พระเมตตาของพระเยซูเจ้า

จงบอกมนุษยชาติที่กำลังเจ็บป่วย ให้เข้ามาใกล้หัวใจอันเมตตาของเรา แล้วเราจะประทานสันติภาพให้แก่มนุษยชาติ พระเมตตาของเราไม่มีวันสิ้นสุดเลย

พระวาจาวันอาทิตย์ที่ 30 พฤศจิกายน 2025 เทศกาลเตรียมรับเสด็จ

          “สมัยของโนอาห์เป็นเช่นไร เมื่อบุตรแห่งมนุษย์เสด็จมาก็จะเป็นเช่นนั้น ในสมัยก่อนน้ำวินาศนั้น ผู้คนกิน ดื่ม แต่งงานกันจนถึงวันที่โนอาห์เข้าไปในเรือ ไม่มีใครนึกระแวงว่าอะไรจะเกิดขึ้นจนกระทั่งน้ำวินาศมากวาดพวกเขาไปหมดสิ้น เมื่อบุตรแห่งมนุษย์เสด็จมาก็จะเป็นเช่นนั้นด้วย เวลานั้น คนสองคนอยู่ในทุ่งนา คนหนึ่งจะถูกรับไป อีกคนหนึ่งจะถูกทิ้งไว้ หญิงสองคนที่กำลังโม่แป้งอยู่ คนหนึ่งจะถูกรับไป อีกคนหนึ่งจะถูกทิ้งไว้ “จงตื่นเฝ้าระวังเถิด เพราะท่านไม่รู้ว่านายของท่านจะมาเมื่อไร พึงรู้ไว้เถิด ถ้าเจ้าบ้านรู้ว่าขโมยจะมาในยามใด เขาคงจะตื่นเฝ้าไม่ปล่อยให้ขโมยงัดแงะบ้านของตนได้ ท่านทั้งหลายก็เช่นเดียวกัน จงเตรียมพร้อมไว้ เพราะว่าบุตรแห่งมนุษย์จะเสด็จมาในเวลาที่ท่านมิได้คาดหมาย
(มัทธิว.24:37-44)








วันพฤหัสบดีที่ 18 เมษายน พ.ศ. 2562

พระสันตปาปานักบุญ

              
              เมื่อวันที่ 12 เมษายนที่ผ่านมา สมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิส พระชนมายุ 82 พรรษา ประมุขแห่งคริสตจักรโรมันคาทรอลิก ได้ทรงแหวกธรรมเนียมของสำนักวาติกัน และสร้างความเซอร์ไพรส์อันซาบซึ้งด้วยการก้มพระวรกายลงจูบยังเท้าของของผู้นำทางการเมืองในซูดานใต้ หรือประเทศ เซาท์ซูดาน ขณะที่ทั้งสองมาเข้าเฝ้าที่พระราชวังพระสันตะปาปา (Apostolic Palace) ในนครรัฐวาติกัน สร้างความตะลึงให้กับคนทั้งโลกหลังภาพดังกล่าวปรากฎออกไป
                เหตุการณ์ครั้งนี้เกิดขึ้นระหว่างที่ นายซัลวา คีอีร์ มายาร์ดิต ประธานาธิบดีเซาท์ซูดาน นายรีค มาชาร์ ว่าที่รองประธานาธิบดี และนาง รีเบคคา เนียนเดง เดอ มาบิเออร์ รัฐมนตรี ขณะที่ทั้งสามเข้าเฝ้า โดยสมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิสทรงมีพระดำรัสต่อผู้แทนซูดานใต้ทั้งสามว่า
                 "ข้าพเจ้าขอในฐานะพี่น้อง จงรักษาสันติภาพ ข้าพเจ้าขอร้องจากใจ"
                 สำหรับนายซัลวา และนายมาซาร์ ทั้งสองต่างเป็นคู่ขัดแย้งทางการเมือง และต่างฝ่ายต่างมีผู้สนับสนุนที่เป็นชนกลุ่มชาติพันธุ์ โดนายซัลวากว่าหาว่านายมาซาร์เป็นต้นเหตุของการก่อรัฐประหาร และเป็นศัตรูทางการเมือง จนส่งผลให้เกืดสงครามกลางเมืองในเซาท์ซูดานในปี 2014 จนเป็นเหตุให้มีประชาชนล้มตายกว่า 4 แสนคน และประชาชนต้องอพยพออกจากประเทศอีกว่า 4 แสนราย รวมถึงมีผู้ผลัดถิ่นในประเทศจากการถูกไล่ที่อีกนับล้านคน
                   เมื่อปี 2018 ที่ผ่านทั้งสองฝ่ายได้ลงนามในสัญญาสันติภาพที่ประเทศเอธิโอเปีย และพยายามจัดตั้งรัฐบาลผสมร่วมกันภายในเดือนพ.ค.นี้ แต่ก็ยังไม่เป็นผลสำเร็จ เนื่องจากทั้งสองยังไม่สามารถบรรลุข้อตกลงสันติภาพได้อย่างชัดเจน และต้องเลื่อนเวลาการจัดตั้งรัฐบาลผสมไปอีกอย่างน้อยราว 6 เดือน ซึ่งอาจส่งผลให้ประชาชนชาวซูดานใต้กว่า 12 ล้านคนยังคงมีชีวิตอย่างอยากลำบาก
                    ด้วยเหตุนี้ สมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิสจึงทรงแสดงสัญลักษณ์แห่งสันติภาพและการให้อภัยอย่างถึงที่สุด เพื่อเรียกร้องให้ทั้งสองฝ่ายสร้างสันติภาพแก่ประชาชน
                    ทำให้นึกถึงพระสันตะปาปายอห์นปอลที่2 พระองค์ทรงก้มลงจูบพื้นดินของประเทศที่เสด็จไปเยี่ยมด้วยเช่นกัน

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น