ประชาชนอย่างน้อย 359 คนเสียชีวิต ขณะที่กว่า 450 คนได้รับบาดเจ็บ
จากเหตุระเบิดที่โบสถ์และโรงแรมภายในประเทศศรีลังกา
>>>อ่านต่อ
Pages
พระเมตตาของพระเยซูเจ้า
จงบอกมนุษยชาติที่กำลังเจ็บป่วย ให้เข้ามาใกล้หัวใจอันเมตตาของเรา แล้วเราจะประทานสันติภาพให้แก่มนุษยชาติ พระเมตตาของเราไม่มีวันสิ้นสุดเลย
พระวาจาวันอาทิตย์ที่ 5 มกราคม 2025 สมโภชพระคริสตเจ้าแสดงองค์
  ในรัชสมัยกษัตริย์เฮโรด พระเยซูเจ้าประสูติที่เมืองเบธเลเฮมในแคว้นยูเดีย โหราจารย์บางท่านจากทิศตะวันออกเดินทางมายังกรุงเยรูซาเล็ม สืบถามว่า “กษัตริย์ชาวยิวที่เพิ่งประสูติอยู่ที่ใด พวกเราได้เห็นดาวประจำพระองค์ขึ้น จึงพร้อมใจกันมาเพื่อนมัสการพระองค์” เมื่อกษัตริย์เฮโรดทรงทราบข่าวนี้ พระองค์ทรงวุ่นวายพระทัย ชาวกรุงเยรูซาเล็มทุกคนต่างก็วุ่นวายใจไปด้วย พระองค์ทรงเรียกประชุมบรรดาหัวหน้าสมณะและธรรมาจารย์ ตรัสถามเขาว่า “พระคริสต์จะประสูติที่ใด” เขาจึงทูลตอบว่า “ในเมืองเบธเลเฮม แคว้นยูเดีย เพราะประกาศกเขียนไว้ว่า เมืองเบธเลเฮม ดินแดนยูดาห์ เจ้ามิใช่เล็กที่สุดในบรรดาหัวเมืองแห่งยูดาห์ เพราะผู้นำคนหนึ่งจะออกมาจากเจ้า ซึ่งจะเป็นผู้นำอิสราเอล ประชากรของเรา”
  ดังนั้น กษัตริย์เฮโรดทรงเรียกบรรดาโหราจารย์มาเฝ้าเป็นการส่วนพระองค์ ทรงซักถามถึงวันเวลาที่ดาวปรากฏ แล้วทรงใช้บรรดาโหราจารย์ไปที่เมืองเบธเลเฮม ทรงกำชับว่า “จงไปสืบถามเรื่องพระกุมารอย่างละเอียด และเมื่อพบพระกุมารแล้ว จงกลับมาบอกให้เรารู้ เราจะได้ไปนมัสการพระองค์ด้วย” เมื่อบรรดาโหราจารย์ได้ฟังพระดำรัสแล้วก็ออกเดินทาง ดาวที่เขาเห็นทางทิศตะวันออกปรากฏอีกครั้งหนึ่งนำทางให้ และมาหยุดนิ่งอยู่เหนือสถานที่ประทับของพระกุมาร เมื่อเห็นดาวอีกครั้งหนึ่งบรรดาโหราจารย์มีความยินดียิ่งนัก เขาเข้าไปในบ้าน พบพระกุมารกับพระนางมารีย์พระมารดา จึงคุกเข่าลงนมัสการพระองค์ แล้วเปิดหีบสมบัตินำทองคำ กำยาน และมดยอบออกมาถวายพระองค์ แต่พระเจ้าทรงเตือนเขาในความฝันมิให้กลับไปหากษัตริย์เฮโรด เขาจึงกลับไปบ้านเมืองของตนโดยทางอื่น
(มัทธิว 2:1-12)
พระวาจาวันอาทิตย์ที่ 5 มกราคม 2025 สมโภชพระคริสตเจ้าแสดงองค์
