พระเมตตาของพระเยซูเจ้า

จงบอกมนุษยชาติที่กำลังเจ็บป่วย ให้เข้ามาใกล้หัวใจอันเมตตาของเรา แล้วเราจะประทานสันติภาพให้แก่มนุษยชาติ พระเมตตาของเราไม่มีวันสิ้นสุดเลย

พระวาจาวันอาทิตย์ที่ 24 พฤศจิกายน 2024 สมโภชพระเยซูจะกษัตริย์แห่งสากลจักรวาล

           ปีลาตกลับเข้าไปในจวน และเรียกพระเยซูเจ้ามาถามว่า “ท่านเป็นกษัตริย์ของชาวยิวหรือ” พระเยซูเจ้าตรัสตอบว่า “ท่านถามดังนี้ด้วยตนเอง หรือผู้อื่นบอกท่านถึงเรื่องของเรา” ปีลาตตอบว่า “ข้าพเจ้าเป็นชาวยิวหรือ ชนชาติของท่าน และบรรดาหัวหน้าสมณะมอบท่านให้ข้าพเจ้า ท่านทำผิดสิ่งใด” พระเยซูเจ้าตรัสตอบว่า “อาณาจักรของเรามิได้มาจากโลกนี้ ถ้าอาณาจักรของเรามาจากโลกนี้ ผู้รับใช้ของเราก็คงจะต่อสู้เพื่อมิให้เราถูกมอบให้ชาวยิว แต่อาณาจักรของเราไม่ได้เป็นของโลกนี้” ปีลาตจึงถามพระองค์ว่า “ถ้าเช่นนั้น ท่านเป็นกษัตริย์ใช่ไหม” พระเยซูเจ้าตรัสตอบว่า “ท่านพูดว่าเราเป็นกษัตริย์นั้นถูกต้องแล้ว เราเกิดมาเพื่อเป็นกษัตริย์ เรามาในโลกนี้เพื่อเป็นพยานถึงความจริง ผู้ใดอยู่ฝ่ายความจริงก็ฟังเรา”
(ยอห์น 18:33ข-37)








วันอังคารที่ 15 พฤศจิกายน พ.ศ. 2565

สองชั่วโมงในไฟชำระยาวนานกว่า80ปีของชีวิตบนโลก


คุณแม่เอสเปแรนซ่า(mother Esperanza)เล่าว่า
พระเยซูเจ้าทรงบอกฉันว่า “เรากำลังจะแสดงให้ลูกเห็นว่าพระสังฆราชได้รับเกียรติอันรุ่งโรจน์มากเพียงไรเมื่อเข้ามาอยู่ในสวรรค์ เพราะเขาอนุมัติในการสร้างอาสนวิหารแห่งความรักที่เปี่ยมด้วยพระเมตตา,แห่งแรกของโลก
แล้วนั้นพระเยซูเจ้าก็หายไปและพระสังฆราชก็มาถึงพร้อมกับร่างกายอันรุ่งโรจน์ของท่าน
พระสังฆราชบอกกับเธอว่า: "คุณแม่เอสเปแรนซ่า,พระเยซูเจ้าทรงส่งเรามาเพื่อขอบคุณลูกเพราะลูกบอกให้เราอนุมัติในการสร้างสถานที่ศักดิ์สิทธิ์... พระเยซูเจ้าทรงพอพระทัยมาก
เวลานี้เราได้รับเกียรติอันรุ่งโรจน์แห่งสวรรค์ชั่วนิรันดร์ แต่เราต้องบอกลูกว่า ก่อนที่เราจะไปสวรรค์,เราได้รับความทุกข์ทรมานสาหัสเป็นเวลานานในไฟชำระ...
คุณแม่เอสเปแรนซ่าตอบว่า “พระคุณเจ้า,ท่านเพิ่งเสียชีวิตเมื่อวานนี้เองที่กรุงโรม,เหตุไฉนท่านถึงบอกกับลูกว่าท่านทนทุกข์มาเป็นเวลายาวนาน ในเมื่อมันเพิ่งผ่านไปเพียงสองวันเล่า?”...
พระสังฆราชตอบว่า “คุณแม่เอสเปแรนซ่า,เวลาแห่งชีวิตหลังความตายไม่เหมือนกับที่มีชีวิตอยู่ในโลกนี้ เราได้รับความทุกข์ทรมานในนรกเพียงสองวัน แต่มันยาวนานมากกว่า 80 ปีของชีวิตเราบนแผ่นดินโลกเสียอีก...
เพราะเมื่อวิญญาณตายไป เขาไปปรากฏตัวเบื้องพระพักตร์พระเจ้าและได้เห็นการปรากฏของพระเจ้า,วิญญาณรู้สึกละอายกับพฤติกรรมที่เคยมีในชีวิตที่เขาได้ละเลยพระเจ้า
เราต้องการบอกทุกคนว่าชีวิตหลังความตายมีอยู่จริง และสิ่งที่สำคัญที่สุดในโลกคือการรักพระเจ้า... อย่างอื่นนั้นไม่มีประโยชน์อะไรเลย"


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น