“ดิฉันเห็นอารักขเทวดาของดิฉัน ท่านสั่งให้ดิฉันตามท่านไป และในชั่วขณะหนึ่ง,ดิฉันก็มาอยู่ในสถานที่ที่ปกคลุมไปด้วยไฟ ที่นั่นมีวิญญาณที่ทุกข์ทรมานอยู่มากมาย พวกเขากำลังสวดภาวนาอย่างสุดจิตใจสำหรับตัวพวกเขาเอง, แต่ก็เปล่าประโยชน์ มีเพียงพวกเราเท่านั้นที่สามารถช่วยเหลือพวกเขาได้ เปลวไฟที่แผดเผาพวกเขาไม่ได้สัมผัสดิฉันเลย อารักขเทวดาของดิฉันไม่ได้ละทิ้งฉันไว้แม้เพียงวินาทีเดียว ฉันถามวิญญาณเหล่านี้ว่าความทุกข์ทรมานที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของพวกเขาคืออะไร พวกเขาตอบดิฉันเป็นเสียงเดียวว่า “การทรมานที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของพวกเขาคือการโหยหาพระเจ้า” ดิฉันเห็นพระแม่มารีย์เสด็จมาเยี่ยมดวงวิญญาณในไฟชำระ วิญญาณเหล่านั้นเรียกพระนางว่า "ดวงดาราแห่งท้องทะเล" พระนางทรงนำความสดชื่นมาให้พวกเขา ดิฉันอยากคุยกับพวกเขามากกว่านี้ แต่อารักขเทวดากวักมือเรียกให้ฉันไป เราออกจากเรือนจำแห่งทุกขเวทนาแห่งนั้นแล้ว ดิฉันได้ยินเสียงภายใน ซึ่งพูดว่า "ความเมตตาของเราไม่ต้องการสิ่งนี้ แต่ความยุติธรรมเรียกร้อง ตั้งแต่นั้นมา ดิฉันก็ใกล้ชิดกับวิญญาณที่ทุกข์ทรมานเหล่านี้มากขึ้น (ไดอารี่ของนักบุญโฟสตินา #20)
Pages
พระเมตตาของพระเยซูเจ้า
จงบอกมนุษยชาติที่กำลังเจ็บป่วย ให้เข้ามาใกล้หัวใจอันเมตตาของเรา แล้วเราจะประทานสันติภาพให้แก่มนุษยชาติ พระเมตตาของเราไม่มีวันสิ้นสุดเลย
พระวาจาวันอาทิตย์ที่ 23 พฤศจิกายน 2025 สมโภชพระเยซูเจ้า กษัตริย์แห่งสากลจักรวาล
ประชาชนยืนดูอยู่ที่นั่น ส่วนบรรดาผู้นำเยาะเย้ยพระองค์ว่า ‘เขาช่วยคนอื่นให้รอดพ้นได้ ก็ให้เขาช่วยตนเองซิ ถ้าเขาเป็นพระคริสต์ผู้ที่พระเจ้าทรงเลือกสรร’ แม้แต่บรรดาทหารก็เยาะเย้ยพระองค์ด้วย เขานำเหล้าองุ่นเปรี้ยวเข้ามาถวาย พลางกล่าวว่า ‘ถ้าท่านเป็นกษัตริย์ของชาวยิว ก็จงช่วยตนเองให้รอดพ้นซิ’ มีคำเขียนไว้เหนือพระองค์ว่า ‘ผู้นี้คือกษัตริย์ของชาวยิว’
(ลูกา 23:35-43)
พระวาจาวันอาทิตย์ที่ 23 พฤศจิกายน 2025 สมโภชพระเยซูเจ้า กษัตริย์แห่งสากลจักรวาล
ประชาชนยืนดูอยู่ที่นั่น ส่วนบรรดาผู้นำเยาะเย้ยพระองค์ว่า ‘เขาช่วยคนอื่นให้รอดพ้นได้ ก็ให้เขาช่วยตนเองซิ ถ้าเขาเป็นพระคริสต์ผู้ที่พระเจ้าทรงเลือกสรร’ แม้แต่บรรดาทหารก็เยาะเย้ยพระองค์ด้วย เขานำเหล้าองุ่นเปรี้ยวเข้ามาถวาย พลางกล่าวว่า ‘ถ้าท่านเป็นกษัตริย์ของชาวยิว ก็จงช่วยตนเองให้รอดพ้นซิ’ มีคำเขียนไว้เหนือพระองค์ว่า ‘ผู้นี้คือกษัตริย์ของชาวยิว’
(ลูกา 23:35-43)



ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น