  ในรัชสมัยกษัตริย์เฮโรด พระเยซูเจ้าประสูติที่เมืองเบธเลเฮมในแคว้นยูเดีย โหราจารย์บางท่านจากทิศตะวันออกเดินทางมายังกรุงเยรูซาเล็ม สืบถามว่า “กษัตริย์ชาวยิวที่เพิ่งประสูติอยู่ที่ใด พวกเราได้เห็นดาวประจำพระองค์ขึ้น จึงพร้อมใจกันมาเพื่อนมัสการพระองค์” เมื่อกษัตริย์เฮโรดทรงทราบข่าวนี้ พระองค์ทรงวุ่นวายพระทัย ชาวกรุงเยรูซาเล็มทุกคนต่างก็วุ่นวายใจไปด้วย พระองค์ทรงเรียกประชุมบรรดาหัวหน้าสมณะและธรรมาจารย์ ตรัสถามเขาว่า “พระคริสต์จะประสูติที่ใด” เขาจึงทูลตอบว่า “ในเมืองเบธเลเฮม แคว้นยูเดีย เพราะประกาศกเขียนไว้ว่า เมืองเบธเลเฮม ดินแดนยูดาห์ เจ้ามิใช่เล็กที่สุดในบรรดาหัวเมืองแห่งยูดาห์ เพราะผู้นำคนหนึ่งจะออกมาจากเจ้า ซึ่งจะเป็นผู้นำอิสราเอล ประชากรของเรา”
  ดังนั้น กษัตริย์เฮโรดทรงเรียกบรรดาโหราจารย์มาเฝ้าเป็นการส่วนพระองค์ ทรงซักถามถึงวันเวลาที่ดาวปรากฏ แล้วทรงใช้บรรดาโหราจารย์ไปที่เมืองเบธเลเฮม ทรงกำชับว่า “จงไปสืบถามเรื่องพระกุมารอย่างละเอียด และเมื่อพบพระกุมารแล้ว จงกลับมาบอกให้เรารู้ เราจะได้ไปนมัสการพระองค์ด้วย” เมื่อบรรดาโหราจารย์ได้ฟังพระดำรัสแล้วก็ออกเดินทาง ดาวที่เขาเห็นทางทิศตะวันออกปรากฏอีกครั้งหนึ่งนำทางให้ และมาหยุดนิ่งอยู่เหนือสถานที่ประทับของพระกุมาร เมื่อเห็นดาวอีกครั้งหนึ่งบรรดาโหราจารย์มีความยินดียิ่งนัก เขาเข้าไปในบ้าน พบพระกุมารกับพระนางมารีย์พระมารดา จึงคุกเข่าลงนมัสการพระองค์ แล้วเปิดหีบสมบัตินำทองคำ กำยาน และมดยอบออกมาถวายพระองค์ แต่พระเจ้าทรงเตือนเขาในความฝันมิให้กลับไปหากษัตริย์เฮโรด เขาจึงกลับไปบ้านเมืองของตนโดยทางอื่น
(มัทธิว 2:1-12)
วันจันทร์ที่ 22 เมษายน พ.ศ. 2562
วันอาทิตย์ที่ 21 เมษายน พ.ศ. 2562
วันเสาร์ที่ 20 เมษายน พ.ศ. 2562
แอนตี้ไครส์ระบบดิจิทัล
มีเรื่องน่าคิดเกี่ยวกับตัวเลขของแอนตี้ไครส์ หมายเลข 666 เพราะสมัยนี้เป็นยุคของดิจิตัล (ดิจิตัล = ตัวเลข) อุปกรณ์หลายอย่างเป็นระบบดิจิตัล
>>>อ่านต่อ
>>>อ่านต่อ
วันศุกร์ที่ 19 เมษายน พ.ศ. 2562
พระศาสนจักรในฮ่องกง
Hong Kong (AsiaNews) – พระศาสนจักรในฮ่องกงเตรียมต้อนรับคริสตชนใหม่จำนวน 2,800 คนในวันอิสเตอร์ที่จะมาถึงนี้
Fr Giorgio Pasini อธิการใหญ่ของคณะ Pontifical Institute for Foreign Missions (PIME) ในฮ่องกง ได้บอกกับทาง AsiaNews ว่า จะมีการประกอบพิธีสาบานตนของผู้จะรับศีลล้างบาปขึ้นที่โบสถ์ St Francis of Assisi’s Church, in Shek Kip Mei โดยมีพระคาร์ดินัล John Tong Hon เป็นประธาน พิธีนี้ถือเป็นหัวใจของพระศาสนจักรในฮ่องกง
“มีผู้สมัครรับศีลล้างบาปและได้เรียนคำสอนแล้วจำนวนมากในปีนี้ พวกเขามีความตื่นตัวในเรื่องนี้มาก ผู้รับศีลล้างบาปเหล่านี้ช่วยทำให้พระศาสนจักรท้องถิ่นมีชีวิตชีวาขึ้น พวกเขาส่วนใหญ่เป็นผู้ใหญ่และได้รับการเตรียมพร้อมมานานหนึ่งปีครึ่ง”
