พระเมตตาของพระเยซูเจ้า

จงบอกมนุษยชาติที่กำลังเจ็บป่วย ให้เข้ามาใกล้หัวใจอันเมตตาของเรา แล้วเราจะประทานสันติภาพให้แก่มนุษยชาติ พระเมตตาของเราไม่มีวันสิ้นสุดเลย

พระวาจาวันอาทิตย์ที่ 27 ตุลาคม 2024 พระเยซูทรงรักษาคนตาบอด

           พระเยซูเจ้าเสด็จมาถึงเมืองเยรีโคพร้อมกับบรรดาศิษย์ ขณะที่พระองค์เสด็จออกจากเมืองเยรีโคพร้อมกับบรรดาศิษย์และประชาชนจำนวนมาก บารทิเมอัสบุตรของทิเมอัส คนขอทานตาบอดนั่งอยู่ริมทาง เมื่อได้ยินว่าพระเยซูชาวนาซาเร็ธกำลังเสด็จผ่านมา เขาเริ่มส่งเสียงร้องตะโกนว่า “ข้าแต่พระเยซู โอรสของกษัตริย์ดาวิด เจ้าข้า โปรดเมตตาข้าพเจ้าเถิด” หลายคนดุเขาให้เงียบ แต่เขากลับตะโกนดังยิ่งกว่าเดิมว่า “พระโอรสของกษัตริย์ดาวิดเจ้าข้า โปรดเมตตาข้าพเจ้าเถิด” พระเยซูเจ้าทรงหยุด ตรัสว่า “ไปเรียกเขามาซิ” เขาก็เรียกคนตาบอดพลางกล่าวว่า “ทำใจดี ๆ ไว้ ลุกขึ้น พระองค์กำลังเรียกเจ้าแล้ว” คนตาบอดสลัดเสื้อคลุมทิ้ง กระโดดเข้าไปเฝ้าพระเยซูเจ้า พระเยซูเจ้าตรัสว่า “ท่านอยากให้เราทำอะไรให้” คนตาบอดทูลว่า “รับโบนีให้ข้าพเจ้าแลเห็นเถิด” พระเยซูเจ้าตรัสกับเขาว่า “ไปเถิด ความเชื่อของท่านได้ช่วยท่านให้รอดพ้นแล้ว” ทันใดนั้น เขากลับแลเห็นและเดินทางติดตามพระองค์ไป
(มาระโก 10:46-52)








วันจันทร์ที่ 4 ธันวาคม พ.ศ. 2566

วันอาทิตย์ที่ 3 ธันวาคม พ.ศ. 2566

พิจารณาไตร่ตรองเรื่องสวรรค์


มนุษย์แสวงหาความสุข,ความสุขที่สมบูรณ์แบบ,อย่างไรก็ตาม,สิ่งนี้พบได้ในสวรรค์เท่านั้น
>>>อ่านต่อ

วันศุกร์ที่ 1 ธันวาคม พ.ศ. 2566

คำขอร้องของแม่พระ


พระนางพรหมจารีย์มารีย์ทรงขอความช่วยเหลือจากเรา แต่เพื่อที่จะช่วยเหลือพระนาง, เราจำเป็นต้องมีความตระหนักรู้ว่า เหตุผลที่พระนางทรงมาที่ฟาติมาก็เพื่อร้องขอคำภาวนาของเรา,โดยเฉพาะอย่างยิ่งการสวดสายประคำทุกวัน 
พระนางยังขอให้เราสวมสายจำพวกและถวายตัวของเราแด่พระหทัยนิรมลของพระนาง 
โลกอยู่ในภาวะของการละทิ้งความเชื่อ ยิ่งไปกว่านั้น การละทิ้งความเชื่อได้รุกรานเข้ามาในพระศาสนจักร นั่นคือสิ่งที่อยู่ในความลับแห่งฟาติมาข้อที่สาม ความลับข้อที่สามหมายถึงการละทิ้งความเชื่อในพระศาสนจักรเอง 
นักบุญอาธานาซีอุสบอกเราว่า พื้นฐานของความรอดของเราคือความเชื่อคาทอลิก บทแสดงความเชื่อคือสิ่งที่นักบุญอาธานาซีอุสอ้างถึง ท่านบอกเราว่า "ผู้ที่ปรารถนาที่จะได้รับความรอดจะต้องยึดมั่นในความเชื่อคาทอลิก,ทุกอย่างและทุกประการ" สังคายนาวาติกันครั้งที่หนึ่งบอกเราว่าไม่มีข้ออ้าง,ไม่มีเหตุผลใดที่คาทอลิกจะละทิ้งความเชื่อ 
ที่มา: Jesus Tells Us "Make It Known" 

