พระเมตตาของพระเยซูเจ้า

จงบอกมนุษยชาติที่กำลังเจ็บป่วย ให้เข้ามาใกล้หัวใจอันเมตตาของเรา แล้วเราจะประทานสันติภาพให้แก่มนุษยชาติ พระเมตตาของเราไม่มีวันสิ้นสุดเลย

พระวาจาวันอาทิตย์ที่ 26 ตุลาคม 2025 ผู้ใดที่ยกตนขึ้นจะถูกกดให้ต่ำลง

          พระเยซูเจ้าตรัสเล่าเรื่องอุปมานี้ให้บางคนที่ภูมิใจว่าตนเป็นผู้ชอบธรรมและดูหมิ่นผู้อื่นฟังว่า ‘มีชายสองคนขึ้นไปอธิษฐานภาวนาในพระวิหาร คนหนึ่งเป็นชาวฟาริสี อีกคนหนึ่งเป็นคนเก็บภาษี ชาวฟาริสียืนอธิษฐานภาวนาในใจว่า “ข้าแต่พระเจ้า ข้าพเจ้าขอบพระคุณพระองค์ที่ข้าพเจ้าไม่เป็นเหมือนมนุษย์คนอื่น ที่เป็นขโมย อยุติธรรม ล่วงประเวณี หรือเหมือนคนเก็บภาษีคนนี้ ข้าพเจ้าจำศีลอดอาหารสัปดาห์ละสองวัน และถวายหนึ่งในสิบของรายได้ทั้งหมดของข้าพเจ้า” ส่วนคนเก็บภาษียืนอยู่ห่างออกไป ไม่กล้าแม้แต่จะเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้า ได้แต่ข้อนอก พูดว่า “ข้าแต่พระเจ้า โปรดทรงพระกรุณาต่อข้าพเจ้าคนบาปด้วยเถิด” เราบอกท่านทั้งหลายว่าคนเก็บภาษีกลับไปบ้าน ได้รับความชอบธรรม แต่ชาวฟาริสีไม่ได้รับ เพราะว่าผู้ใดที่ยกตนขึ้นจะถูกกดให้ต่ำลง ผู้ใดที่ถ่อมตนลง จะได้รับการยกย่องให้สูงขึ้น’’
(ลูกา 18:9-14)








วันเสาร์ที่ 19 พฤศจิกายน พ.ศ. 2565

วันศุกร์ที่ 18 พฤศจิกายน พ.ศ. 2565

แสวงหาสวรรค์เพราะความรักไม่ใช่เพราะความกลัว


ถ้าหากโทษทัณฑ์ในนรกสามารถมองเห็นได้ตามที่มันเป็นแล้ว,ประชาชนจะตัวสั่นขวัญผวาด้วยความกลัว,แล้วพวกเขาจะพยายามแสวงหาสวรรค์เพราะความกลัวมากกว่าเพราะความรัก ด้วยเหตุที่ไม่ควรมีใครที่ปรารถนาความสุขแห่งสวรรค์เพราะความกลัวโทษทัณฑ์แต่ควรมาจากความรักอันศักดิ์สิทธิ์,ดังนั้นโทษทัณฑ์ของนรกจึงถูกซ่อนไว้ในเวลานี้  
ต่อเมื่อวิญญาณแยกออกจากร่างกาย,พวกเขาจะได้รับประสบการณ์เหล่านั้นที่พวกเขาไม่ปรารถนาจะรู้ด้วยสติปัญญาของพวกเขาในเวลาที่พวกเขายังมีชีวิตอยู่และสามารถทำได้บนโลก
#Creator