“เป็นสิ่งที่หาได้ยากที่จะมีคริสตชนใหม่ที่มาจากความเชื่อทางศาสนาพุทธ โดยปกติ ผู้คนในอดีตที่เข้ามาเป็นคริสตชนใหม่มักจะเป็นคนที่ไม่ได้นับถือศาสนาใด หรือเป็นคนที่นับถือบรรพบุรุษเสียมากกว่า”
“ผู้สมัครนั้นมาจากทุกระดับฐานะและทุกอาชีพ หลายคนเป็นผู้มีชื่อเสียง ครอบครัวของเขาหรือเพื่อนของเขาได้แนะนำพวกเขาให้มาโบสถ์ แต่พวกเขาก็สามารถหาข้อมูลได้จากทางอินเตอร์เน็ตด้วย ในหลายกรณี, พวกเขาถูกดึงดูดโดยบทบาทของพระศาสนจักร อย่างเช่น เรื่องของสิทธิมนุษยชน” โดยส่วนตัวของท่านอธิการ PIME ท่านรู้สึกว่า “นี่เป็นจุดเริ่มต้นสำหรับการค้นหาความหมายของชีวิต ซึ่งนำพวกเขามาพบกับความเชื่อคาทอลิกและได้พบความหมายของชีวิตที่แท้จริง”
Fr Giorgio Pasini อธิการใหญ่ของคณะ Pontifical Institute for Foreign Missions (PIME) ในฮ่องกง ได้บอกกับทาง AsiaNews ว่า จะมีการประกอบพิธีสาบานตนของผู้จะรับศีลล้างบาปขึ้นที่โบสถ์ St Francis of Assisi’s Church, in Shek Kip Mei โดยมีพระคาร์ดินัล John Tong Hon เป็นประธาน พิธีนี้ถือเป็นหัวใจของพระศาสนจักรในฮ่องกง
“มีผู้สมัครรับศีลล้างบาปและได้เรียนคำสอนแล้วจำนวนมากในปีนี้ พวกเขามีความตื่นตัวในเรื่องนี้มาก ผู้รับศีลล้างบาปเหล่านี้ช่วยทำให้พระศาสนจักรท้องถิ่นมีชีวิตชีวาขึ้น พวกเขาส่วนใหญ่เป็นผู้ใหญ่และได้รับการเตรียมพร้อมมานานหนึ่งปีครึ่ง”
“เป็นสิ่งที่หาได้ยากที่จะมีคริสตชนใหม่ที่มาจากความเชื่อทางศาสนาพุทธ โดยปกติ ผู้คนในอดีตที่เข้ามาเป็นคริสตชนใหม่มักจะเป็นคนที่ไม่ได้นับถือศาสนาใด หรือเป็นคนที่นับถือบรรพบุรุษเสียมากกว่า”
“ผู้สมัครนั้นมาจากทุกระดับฐานะและทุกอาชีพ หลายคนเป็นผู้มีชื่อเสียง ครอบครัวของเขาหรือเพื่อนของเขาได้แนะนำพวกเขาให้มาโบสถ์ แต่พวกเขาก็สามารถหาข้อมูลได้จากทางอินเตอร์เน็ตด้วย ในหลายกรณี, พวกเขาถูกดึงดูดโดยบทบาทของพระศาสนจักร อย่างเช่น เรื่องของสิทธิมนุษยชน” โดยส่วนตัวของท่านอธิการ PIME ท่านรู้สึกว่า “นี่เป็นจุดเริ่มต้นสำหรับการค้นหาความหมายของชีวิต ซึ่งนำพวกเขามาพบกับความเชื่อคาทอลิกและได้พบความหมายของชีวิตที่แท้จริง”
วันพฤหัสบดีที่ 18 เมษายน พ.ศ. 2562
พระสันตปาปานักบุญ
เมื่อวันที่ 12 เมษายนที่ผ่านมา สมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิส พระชนมายุ 82 พรรษา ประมุขแห่งคริสตจักรโรมันคาทรอลิก ได้ทรงแหวกธรรมเนียมของสำนักวาติกัน และสร้างความเซอร์ไพรส์อันซาบซึ้งด้วยการก้มพระวรกายลงจูบยังเท้าของของผู้นำทางการเมืองในซูดานใต้ หรือประเทศ เซาท์ซูดาน ขณะที่ทั้งสองมาเข้าเฝ้าที่พระราชวังพระสันตะปาปา (Apostolic Palace) ในนครรัฐวาติกัน สร้างความตะลึงให้กับคนทั้งโลกหลังภาพดังกล่าวปรากฎออกไป