วันพฤหัสบดีที่ 30 พฤศจิกายน พ.ศ. 2566

ชีวิตฝ่ายจิต


ขั้นแรก ทุกอย่างเริ่มต้นด้วยเมล็ดพันธ์เล็กๆของการรับศีลล้างบาปของเรา จากนั้นชีวิตก็เติบโตขึ้น, สำหรับคริสตชนคนใดก็ตาม นี่คือจุดเริ่มต้นของการผจญภัย หรือเราเรียกได้ว่าเป็นจุดเริ่มต้นของความสัมพันธ์เลยก็ได้ นักบุญบรูโน, วันหนึ่งท่านได้ยินเสียงเบาๆจากที่หนึ่งในลักษณะที่ไม่อาจต้านทานได้ เสียงนั้นคือจงทิ้งทุกสิ่งเพื่อพระเจ้าเท่านั้น เป็นคำเชื้อเชิญภายในใจ แต่ท่านต้องเลือก เพื่อทำตามการเรียกนี้ ท่านจะต้องละทิ้งทุกสิ่งโดยสิ้นเชิง นั่นคือ หนีจากโลกและหันไปหาพระเจ้าเท่านั้น เป็นการหลุดพ้นจากสิ่งสร้างและผูกพันกับพระเจ้า 
สำหรับนักบุญบรูโน,สิ่งนี้สามารถบรรลุได้เฉพาะในชีวิตที่อุทิศให้กับความรักของพระคริสต์อย่างเต็มที่ ด้วยการเสริมสร้างชีวิตภายในของตนเอง ไปจนถึงการสวดภาวนา,การอยู่ในความลับแห่งความสันโดษ นักบุญบรูโนเขียนถึงราล์ฟเพื่อนของท่าน,เล่าให้เขาฟังว่า ความสันโดษทำให้แม่ชีผู้นั้น “อยู่กับตัวเอง” ซึ่งในความเป็นจริงหมายถึง: การปรากฏเบื้องพระพักตร์ศักดิ์สิทธิ์ของพระเจ้าในส่วนลึกของหัวใจของเธอ ในลักษณะที่จิตใจมีสถานะที่มั่นคง 
 จากนั้นบทสนทนาส่วนตัวกับองค์พระผู้เป็นเจ้าก็เกิดขึ้น การสนทนาระหว่างเจ้าสาวกับพระคริสต์,ผู้เป็นเจ้าบ่าวของเธอ ความผูกพันเริ่มใกล้ชิดกันมากขึ้นในความรัก แต่ในสถานะ “ฉันกับพระองค์” นี้ ก็เป็นสิ่งที่ปรากฏในพระศาสนจักรทั้งมวลด้วย เพราะพระศาสนจักรมีพระคริสต์เป็นเจ้าบ่าวเพียงผู้เดียว ในเวลาเดียวกัน, เจ้าสาวก็คือพระศาสนจักรผู้เป็นมารดาผู้ให้กำเนิดชีวิตใหม่ ได้รับการบำรุงเลี้ยงด้วยอาหารแห่งพระวาจาและปังแห่งศีลมหาสนิท แม่ชีผู้นั้นจึงมุ่งหน้าสู่เส้นทางที่จะยิ่งทำให้เธอมีความรักมากขึ้นเรื่อยๆ ชีวิตอันซ้ำซากจำเจของเธอได้เปลี่ยนไปแล้ว 

วันพุธที่ 29 พฤศจิกายน พ.ศ. 2566

นักบุญซีซีเลีย 22 พ.ย.


คำว่า“ร่างที่ไม่เน่าเปื่อย” หมายถึงนักบุญหรือบุคคลที่มีชื่อเสียงในความศักดิ์สิทธิ์ผู้ซึ่งร่างกายของเขาไม่เสื่อมสลายอย่างน่าอัศจรรย์ ร่างกายของนักบุญหลายองค์ถูกค้นพบในภายหลังว่าไม่เสื่อมสลายไป และในบรรดาร่างเหล่านี้มีบางร่างที่เสื่อมสลายเมื่อเวลาผ่านไปสักระยะหนึ่งหรือถูกทำลายโดยศัตรูของพระศาสนจักร นักบุญในยุคแรกซึ่งร่างกายไม่เน่าเปื่อยคือนักบุญซีซีเลีย ใน ค.ศ. 1599, 1300 ปีหลังจากที่เธอตายไปแล้ว,ร่างกายของเธอถูกค้นพบว่ายังไม่เน่าเปื่อยแต่ดูเหมือนกำลังหลับอยู่ กล่าวกันว่านิ้วของเธอเหยียดออกในลักษณะที่แสดงถึงความเชื่อในพระตรีเอกภาพของเธอ นั่นคือนิ้วชี้เหยียดออก นิ้วกลาง,นาง,ก้อยพับเข้า และนิ้วหัวแม่มือทับอยู่  รูปแกะสลักด้านบนนี้แกะตามรูปร่างของเธอเวลาที่ถูกค้นพบ

วันอังคารที่ 28 พฤศจิกายน พ.ศ. 2566