พระเมตตาของพระเยซูเจ้า

จงบอกมนุษยชาติที่กำลังเจ็บป่วย ให้เข้ามาใกล้หัวใจอันเมตตาของเรา แล้วเราจะประทานสันติภาพให้แก่มนุษยชาติ พระเมตตาของเราไม่มีวันสิ้นสุดเลย

พระวาจาวันอาทิตย์ที่ 19 ตุลาคม 2025 ต้องอธิษฐานภาวนาอยู่เสมอ

          พระเยซูเจ้าทรงเล่าเรื่องอุปมาเรื่องหนึ่งแก่บรรดาศิษย์เพื่อสอนว่าจำเป็นต้องอธิษฐานภาวนาอยู่เสมอโดยไม่ท้อถอย พระองค์ตรัสว่า ‘ผู้พิพากษาคนหนึ่งอยู่ในเมืองหนึ่ง เขาไม่ยำเกรงพระเจ้าและไม่เกรงใจมนุษย์ผู้ใด หญิงม่ายคนหนึ่งอยู่ในเมืองนั้นด้วย นางมาพบเขาครั้งแล้วครั้งเล่าพูดว่า “กรุณาให้ความยุติธรรมแก่ดิฉันสู้กับคู่ความเถิด” ผู้พิพากษาผู้นั้นไม่ยอมทำตามที่นางขอร้องจนเวลาผ่านไประยะหนึ่ง จึงคิดว่า “แม้ว่าฉันไม่ยำเกรงพระเจ้าและไม่เกรงใจมนุษย์ผู้ใด แต่เพราะหญิงม่ายผู้นี้มาทำให้ฉันรำคาญ ฉันจึงจะให้นางได้รับความยุติธรรม เพื่อมิให้นางรบเร้าฉันอยู่ตลอดเวลา”’ องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสว่า ‘จงฟังคำที่ผู้พิพากษาอธรรมคนนั้นพูดซิ แล้วพระเจ้าจะไม่ประทานความยุติธรรมแก่ผู้เลือกสรรที่ร้องหาพระองค์ทั้งวันทั้งคืนดอกหรือ พระองค์จะไม่ทรงช่วยเขาทันทีหรือ เราบอกท่านทั้งหลายว่าพระองค์จะประทานความยุติธรรมแก่เขาโดยเร็ว แต่เมื่อบุตรแห่งมนุษย์เสด็จมา จะทรงพบความเชื่อในโลกนี้หรือ’
(ลูกา 18:1-8)








วันอังคารที่ 18 มีนาคม พ.ศ. 2568

คุณพ่อปีโอพบเพื่อนที่ตายไปแล้ว


หลายคนที่ไม่เชื่อในชีวิตหลังความตายจะพบว่าคำยืนยันของคุณพ่อปิโอเป็นสิ่งที่ให้ความหวังหากคุณอ่านสิ่งที่ท่านเล่าด้วยใจที่ถ่อมตน

เหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 30 ธันวาคม 1936 คุณพ่อปิโอแห่งปิโอเตรลชินาได้รับแจ้งว่าสุขภาพของคุณพ่อจูเซปเป อันโตนิโอ บราเดอร์ที่สนิทสนมกับท่านแย่ลง พวกเขาขอให้คุณพ่อปิโอสวดภาวนาให้เขา เพราะมีเพียงความช่วยเหลือจากพระเจ้าเท่านั้นที่จะช่วยบรรเทาความทุกข์ทรมานและทำให้พระสงฆ์นักพรตผู้น่าสงสารหายป่วยได้ คุณพ่อปิโอสวดภาวนาเพื่อคุณพ่อจูเซปเป ทันทีแต่น่าเสียดายที่คุณพ่อจูเซปเป เสียชีวิตในคืนนั้น

คุณพ่อปีโอซึ่งยังไม่รู้ว่าคุณพ่อจูเซปเปเสียชีวิตแล้ว, ยังคงสวดภาวนาให้เพื่อนของท่านในห้องพักของท่านอยู่ และทันใดนั้นท่านก็ได้ยินเสียงเคาะประตู "เข้ามาสิ!" คุณพ่อปีโอตอบเมื่อได้ยินเสียงเคาะประตู เมื่อประตูเปิดออกคุณพ่อปีโอ,ด้วยความประหลาดใจอย่างยิ่ง,แลเห็นคุณพ่อจูเซปเป ยืนอยู่ที่ประตู