เหตุการณ์ครั้งนี้เกิดขึ้นระหว่างที่ นายซัลวา คีอีร์ มายาร์ดิต ประธานาธิบดีเซาท์ซูดาน นายรีค มาชาร์ ว่าที่รองประธานาธิบดี และนาง รีเบคคา เนียนเดง เดอ มาบิเออร์ รัฐมนตรี ขณะที่ทั้งสามเข้าเฝ้า โดยสมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิสทรงมีพระดำรัสต่อผู้แทนซูดานใต้ทั้งสามว่า
"ข้าพเจ้าขอในฐานะพี่น้อง จงรักษาสันติภาพ ข้าพเจ้าขอร้องจากใจ"
สำหรับนายซัลวา และนายมาซาร์ ทั้งสองต่างเป็นคู่ขัดแย้งทางการเมือง และต่างฝ่ายต่างมีผู้สนับสนุนที่เป็นชนกลุ่มชาติพันธุ์ โดนายซัลวากว่าหาว่านายมาซาร์เป็นต้นเหตุของการก่อรัฐประหาร และเป็นศัตรูทางการเมือง จนส่งผลให้เกืดสงครามกลางเมืองในเซาท์ซูดานในปี 2014 จนเป็นเหตุให้มีประชาชนล้มตายกว่า 4 แสนคน และประชาชนต้องอพยพออกจากประเทศอีกว่า 4 แสนราย รวมถึงมีผู้ผลัดถิ่นในประเทศจากการถูกไล่ที่อีกนับล้านคน
เมื่อปี 2018 ที่ผ่านทั้งสองฝ่ายได้ลงนามในสัญญาสันติภาพที่ประเทศเอธิโอเปีย และพยายามจัดตั้งรัฐบาลผสมร่วมกันภายในเดือนพ.ค.นี้ แต่ก็ยังไม่เป็นผลสำเร็จ เนื่องจากทั้งสองยังไม่สามารถบรรลุข้อตกลงสันติภาพได้อย่างชัดเจน และต้องเลื่อนเวลาการจัดตั้งรัฐบาลผสมไปอีกอย่างน้อยราว 6 เดือน ซึ่งอาจส่งผลให้ประชาชนชาวซูดานใต้กว่า 12 ล้านคนยังคงมีชีวิตอย่างอยากลำบาก
ด้วยเหตุนี้ สมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิสจึงทรงแสดงสัญลักษณ์แห่งสันติภาพและการให้อภัยอย่างถึงที่สุด เพื่อเรียกร้องให้ทั้งสองฝ่ายสร้างสันติภาพแก่ประชาชน
ทำให้นึกถึงพระสันตะปาปายอห์นปอลที่2 พระองค์ทรงก้มลงจูบพื้นดินของประเทศที่เสด็จไปเยี่ยมด้วยเช่นกัน
วันพุธที่ 17 เมษายน พ.ศ. 2562
มหาวิหารนอตเตอร์ดามไฟไหม้
เมื่อวันจันทร์ 15 เม.ย. 2019 ช่วงบ่าย มหาวิหารนอตเตอร์ดามเกิดไฟไหม้ครั้งใหญ่ หลังคาโบสถ์ส่วนหน้าพังทลาย แต่ด้านหลังโบสถ์ไม่ได้ถูกไฟไหม้ สาเหตุของไฟไหม้อาจเกี่ยวข้องกับการปรับปรุงวิหารในขณะนี้ รายงานยังระบุว่าได้ยินเสียงหักพังของยอดวิหารจากเปลวเพลิงที่ลุกโชนอย่างรุนแรง พร้อมกับภาพของไฟที่เผาทำลายหลังคาทั้งหมดของวิหารจนพังถล่มลงมา
