พระเมตตาของพระเยซูเจ้า

จงบอกมนุษยชาติที่กำลังเจ็บป่วย ให้เข้ามาใกล้หัวใจอันเมตตาของเรา แล้วเราจะประทานสันติภาพให้แก่มนุษยชาติ พระเมตตาของเราไม่มีวันสิ้นสุดเลย

พระวาจาวันอาทิตย์ที่ 12 มกราคม 2025 ฉลองพระเยซูเจ้าทรงรับพิธีล้าง

           ขณะนั้น ประชาชนกำลังรอคอย ทุกคนต่างคิดในใจว่า ยอห์นเป็นพระคริสต์หรือ ยอห์นจึงประกาศต่อหน้าทุกคนว่า “ข้าพเจ้าใช้น้ำทำพิธีล้างให้ท่านทั้งหลาย แต่ผู้ที่ทรงอำนาจยิ่งกว่าข้าพเจ้าจะมา และข้าพเจ้าไม่สมควรแม้แต่จะแก้สายรัดรองเท้าของเขา เขาจะทำพิธีล้างให้ท่านเดชะพระจิตเจ้าและด้วยไฟ
           ลก 3:21-22 พระเยซูเจ้าทรงรับพิธีล้าง
           ขณะนั้นประชาชนทั้งหมดกำลังรับพิธีล้าง พระเยซูเจ้าก็ทรงรับพิธีล้างด้วย และขณะที่ทรงอธิษฐานภาวนาอยู่นั้น ท้องฟ้าก็เปิดออก และพระจิตเจ้าเสด็จลงมาเหนือพระองค์ มีรูปร่างที่เห็นได้ดุจนกพิราบ แล้วมีเสียงจากสวรรค์ว่า “ท่านเป็นบุตรที่รักของเรา เป็นที่โปรดปรานของเรา”
(ลูกา 3:15-16; 21-22)








วันพุธที่ 10 กรกฎาคม พ.ศ. 2567

การแปลความหมายในพระคัมภีร์


ข้อความหนึ่งของพระวาจาในพระคัมภีร์ที่มีการแปลความหมายอย่างไม่ถูกต้องก็คือ “ถ้ามีใครตบแก้มขวาของท่าน ก็จงยื่นอีกข้างให้เขาด้วย” (ลูกา 6:29) 

โดยทั่วไปมักแปลพระวาจานี้ว่า อย่าตอบโต้ผู้ที่ทำร้ายเรา หรือไม่ให้เราป้องกันตัวเอง แต่อันที่จริง,ข้อความนี้ไม่ได้พูดถึงประเด็นเรื่องการตบแก้ม ผมอยากอธิบายให้ฟังเกี่ยวกับความหมายที่แท้จริงของข้อความนี้ซึ่งน่าสนใจมากและจะทำให้คุณประหลาดใจในตอนท้าย เมื่อพระเยซูตรัสว่าข้างขวา ภาษากรีกใช้คำว่า DEXIA คำนี้แปลได้ว่า ให้เกียรติ (place of honor) หรือ อำนาจหน้าที่(Authority) ดังนี้ข้อความดังกล่าวจึงพูดเกี่ยวกับการที่บางคนพยายามทำลายเกียรติของคุณหรืออำนาจของคุณ สิ่งที่น่าสนใจคือ เมื่อพระเยซูตรัส ว่าจงให้อีกข้างหนึ่งแก่เขา ซึ่งคำในภาษากรีกใช้ ESTRESFO ซึ่งมีความหมายว่า หันหลังให้ (Turn your back) ดังนั้นเมื่อแปลข้อความทั้งหมดที่พระเยซูตรัสก็จะเป็นว่า เมื่อบางคนพยายามจะทำลายเกียรติของคุณหรืออำนาจของคุณ ก็จงหันหลังของคุณให้เขา จุดประสงค์หลักของพระวาจานี้คือเพื่อหลีกเลี่ยงความขัดแย้ง หลีกเลี่ยงข้อพิพาท,เมื่อมีใครบางคนพยายามทำลายเกียรติของคุณ,ซึ่งอาจทำให้คุณมีความรู้สึกโกรธแค้น   

#Catholic 4 Life

วันอังคารที่ 9 กรกฎาคม พ.ศ. 2567

ศีลมหาสนิท


พระคริสต์ทรงเปิดเผยแก่นักบุญเกอร์ทรูดว่าทุกครั้งที่บุคคลหนึ่งได้รับศีลมหาสนิท จะมีสิ่งดีๆเกิดขึ้นกับทุกชีวิตในสวรรค์, บนโลก, และในไฟชำระ แต่ละครั้งที่เราได้รับศีลมหาสนิท, บาปเบาของเราได้รับการอภัย, สถานที่ของเราในสวรรค์ถูกสถาปนาขึ้นตลอดกาล และระยะเวลาของการอยู่ในไฟชำระจะสั้นลง 

พระคริสต์ยังทรงเปิดเผยแก่นักบุญเกอร์ทรูดด้วยว่าแต่ละครั้งที่เราร่วมพิธีมิสซาด้วยความศรัทธา, พระองค์จะทรงส่งนักบุญองค์หนึ่งมาปลอบประโลมใจเราในเวลาที่เราใกล้ตาย คำภาวนาของเราจะแข็งแกร่งที่สุดในภาคถวายของพิธีมิสซาศักดิ์สิทธิ์เมื่อศีลมหาสนิทและถ้วยพระโลหิตถูกยกชูขึ้น 

