆ์


แม้ว่าฟรังซิสจะมีคุณสมบัติที่เหมาะสมจะเป็นพระสงฆ์ได้ แต่เขาก็เลือกที่จะยังคงเป็นเพียงสังฆานุกร(deacon ผู้ช่วยพระสงฆ์)และไม่เป็นพระสงฆ์ 
นักบุญฟรังซิสแห่งอัสซีซีซึ่งเป็นผู้ก่อตั้งคณะฟรังซิสกัน มักจะถูกคิดว่าเขาเป็นพระสงฆ์ อย่างไรก็ตาม เขาไม่เคยเป็นเช่นนั้น และเป็นเพียงสังฆานุกรเท่านั้น 
ตลอดชีวิตของฟรังซิส,เขามีความเคารพพระสงฆ์เป็นอย่างมาก ฟรังซิสจูบมือของพระสงฆ์ที่เขาพบบ่อยๆ “ด้วยความศรัทธาอย่างยิ่ง” เพื่อเป็นเกียรติแก่การได้รับการเจิมเป็นพิเศษที่มือของพวกเขาในวันอุปสมบท ฟรังซิสมีความศรัทธาต่อศีลมหาสนิทและแสดงความเคารพอย่างสูงต่อมือเหล่านั้นที่สัมผัสกับศีลมหาสนิทศักดิ์สิทธิ์ทุกวัน 
สารานุกรมคาทอลิกสรุปว่าความรักที่ฟรังซิสมีต่อศีลมหาสนิทและความรักดังกล่าวอาจนำไปสู่การตัดสินใจไม่บวชเป็นพระสงฆ์ 
ความเคารพของฟรังซิสต่อฐานะพระสงฆ์นั้นยิ่งใหญ่มากจริงๆ เนื่องจากเกี่ยวข้องกับศีลมหาสนิท ซึ่งด้วยความอ่อนน้อมถ่อมตน,เขาจึงไม่กล้าปรารถนาที่จะได้รับศักดิ์ศรีนั้น 
เขาไม่เคยรู้สึกเลยว่าตนคู่ควรที่จะขึ้นบันไดแท่นบูชาและร้องขอฤทธิ์อำนาจของพระเจ้าเพื่อนำมาซึ่งอัศจรรย์แห่งศีลมหาสนิทอันศักดิ์สิทธิ์

วันพฤหัสบดีที่ 19 ตุลาคม พ.ศ. 2566

เครื่องหมายแห่งกาลเวลา


นี่คือเหตุการณ์ที่เราเรียกว่า "apocalyptic." เหตุการณ์ที่พระคัมภีร์ทำนายไว้เกี่ยวกับวันสิ้นโลก อย่างนั้นหรือ?
>>>อ่านต่อ

วันพุธที่ 18 ตุลาคม พ.ศ. 2566

นักบุญโฟสตินา


นักบุญโฟสตินาได้รับการแต่งตั้งให้เป็นนักบุญในวันที่ 30 เมษายน 2000
>>>อ่านต่อ

วันอังคารที่ 17 ตุลาคม พ.ศ. 2566

ความรอดมาจากการทำสิ่งเล็กๆน้อยๆ


นักบุญโทมัสกล่าวว่าความเจ็บปวดหลักของคนเลวทรามคือการเห็นว่าพวกเขาถูกสาปแช่งเพราะการที่เขาไม่ได้ใช้เวลาให้เป็นประโยชน์ เพราะถ้าหากพวกเขาต้องการและใช้ความพยายาม,พวกเขาก็จะได้รับความรุ่งโรจน์แห่งสวรรค์สำหรับตนเองด้วยพระพรต่างๆที่มีอยู่มากมาย 
ความสำนึกผิดประการที่สองนั้นเกิดจากความคิดที่ว่า ถ้าเพียงแต่พวกเขาทำสิ่งเล็กๆน้อยๆที่จำเป็นเพื่อความรอดเท่านั้น วิญญาณที่ถูกสาปแช่งดวงหนึ่งได้ปรากฏต่อนักบุญฮัมเบิร์ต และบอกเขาว่าความเจ็บปวดแสนสาหัสที่เขาต้องทนทุกข์ในนรกนั้นมีสาเหตุมาจากการคิดถึงสิ่งเล็กๆน้อยๆที่ทำให้เขาสูญเสียวิญญาณไป เป็นสิ่งเล็กๆน้อยๆที่เขาต้องทำเพื่อช่วยจิตวิญญาณของเขา 
วิญญาณที่ไม่มีความสุข(ในนรก)จะพูดว่า: ถ้าเพียงแต่ฉันยอมเสียสละโดยไม่มองสิ่งนั้น? ถ้าฉันจะเอาชนะการเยินยอของมนุษย์ในเวลานั้น? ถ้าฉันจะหลีกหนีจากบาปเช่นนั้น,สหายเช่นนั้น,การสนทนาเช่นนั้น ฉันก็จะไม่ถูกสาปแช่ง ถ้าฉันไปสารภาพบาปทุกสัปดาห์ ถ้าฉันได้ไปเยี่ยมศีลมหาสนิทบ่อยๆ ถ้าฉันอ่านหนังสือฝ่ายวิญญาณทุกวัน ถ้าฉันใกล้ชิดกับพระเยซูคริสต์และพระแม่มารีย์ ฉันก็จะไม่กลับไปทำบาปอีก ฉันคิดที่จะทำสิ่งเหล่านี้ แต่กลับละเลยความตั้งใจของตนเอง หรือเมื่อได้เริ่มต้นสิ่งเหล่านี้แล้ว แต่ก็ละทิ้งสิ่งเหล่านั้น ฉันจึงสูญเสียไป 
 #Catholic 4 Life