มหาวิหารนอร์ทเทอดามแห่งปารีส เป็นอาสนวิหารประจำอัครมุขมณฑลปารีส (Archidiocèse de Paris) ตั้งอยู่บนเกาะกลางแม่น้ำแซนใจกลางกรุงปารีส มีความโดดเด่นในด้านสถาปัตยกรรมอันเป็นเอกลักษณ์และการตกแต่งโถงภายในด้วยกระจกสีอันสวยงาน ถูกจัดเป็นสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ของฝรั่งเศส จะมีนักท่องเที่ยวในแต่ละวันมากถึง 3,000 คน
ภายในวิหารหลังไฟดับ สิ่งของล้ำค่าเช่น มงกุฎหนามของพระเยซู ฯ ยังคงอยู่
(ทำไมมหาวิหารนอตเตอดามจึงถูกไฟไหม้)
วันอังคารที่ 16 เมษายน พ.ศ. 2562
ประชาชนเวเนซูเอลาเข้าโบสถ์มากขึ้น
เนื่องจากวิกฤตการณ์ทางการเมืองและมนุษยธรรม ประเทศเวเนซูเอลาซึ่งมีผู้ที่ศรัทธาในศาสนาน้อยกำลังเปลี่ยนเป็นประเทศที่มีความศรัทธาความเชื่อในพระคริสต์ ในขณะที่สถานการณ์ทางการเมืองมีความชะงักงัน จากการปะทะกันระหว่างประธานาธิบดีนิโคลัส มาดูโร Nicolás Maduro และผู้นำฝ่ายค้านนาย ฮวน กัวโด Juan Guaidó ฝ่ายมาดูโร พยายามทุกวิถีทางที่จะบดขยี้นายกัวโด เป็นเวลานานนับเดือน ทำให้เกิดการขาดแคลนไฟฟ้า, อาหารและน้ำ ประชาชนหลายพันคนต้องเสียชีวิต ผู้ป่วยในโรงพยาบาลขาดยารักษา เด็กที่เพิ่งเกิดต้องตายเพราะไม่มีนมและไฟฟ้าสำหรับใช้ในการฟื้นตัว ประชาชนทุกคนต้องต่อสู้เพื่อความอยู่รอดไปวันๆ ในวิกฤตการณ์เช่นนี้ประชาชนไม่มีที่ไหนจะพึ่งพาได้ พวกเขาค้นหาความบรรเทาใจและแสวงหาคำตอบของชีวิตที่ทุกข์ยากนี้
Rev. Jesús Godoyพระสงฆ์คาทอลิกประจำโบสถ์ Good Shepherd ในเขต Chacao ของคารากัสกล่าวว่า “พิธีมิสซาในโบสถ์ของพ่อ มีผู้มาร่วมพิธีจนเต็มซึ่งไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน” ท่านบอกว่าท่านเห็นคนมากกว่า 2,000 คนในแต่ละอาทิตย์สุดสัปดาห์ “ พวกเขามาสวดภาวนาขอความช่วยเหลือ” คุณพ่อ Godoy กล่าว “พวกเขาต้องการให้พระเจ้าประทานสิ่งที่ช่วยพวกเขาสามารถดำรงชีวิตอยู่ได้ในภาวะวิกฤติ”
คุณพ่อ Godoy พยายามช่วยเหลือผู้คนที่อยู่ตามท้องถนนทางด้าน การงาน, อาหาร, ที่พัก, และการปลอบบรรเทาใจ เท่าที่จะทำได้
นาง Leidy Villegas บอกว่าความเชื่อคาทอลิกทำให้เธอสามารถเผชิญหน้ากับความเป็นจริงได้ เธอหาอาหารสำหรับครอบครัวได้บ้าง เธอหาน้ำได้ในบางวัน แต่ในท่ามกลางความทุกข์ยากนี้ เธอได้พบกับบางอย่างที่ใหญ่และทรงอำนาจมากกว่าวิกฤตการณ์ของประเทศ เธอสามารถร้องเพลงในโบสถ์ของเมืองปาตาเร
“เราได้พบกับความบรรเทาใจเพียงไม่กี่ชั่วโมงและกลับบ้านอย่างมีความสุข เราลืมแม้กระทั่งความทุกข์ที่ประสบอยู่” เธอกล่าว Leidy อายุ 34ปี และมีลูก 4 คน
“เรารู้ว่าเรากำลังเดินอยู่บนหนทางแห่งความยากลำบากในวันนี้ แต่เราก็ทำเหมือนในวันก่อน เราหลบภัยมาพึ่งพาพระเจ้า”
