พระเมตตาของพระเยซูเจ้า

จงบอกมนุษยชาติที่กำลังเจ็บป่วย ให้เข้ามาใกล้หัวใจอันเมตตาของเรา แล้วเราจะประทานสันติภาพให้แก่มนุษยชาติ พระเมตตาของเราไม่มีวันสิ้นสุดเลย

พระวาจาวันอาทิตย์ที่ 26 ตุลาคม 2025 ผู้ใดที่ยกตนขึ้นจะถูกกดให้ต่ำลง

          พระเยซูเจ้าตรัสเล่าเรื่องอุปมานี้ให้บางคนที่ภูมิใจว่าตนเป็นผู้ชอบธรรมและดูหมิ่นผู้อื่นฟังว่า ‘มีชายสองคนขึ้นไปอธิษฐานภาวนาในพระวิหาร คนหนึ่งเป็นชาวฟาริสี อีกคนหนึ่งเป็นคนเก็บภาษี ชาวฟาริสียืนอธิษฐานภาวนาในใจว่า “ข้าแต่พระเจ้า ข้าพเจ้าขอบพระคุณพระองค์ที่ข้าพเจ้าไม่เป็นเหมือนมนุษย์คนอื่น ที่เป็นขโมย อยุติธรรม ล่วงประเวณี หรือเหมือนคนเก็บภาษีคนนี้ ข้าพเจ้าจำศีลอดอาหารสัปดาห์ละสองวัน และถวายหนึ่งในสิบของรายได้ทั้งหมดของข้าพเจ้า” ส่วนคนเก็บภาษียืนอยู่ห่างออกไป ไม่กล้าแม้แต่จะเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้า ได้แต่ข้อนอก พูดว่า “ข้าแต่พระเจ้า โปรดทรงพระกรุณาต่อข้าพเจ้าคนบาปด้วยเถิด” เราบอกท่านทั้งหลายว่าคนเก็บภาษีกลับไปบ้าน ได้รับความชอบธรรม แต่ชาวฟาริสีไม่ได้รับ เพราะว่าผู้ใดที่ยกตนขึ้นจะถูกกดให้ต่ำลง ผู้ใดที่ถ่อมตนลง จะได้รับการยกย่องให้สูงขึ้น’’
(ลูกา 18:9-14)








วันศุกร์ที่ 10 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560

พลังอำนาจของการสวดภาวนา4

เราต้องไม่สวดภาวนาเหมือนกับ “การพร่ำบ่นคาถา” การที่ได้รับการตอบสนองต่อคำอธิษฐานภาวนาของเรานั้นไม่ได้ขึ้นอยู่กับการใช้คำพูดที่สวยหรู  และไม่มีประโยคหรือคำพูดที่เฉพาะเจาะจงเพื่อทำให้พระเป็นเจ้าทรงตอบสนองการวอนขอของเรา  ในทางตรงกันข้าม พระเยซูเจ้าตรัสว่า “เมื่อท่านอธิษฐานภาวนา  จงอย่าทำเหมือนคนต่างศาสนา  เขาคิดว่าถ้าเขาพูดมากพระเจ้าจะทรงสดับฟัง อย่าทำเหมือนเขาเลย เพราะพระบิดาทรงทราบแล้วว่าท่านต้องการอะไรก่อนที่ท่านจะขอเสียอีก” (มท. 6:7-8)  การสวดภาวนาเป็นการสื่อสารกับพระเป็นเจ้า สิ่งที่ท่านต้องทำก็คือวอนขอความช่วยเหลือจากพระองค์ สดุดีที่ 107 28-30 เตือนเราว่า “เมื่อพวกเขาร้องขอต่อพระเป็นเจ้าในความทุกข์ยากของพวกเขา  พระองค์ก็ทรงนำพวกเขาออกมาจากความทุกข์นั้น พระองค์ทรงทำให้พายุอ่อนกำลังลง  ทรงทำให้คลื่นในทะเลเงียบสงบ แล้วพวกเขาก็ยินดีเมื่อทุกสิ่งเป็นปกติ พระองค์ทรงนำพวกเขาไปสู่ที่หลบภัยตามที่พวกเขาต้องการ”การสวดภาวนามีพลังอำนาจมากยิ่งนัก

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น