พระนางมารีย์พรหมจารีย์เคยบอกกับผู้รับใช้ที่ซื่อสัตย์ของพระนาง,บุญราศีอแลน(Bl. Alain)ว่า “องค์พระบุตรของแม่ทรงรักผู้ที่ช่วยเหลือในพิธีมิสซาศักดิ์สิทธิ์มาก จนถ้าจำเป็น,พระองค์จะยอมสิ้นพระชนม์เพื่อพวกเขาหลายครั้งเท่าที่พวกเขาเคยร่วมมิสซา”

วันจันทร์ที่ 8 กรกฎาคม พ.ศ. 2567

พระนางมาีย์นำเราสู่สวรรค์


“บนโลก,เด็กๆไม่สามารถเกิดมาได้โดยปราศจากมารดา เป็นสตรีที่นำพวกเขามาสู่โลก และเช่นเดียวกันเป็นสตรีที่นำพวกเราไปสู่สวรรค์ และสตรีนั้นคือพระนางมารีย์” 
- นักบุญมารีย์แห่งพระเยซูผู้ถูกตรึกางเขน

พระสันตะปาปาเลโอที่ 13 กล่าวว่า “อาจเป็นการยืนยันว่าตามพระประสงค์ของพระเจ้า ไม่มีสิ่งใดมาถึงเราโดยไม่ผ่านมือของพระนางมารีย์ เช่นเดียวกับที่ไม่มีใครสามารถเข้าใกล้พระบิดาผู้ทรงฤทธานุภาพได้นอกจากโดยทางพระบุตร ดังนั้นไม่มีใครสามารถเข้าใกล้พระคริสตเจ้าได้นอกจากผ่านทางพระมารดาของพระองค์” (สมณสาสน์ Octobri Mense).
ข้าแต่พระนางมารีย์ โดยเหตุที่องค์พระเยซูเจ้าปรารถนาที่จะมาหาพวกลูกผ่านทางพระนาง โปรดให้ลูกสามารถไปถึงพระองค์ผ่านทางพระนางด้วยเทอญ

วันอาทิตย์ที่ 7 กรกฎาคม พ.ศ. 2567

พระพรของพระจิต


เขามีความเชื่อในพระเจ้าอย่างร้อนรน และอ่อนน้อมถ่อมตนต่อพระศาสนจักร
>>>อ่านต่อ

วันเสาร์ที่ 6 กรกฎาคม พ.ศ. 2567

วันศุกร์ที่ 5 กรกฎาคม พ.ศ. 2567

มงกุฏหนามของนักบุญคัทรีนแห่งเซียนนา


จิตรกรมักวาดภาพนักบุญคัทรีนแห่งเซียนนามีมงกุฎหนามสวมอยู่ และเรื่องนี้มาจากเรื่องราวที่พระเยซูทรงปรากฏต่อคัทรีนโดยพระองค์ทรงถือมงกุฎสองอัน อันหนึ่งเป็นมงกุฎทองคำและอีกอันหนึ่งเป็นมงกุฎหนาม และพระองค์ถามคัทรีนว่าเธออยากสวมมงกุฏอันไหน? "ลูกต้องการสวมมงกุฏทองคำในโลกนี้หรือไม่? แต่ในโลกหน้าลูกจะห่างไกลจากพระเจ้าและทนทุกข์ทรมานอย่างมาก หรือลูกเลือกสวมมงกุฎหนามในชีวิตนี้และใช้ชีวิตที่เต็มไปด้วยความเสียสละและความทุกข์ทรมาน แต่ในโลกหน้าลูกจะสวมมงกุฎทองคำอยู่ท่ามกลางพระนางมารีย์, พระคริสต์, และทูตสวรรค์" แน่นอนว่าคัทรีนเลือกมงกุฎหนามซึ่งมาพร้อมกับรอยแผลลึกลับบนศีรษะของเธอด้วย คัทรีนดำเนินชีวิตถวายความทุกข์ทรมานและความเจ็บปวดของเธอเพื่อวิญญาณของผู้อื่น แต่เธอก็จะดูแลคนป่วยและคนจนด้วยเช่นกัน นักบุญคัทรีนเตือนเราว่าเราก็ถูกเรียกให้สวมมงกุฎของพระคริสต์เช่นกัน มงกุฏคือเครื่องหมายของความเป็นกษัตริย์ที่ไม่ได้มาด้วยกำลังอันดุร้ายหรือการพิชิตศัตรู แต่เป็นการเสียสละที่กระทำเพื่อวิญญาณของทุกคน 
นักบุญคัทรีนแห่งเซียนนา,เจ้าสาวลึกลับของพระคริสต์ โปรดภาวนาเพื่อเราด้วยเทอญ

วันพฤหัสบดีที่ 4 กรกฎาคม พ.ศ. 2567

เป็นตัวของตัวเอง


ผู้ที่มีมโนธรรมแจ่มใสจะพบความพอใจและความสงบสุขได้ง่าย คุณค่าของท่านไม่ได้ถูกกำหนดโดยคำชมเชยหรือคำวิจารณ์จากผู้อื่น ท่านเป็นตามที่ท่านเป็น และคุณค่าของท่านถูกกำหนดโดยพระเจ้า หากท่านเข้าใจตนเองอย่างแท้จริง,ท่านจะไม่ถูกรบกวนจากความคิดเห็นของผู้คน ผู้คนตัดสินจากรูปลักษณ์ภายนอก แต่พระเจ้าทรงมองเห็นจิตใจ ผู้คนเพ่งมองที่การกระทำ แต่พระเจ้าทรงพิจารณาความตั้งใจ ความอ่อนน้อมถ่อมตนแสดงออกด้วยการทำความดีสม่ำเสมอและไม่โอ้อวด การได้รับการปลอบโยนจากพระเจ้าแต่เพียงผู้เดียวแสดงถึงความบริสุทธิ์และความเชื่อของท่าน 
- จำลองแบบพระคริสต์ 
Thomas A Kempis