วันพฤหัสบดีที่ 17 พฤศจิกายน พ.ศ. 2565

อัศจรรย์ดวงอาทิตย์ที่ฟาติมา 13 ต.ค. 1917


จากปากคำของผู้เป็นพยาน 
คุณพ่อ โจ เมนิตรา(Fr.Joao Menitra),ผู้เห็นอัศจรรย์แห่งดวงอาทิตย์ที่ฟาติมาในวันที่ 13 ตุลาคม 1917,กล่าวว่า
“ผมจ้องมองดวงอาทิตย์ที่กำลังหมุนอย่างเร็วและอยู่ใกล้ตัวผมมาก และผมก็มีความคิดขึ้นมาทันทีว่า ‘ผมกำลังจะตาย!’ ผมคุกเข่าลงอ้อนวอนขออภัยบาปต่อพระเจ้าสำหรับความผิดทั้งหมดที่ผมอาจกระทำไป”

วันพุธที่ 16 พฤศจิกายน พ.ศ. 2565

วันอังคารที่ 15 พฤศจิกายน พ.ศ. 2565

สองชั่วโมงในไฟชำระยาวนานกว่า80ปีของชีวิตบนโลก


คุณแม่เอสเปแรนซ่า(mother Esperanza)เล่าว่า
พระเยซูเจ้าทรงบอกฉันว่า “เรากำลังจะแสดงให้ลูกเห็นว่าพระสังฆราชได้รับเกียรติอันรุ่งโรจน์มากเพียงไรเมื่อเข้ามาอยู่ในสวรรค์ เพราะเขาอนุมัติในการสร้างอาสนวิหารแห่งความรักที่เปี่ยมด้วยพระเมตตา,แห่งแรกของโลก
แล้วนั้นพระเยซูเจ้าก็หายไปและพระสังฆราชก็มาถึงพร้อมกับร่างกายอันรุ่งโรจน์ของท่าน
พระสังฆราชบอกกับเธอว่า: "คุณแม่เอสเปแรนซ่า,พระเยซูเจ้าทรงส่งเรามาเพื่อขอบคุณลูกเพราะลูกบอกให้เราอนุมัติในการสร้างสถานที่ศักดิ์สิทธิ์... พระเยซูเจ้าทรงพอพระทัยมาก
เวลานี้เราได้รับเกียรติอันรุ่งโรจน์แห่งสวรรค์ชั่วนิรันดร์ แต่เราต้องบอกลูกว่า ก่อนที่เราจะไปสวรรค์,เราได้รับความทุกข์ทรมานสาหัสเป็นเวลานานในไฟชำระ...
คุณแม่เอสเปแรนซ่าตอบว่า “พระคุณเจ้า,ท่านเพิ่งเสียชีวิตเมื่อวานนี้เองที่กรุงโรม,เหตุไฉนท่านถึงบอกกับลูกว่าท่านทนทุกข์มาเป็นเวลายาวนาน ในเมื่อมันเพิ่งผ่านไปเพียงสองวันเล่า?”...
พระสังฆราชตอบว่า “คุณแม่เอสเปแรนซ่า,เวลาแห่งชีวิตหลังความตายไม่เหมือนกับที่มีชีวิตอยู่ในโลกนี้ เราได้รับความทุกข์ทรมานในนรกเพียงสองวัน แต่มันยาวนานมากกว่า 80 ปีของชีวิตเราบนแผ่นดินโลกเสียอีก...
เพราะเมื่อวิญญาณตายไป เขาไปปรากฏตัวเบื้องพระพักตร์พระเจ้าและได้เห็นการปรากฏของพระเจ้า,วิญญาณรู้สึกละอายกับพฤติกรรมที่เคยมีในชีวิตที่เขาได้ละเลยพระเจ้า
เราต้องการบอกทุกคนว่าชีวิตหลังความตายมีอยู่จริง และสิ่งที่สำคัญที่สุดในโลกคือการรักพระเจ้า... อย่างอื่นนั้นไม่มีประโยชน์อะไรเลย"


วันจันทร์ที่ 14 พฤศจิกายน พ.ศ. 2565

นักบุญแอนดรูส์ อเวลีโน(ST ANDREW AVELLINO)


ท่านได้รับพระพรให้ล่วงรู้สถานะของวิญญาณผู้เสียชีวิตว่าอยู่ในนรกหรือไฟชำระ
>>>อ่านต่อ