คุณพ่อปีโอดีใจมากที่ได้พบเพื่อนสนิทของท่านอีกครั้ง โดยไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเพื่อนร่วมสำนักของท่านเสียชีวิตแล้ว คุณพ่อปีโอจึงถามเขาว่า “คุณสบายดีไหม?” พวกเขาบอกผมว่าคุณป่วยหนักและเจ็บปวดมาก และตอนนี้คุณก็อยู่ที่นี่แล้ว... “

คุณพ่อปีโอพูดอย่างตรงไปตรงมาและจริงใจจริงๆ

“ผมสบายดี” คุณพ่อจูเซปเปตอบ “ความทุกข์ทรมานทั้งหมดของผมสิ้นสุดลงแล้ว และผมมาขอบคุณท่านสำหรับคำภาวนาของท่าน”

คุณพ่อปีโอเชื่ออย่างจริงใจว่าพระเยซูทรงรักษาเขา แต่ทันทีหลังจากนั้น คุณพ่อจูเซปเปก็กล่าวต่อไปว่า “วิญญาณที่ออกจากไฟชำระขึ้นสู่สวรรค์นั้นจะไม่ขาดความกตัญญูต่อผู้ที่สวดภาวนาวอนขอพระหรรษทานที่รอคอยมานานนี้”

เมื่อได้ยินเช่นนี้ คุณพ่อปีโอจึงตระหนักว่าเพื่อนพระสงฆ์ของท่านได้ไปอยู่ในไฟชำระเป็นช่วงเวลาสั้นๆ และเขาได้มาจากอีกฟากหนึ่งเพื่อขอบคุณท่านสำหรับคำภาวนาของท่าน ในทางปฏิบัติ คำภาวนาของคุณพ่อปีโอไม่ได้สำหรับเยียวยารักษาฝ่ายกาย แต่สำหรับช่วยเขาให้อยู่ในไฟชำระเพียงไม่กี่ชั่วโมงและสามารถขึ้นสวรรค์ได้ทันที

- Padre Pio 😊🙏🩵

วันจันทร์ที่ 17 มีนาคม พ.ศ. 2568

สิ่งที่ปีศาจกลัว


เชื่อพ่อเถอะ ปีศาจทั้งหลายกลัวการระมัดระวังตัวของวิญญาณที่มีใจศรัทธา และมันกลัวการอดอาหารของพวกเขา กลัวความสมัครใจรับความยากจน,การมีความรัก,ความเห็นอกเห็นใจต่อผู้อื่น,และความถ่อมตนของพวกเขา แต่สิ่งที่พวกปีศาจกลัวมากที่สุดคือการมีความรักสุดจิตใจของพวกเขาต่อพระคริสต์,พระเจ้าของเรา ทันทีที่พวกมันเห็นพวกเขาทำสำคัญมหากางเขนด้วยความศรัทธา,พวกมันจะหนีไปด้วยความหวาดหวั่นขวัญหนี”
- นักบุญแอนโทนี่ผู้ยิ่งใหญ่ ปิตาจารย์แห่งอาราม

(หรือเรียกว่านักบุญแอนโทนี่แห่งทะเลทราย)

บทภาวนา - ข้าแต่พระบิดาเจ้า,พระองค์ทรงนำนักบุญอธิการแอนโทนี่ให้มารับใช้พระองค์ในวิถีทางที่มหัศจรรย์ของชีวิตในทะเลทราย โปรดทรงอนุญาต,โดยผ่านการเสนอวิงวอนของท่านนักบุญ โดยอาศัยการปฏิเสธตนเองของข้าพเจ้า,ขอให้ข้าพเจ้าทั้งหลายรักพระองค์เหนือทุกสิ่ง ทั้งนี้โดยอาศัยพระเยซูคริสตเจ้า,พระบุตรของพระองค์ ผู้ทรงดำรงชีพและครองราชย์พร้อมกับพระองค์เป็นหนึ่งเดียวกับพระจิต ตลอดนิรันดร

วันอาทิตย์ที่ 16 มีนาคม พ.ศ. 2568

วันเสาร์ที่ 15 มีนาคม พ.ศ. 2568

การกลับใจของรัสเซียอาจไม่เหมือนอย่างที่เราคิด


ตลอดพันธสัญญาเดิมและเข้าสู่พันธสัญญาใหม่ พระเจ้าทำให้ประชากรของพระองค์ประหลาดใจ ดังนั้น เราไม่ควรประหลาดใจหากพระองค์ยังมีเซอร์ไพรส์รอเราอยู่จนถึงทุกวันนี้

