พระเยซูไม่ได้ตรัสว่า ผู้ปรารถนาความชอบธรรมย่อมเป็นสุข มีความแตกต่างระหว่างความปรารถนาในบางอย่าง กับ ความหิวกระหายในบางอย่างซึ่งเกี่ยวกับอาหารหรือน้ำ ผมสามารถปรารถนาอยากได้รถหรูลัมโบกีนี และถ้าผมไม่ได้รับตามที่ปรารถนา ผมก็ไม่เป็นทุกข์ร้อน ผมไม่ต้องดิ้นรนให้ได้รถมาครอบครอง ผมยังคงใช้ชีวิตอยู่ต่อไปเป็นปกติ แต่ถ้าผมหิวกระหายในอาหารหรือน้ำ ถ้าผมไม่ได้รับอาหารหรือน้ำตามต้องการ,ผมก็จะรู้สึกเป็นทุกข์ ผมต้องพยายามแสวงหาอาหารและน้ำเพื่อประทังความหิวกระหาย มิฉะนั้นผมอาจจะตายได้ เพราะฉะนั้น,เมื่อพระเยซูตรัสว่า หิวกระหายความชอบธรรม นั่นหมายความว่า ความชอบธรรมนั้นเป็นสิ่งจำเป็นเช่นเดียวกับอาหารหรือน้ำ ซึ่งถ้าเราไม่ได้รับความชอบธรรม,เราก็จะเป็นทุกข์ร้อน และพยายามแสวงหาความชอบธรรมจนกว่าจะได้รับ เมื่อได้รับแล้วเราก็เป็นสุข เช่นเดียวกับอาหารและน้ำที่ถือว่าเป็นสิ่งสำคัญอันดับแรกในชีวิต ความชอบธรรมก็มีความสำคัญเป็นอันดับแรกเช่นกัน เพราะพระเยซูตรัสในพระวรสารว่า “จงแสวงหาพระอาณาจักรของพระเจ้าและความชอบธรรมของพระองค์ก่อน แล้วพระองค์จะทรงเพิ่มทุกสิ่งให้เอง”(มัทธิว 6:33)
Pages
พระเมตตาของพระเยซูเจ้า
จงบอกมนุษยชาติที่กำลังเจ็บป่วย ให้เข้ามาใกล้หัวใจอันเมตตาของเรา แล้วเราจะประทานสันติภาพให้แก่มนุษยชาติ พระเมตตาของเราไม่มีวันสิ้นสุดเลย
พระวาจาวันอาทิตย์ที่ 16 พฤศจิกายน 2025 ยีนหยัดในพระคริสต์
ขณะนั้นบางคนให้ข้อสังเกตว่าพระวิหารมีหินและของถวายตกแต่งอย่างงดงาม พระเยซูเจ้าจึงตรัสว่า ‘สักวันหนึ่ง ทุกสิ่งที่ท่านเห็นอยู่นี้ จะไม่มีก้อนหินเหลือซ้อนกันอยู่เลย’ เขาจึงทูลถามพระองค์ว่า ‘พระอาจารย์ เหตุการณ์นี้จะเกิดขึ้นเมื่อไร และมีเครื่องหมายใดบอกว่าเหตุการณ์นี้กำลังจะเกิดขึ้น’
(ลูกา 21:5-19)
พระวาจาวันอาทิตย์ที่ 16 พฤศจิกายน 2025 ยีนหยัดในพระคริสต์
ขณะนั้นบางคนให้ข้อสังเกตว่าพระวิหารมีหินและของถวายตกแต่งอย่างงดงาม พระเยซูเจ้าจึงตรัสว่า ‘สักวันหนึ่ง ทุกสิ่งที่ท่านเห็นอยู่นี้ จะไม่มีก้อนหินเหลือซ้อนกันอยู่เลย’ เขาจึงทูลถามพระองค์ว่า ‘พระอาจารย์ เหตุการณ์นี้จะเกิดขึ้นเมื่อไร และมีเครื่องหมายใดบอกว่าเหตุการณ์นี้กำลังจะเกิดขึ้น’
(ลูกา 21:5-19)
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)


ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น