Rev. Manuel Zapata พระสงฆ์เยซูอิต กล่าวว่า “เป็นเรื่องใหม่สำหรับผม ที่เห็นประชาชนมากมายออกจากบ้านมาที่โบสถ์ในวันอาทิตย์ ประชาชนมีความต้องการฝ่ายจิตใจอย่างมากมายในปีนี้”
Rev. Alfredo Infante พระสงฆ์เยซูอิตในคาราคัส รู้สึกดีใจที่ประชาชนได้ค้นพบความเชื่อของเขาใหม่อีกครั้ง “แต่ผมรู้สึกกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ในประเทศ เวลานี้พวกเด็กๆกลัวว่าจะไม่มีอะไรกินและต้องลี้ภัยไปยังประเทศอื่น เป็นสถานการณ์ที่เลวร้ายมากที่เด็กๆกำลังสูญเสียความเป็นเด็กไป”
Rev. Jesús Godoyพระสงฆ์คาทอลิกประจำโบสถ์ Good Shepherd ในเขต Chacao ของคารากัสกล่าวว่า “พิธีมิสซาในโบสถ์ของพ่อ มีผู้มาร่วมพิธีจนเต็มซึ่งไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน” ท่านบอกว่าท่านเห็นคนมากกว่า 2,000 คนในแต่ละอาทิตย์สุดสัปดาห์ “ พวกเขามาสวดภาวนาขอความช่วยเหลือ” คุณพ่อ Godoy กล่าว “พวกเขาต้องการให้พระเจ้าประทานสิ่งที่ช่วยพวกเขาสามารถดำรงชีวิตอยู่ได้ในภาวะวิกฤติ”
คุณพ่อ Godoy พยายามช่วยเหลือผู้คนที่อยู่ตามท้องถนนทางด้าน การงาน, อาหาร, ที่พัก, และการปลอบบรรเทาใจ เท่าที่จะทำได้
นาง Leidy Villegas บอกว่าความเชื่อคาทอลิกทำให้เธอสามารถเผชิญหน้ากับความเป็นจริงได้ เธอหาอาหารสำหรับครอบครัวได้บ้าง เธอหาน้ำได้ในบางวัน แต่ในท่ามกลางความทุกข์ยากนี้ เธอได้พบกับบางอย่างที่ใหญ่และทรงอำนาจมากกว่าวิกฤตการณ์ของประเทศ เธอสามารถร้องเพลงในโบสถ์ของเมืองปาตาเร
“เราได้พบกับความบรรเทาใจเพียงไม่กี่ชั่วโมงและกลับบ้านอย่างมีความสุข เราลืมแม้กระทั่งความทุกข์ที่ประสบอยู่” เธอกล่าว Leidy อายุ 34ปี และมีลูก 4 คน
“เรารู้ว่าเรากำลังเดินอยู่บนหนทางแห่งความยากลำบากในวันนี้ แต่เราก็ทำเหมือนในวันก่อน เราหลบภัยมาพึ่งพาพระเจ้า”
Rev. Manuel Zapata พระสงฆ์เยซูอิต กล่าวว่า “เป็นเรื่องใหม่สำหรับผม ที่เห็นประชาชนมากมายออกจากบ้านมาที่โบสถ์ในวันอาทิตย์ ประชาชนมีความต้องการฝ่ายจิตใจอย่างมากมายในปีนี้”
Rev. Alfredo Infante พระสงฆ์เยซูอิตในคาราคัส รู้สึกดีใจที่ประชาชนได้ค้นพบความเชื่อของเขาใหม่อีกครั้ง “แต่ผมรู้สึกกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ในประเทศ เวลานี้พวกเด็กๆกลัวว่าจะไม่มีอะไรกินและต้องลี้ภัยไปยังประเทศอื่น เป็นสถานการณ์ที่เลวร้ายมากที่เด็กๆกำลังสูญเสียความเป็นเด็กไป”
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)