เอลียาห์พบกับพระเจ้าไม่ใช่ในลมหรือไฟหรือแผ่นดินไหว แต่ในสายลมและเสียงที่แผ่วเบา [1 พงศ์กษัตริย์ 19:11-13] พระเมสสิยาห์เสด็จมาในโลกมนุษย์ไม่ใช่ในร่างนักรบผู้ยิ่งใหญ่แต่ในร่างทารกที่ไม่มีทางสู้ พระเยซูไม่ได้เสด็จขึ้นสู่บัลลังก์แต่เสด็จขึ้นสู่ไม้กางเขน ความคาดหวังของผู้มีความเชื่อทั้งหลายต้องสับสนครั้งแล้วครั้งเล่า พระเจ้าทรงบอกเราว่าต้องคาดหวังอะไร แต่เราคิดไปตามความคิดของเราเอง ด้วยความรู้ที่มีจำกัดและเล็กน้อย และในกระบวนการนี้ เราพลาดบางสิ่งที่สำคัญ

ในวันครบรอบ 100 ปีของการประจักษ์ของแม่พระที่ฟาติมา ผมเป็นหนึ่งในบรรดาชาวคาทอลิกจำนวนมากที่เข้าใจผิดเกี่ยวกับสาส์นของพระแม่มารีย์ ผมคาดหวังว่าการต่อสู้กับลัทธิคอมมิวนิสต์ทั่วโลก ซึ่งเป็นการต่อสู้ทางการเมืองครั้งใหญ่ทั่วโลกในช่วงชีวิตของผม จะได้รับการแก้ไขด้วยการต่อสู้ทางทหารครั้งยิ่งใหญ่ แต่มันไม่เป็นเช่นนั้น ระบอบโซเวียตล่มสลายไม่ใช่ด้วยการใช้กองทัพทหารเข้าต่อสู้ประจัญบาน ระบอบโซเวียตพ่ายแพ้ด้วยเสียงเล็กๆของประชาชนที่ปฏิเสธที่จะยอมรับการปกครองของระบอบนี้ กำแพงเบอร์ลินถูกทำลายลงไม่ใช่ด้วยรถถัง แต่โดยคนหนุ่มสาวในบรรยากาศแห่งงานเลี้ยง การต่อสู้ครั้งใหญ่ที่ผมคาดหวังไว้ไม่เคยเกิดขึ้น

หรือจะว่าไป มันก็มีการต่อสู้ครั้งใหญ่เหมือนกัน แต่เป็นการต่อสู้ทางจิตวิญญาณ ที่รอดพ้นจากความสนใจของสาธารณชน? มันเกิดขึ้นหลังจากผู้คนมากมายที่สวดสายประคำตามความปรารถนาของพระแม่มารีย์...

และตอนนี้ เรากำลังรอการกลับใจของรัสเซียตามที่แม่พระทรงสัญญาไว้ หากเราได้เรียนรู้จากประสบการณ์ เราไม่ควรประหลาดใจเกินไปหากการกลับใจนั้นจะดำเนินไปในเส้นทางที่ไม่คาดคิด Catholic News Service เพิ่งเผยแพร่ภาพยนตร์สั้น (30 นาที) เรื่อง Faces among Icons ซึ่งรายงานเกี่ยวกับการฟื้นฟูจิตวิญญาณในรัสเซีย การฟื้นฟูนี้ไม่ใช่แบบที่คุณและผมอาจคาดการณ์ไว้ การฟื้นฟูนี้เกิดขึ้นอย่างเห็นได้ชัดในคริสตจักรออร์โธดอกซ์ มากกว่าในหมู่ชาวคาธอลิก ความสัมพันธ์ระหว่างคริสตจักรออร์โธดอกซ์กับรัฐบาลรัสเซียมีปัญหาดังเช่นในอดีตที่ผ่านมา แต่มีบางอย่างกำลังเกิดขึ้น

ผมไม่ได้บอกว่านี่คือคำตอบสำหรับการสวดสายประคำของเรา แต่กำลังบอกว่ามันคุ้มค่าที่จะเฝ้าคอยและรอดู

วันศุกร์ที่ 14 มีนาคม พ.ศ. 2568

การต่อสู้กับการประจญล่อลวง


พระวาจาของพระเยซูเจ้าที่ให้กำลังใจแก่ผู้ที่สู้รบกับการประจญล่อลวงของปีศาจ

นักบุญคัทเธอรีนแห่งเซียนนารายงานว่าพระเยซูตรัสกับเธอดังนี้

“เราได้แต่งตั้งซาตานให้ล่อลวงและสร้างความเดือดร้อนให้กับสิ่งสร้างของเราในชีวิตนี้ เราทำสิ่งนี้ไม่ใช่เพื่อให้สิ่งสร้างของเราถูกเอาชนะ แต่เพื่อให้พวกเขาสามารถชนะได้ เพื่อพิสูจน์คุณธรรมของพวกเขาและรับความรุ่งโรจน์แห่งชัยชนะจากเรา ไม่มีใครควรกลัวการต่อสู้หรือการล่อลวงใดๆของซาตานที่อาจมาถึงเขา เพราะเราได้ทำให้สิ่งสร้างของเราแข็งแกร่ง และเราได้ให้ความแข็งแกร่งแห่งจิตใจอิสระแก่พวกเขา ซึ่งถูกเสริมให้แข็งแกร่งในพระโลหิตของเรา ไม่ว่าซาตานหรือสิ่งสร้างอื่นใดก็ไม่สามารถควบคุมหรือมีอำนาจเหนือจิตใจอิสระนี้ได้ เพราะมันเป็นของลูก ที่ถูกมอบให้ลูกโดยเรา โดยการเลือกของลูกเอง ลูกสามารถยึดมันไว้หรือปล่อยมันไปก็ได้หากลูกต้องการ

มันคืออาวุธ(จิตใจอิสระ) และถ้าลูกปล่อยมันไว้ในมือของซาตาน มันจะกลายเป็นมีดทันทีที่จะใช้แทงและฆ่าลูก ในทางกลับกัน หากลูกไม่วางมีดซึ่งก็คือความต้องการของลูกไว้ในมือของซาตาน นั่นคือ หากลูกไม่ยินยอมต่อการล่อลวงและการรังควานของมัน ลูกจะไม่มีวันได้รับบาดเจ็บจากความผิดบาปในสิ่งล่อลวงใดๆเลย ในทางกลับกัน ลูกจะได้รับการเสริมกำลังจากการล่อลวงนั้น ตราบใดที่ลูกเปิดตาใจของลูกให้เห็นความรักของเรา และเข้าใจว่าทำไมเราจึงยอมให้ลูกถูกล่อลวง เพื่อที่ลูกจะได้พัฒนาคุณธรรมด้วยการเอาชนะมัน

ความรักของเราอนุญาตให้เกิดการล่อลวงเหล่านี้ เพราะซาตานอ่อนแอ มันไม่สามารถทำอะไรได้ด้วยตัวมันเอง เว้นแต่เราจะอนุญาติ ดังนั้น เราปล่อยให้มันล่อลวงลูกเพราะเรารักลูก ไม่ใช่เพราะเราเกลียดลูก เราต้องการให้ลูกเอาชนะ ไม่ใช่ถูกพิชิต และมาสู่ความรู้ที่สมบูรณ์เกี่ยวกับตัวลูกเองและเรา”

วันพฤหัสบดีที่ 13 มีนาคม พ.ศ. 2568

สวดภาวนาเพื่อวิญญาณในไฟชำระทุกวัน


ชายหนุ่มคนหนึ่งชื่อปีเตอร์  เขาออกจากบ้านเกิดของเขาที่โปรตุเกสและกำลังเดินทางไปอินเดีย เรือของเขาถูกพายุพัดกระหน่ำ ปีเตอร์จึงอธิษฐานภาวนาและสัญญากับพระเจ้าว่าหากพระองค์ทรงช่วยเขาจากการจมน้ำ เขาจะรับใช้พระองค์ในฐานะนักบวช ในที่สุดเขาก็มาถึงเมืองกัว เขาก็ไปพบกับพระสงฆ์คณะเยสุอิตที่นั่น

แต่เขาเกิดในโปรตุเกสในตระกูลขุนนางที่มีชื่อเสียง - ตระกูลมาชาโด - และตระกูลนี้มีชื่อเสียงมากจนเป็นที่รู้จักไปทั่วทั้งอินเดีย เมื่อเขาแนะนำตัวกับพระสงฆ์ซึ่งจะเป็นอธิการของเขาในคณะเยซูอิต เขาไม่ได้บอกชื่อนามสกุลจริงของเขาเพราะกลัวว่าท่านอธิการจะให้สิทธิพิเศษและความสนใจพิเศษแก่เขาเนื่องจากเขามีสายเลือดโดยตรงของตระกูล ปีเตอร์จึงบอกชื่อเมือง - เดอ บาสโต - เมืองที่เขารับศีลล้างบาปแทน ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ตลอดหลายศตวรรษที่ผ่านมา เขาถูกเรียกว่า "ปีเตอร์ เดอ บาสโต"

ปีเตอร์สวดสายประคำทุกวันเพื่อวิญญาณในไฟชำระ แต่มีอยู่วันหนึ่ง เขาไม่ได้สวดภาวนา เขาละเลยที่จะสวด และคืนนั้นเขารู้สึกว่าไปอยู่ที่ดินแดนแห่งหนึ่ง แต่ทูตสวรรค์ผู้พิทักษ์ของเขาปลุกเขาและกล่าวว่า "ลูกเอ๋ย วิญญาณในไฟชำระกำลังรอคอยผลประโยชน์จากการทำทานประจำวันของลูก" ปีเตอร์หยิบสายประคำของเขาขึ้นมาและสวดภาวนาให้ดวงวิญญาณในไฟชำระตามที่ทูตสวรรค์ผู้พิทักษ์ของเขาบอกให้เขาสวดภาวนาต่อพระแม่มารีย์

ปีเตอร์สวดสายประคำให้วิญญาณในไฟชำระทุกวัน ไม่ใช่แค่ในเดือนพฤศจิกายนเท่านั้นที่ผู้คนต่างให้ความสนใจในการสวดภาวนาเพื่อผู้ล่วงลับ นี่เป็นบทเรียนสำหรับหลายคนที่ขี้เกียจสวดภาวนา เราสามารถสวดสายประคำเพื่อดวงวิญญาณในไฟชำระได้หลายครั้งในหนึ่งปี บางทีอาจถึงวันละสายก็ได้ และเพื่อเป็นการตอบแทน,เราอาจได้รับความช่วยเหลือจากวิญญาณเหล่านั้น พวกเขาอาจวิงวอนขอแทนเราในบางอย่างที่จำเป็นสำหรับเรา

วันพุธที่ 12 มีนาคม พ.ศ. 2568

นักบุญเบเนดิกต์ได้ยินความคิดในใจ


วันหนึ่งในเวลาค่ำ ขณะที่นักบุญเบเนดิกต์ผู้ชรากำลังรับประทานอาหาร บังเอิญมีนักพรตของท่านคนหนึ่ง(ซึ่งเป็นลูกของทนายความ)ถือเทียนให้ท่าน เขายืนและเริ่มคิดในใจด้วยเย่อหยิ่งว่า “ใครคือผู้ที่ฉันรับใช้ที่โต๊ะ ใครคือผู้ที่เราควรถือเทียนให้ด้วยความเอาใจใส่เช่นนี้? เราเป็นใครที่ควรรับใช้เขา?” นักบุญเบเนดิกต์หันมาหาเขาทันทีและห้ามปรามเขาอย่างเด็ดขาดโดยกล่าวว่า “จงชกหน้าอกของท่าน บราเดอร์ ท่านกำลังพูดอะไรอยู่ จงชกหน้าอกของท่าน” จากนั้น ท่านนักบุญก็เรียกบรรดาบราเดอร์อื่นๆออกมาทันทีและขอให้พวกเขาเอาเทียนออกจากมือของนักพรตหนุ่มผู้นั้น และบอกให้เขาออกจากที่และนั่งลงอย่างเงียบๆข้างท่าน ต่อมา เมื่อบรรดาบราเดอร์ถามนักบุญเบเนดิกต์เกี่ยวกับความคิดของเขาในเวลานั้น ท่านนักบุญจึงเล่าให้พวกเขาฟังว่าเขามีความหยิ่งผยองและพูดจาหมิ่นประมาทท่านในใจอย่างไร ดังนี้ จึงเข้าใจได้อย่างง่ายดายว่าไม่มีสิ่งใดที่ปิดกั้นความรู้ของนักบุญเบเนดิกต์ผู้เป็นที่เคารพนับถือ ผู้ได้ยินคำพูดแห่งความคิดที่ไม่ได้พูดออกมา

ที่มา: The Life of St. Benedict