พระเมตตาของพระเยซูเจ้า

จงบอกมนุษยชาติที่กำลังเจ็บป่วย ให้เข้ามาใกล้หัวใจอันเมตตาของเรา แล้วเราจะประทานสันติภาพให้แก่มนุษยชาติ พระเมตตาของเราไม่มีวันสิ้นสุดเลย

พระวาจาวันอาทิตย์ที่ 22 ธันวาคม 2024 เตรียมรับเสด็จพระคริสตเจ้าสัปดาห์ที่ 4

           หลังจากนั้นไม่นาน พระนางมารีย์ทรงรีบออกเดินทางไปยังเมืองหนึ่งในแถบภูเขาแคว้นยูเดีย พระนางเสด็จเข้าไปในบ้านของเศคาริยาห์และทรงทักทายนางเอลีซาเบธ เมื่อนางเอลีซาเบธได้ยินคำทักทายของพระนางมารีย์ บุตรในครรภ์ก็ดิ้น นางเอลีซาเบธได้รับพระจิตเจ้าเต็มเปี่ยม ร้องเสียงดังว่า “เธอได้รับพระพรยิ่งกว่าหญิงใด ๆ และลูกของเธอก็ได้รับพระพรด้วย ทำไมหนอพระมารดาขององค์พระผู้เป็นเจ้า จึงเสด็จมาเยี่ยมข้าพเจ้า เมื่อฉันได้ยินคำทักทายของเธอ ลูกในครรภ์ของฉันก็ดิ้นด้วยความยินดี เธอเป็นสุขที่เชื่อว่า พระวาจาที่พระเจ้าตรัสแก่เธอไว้จะเป็นจริง”
(ลูกา 1:39-45)








วันอังคารที่ 12 พฤศจิกายน พ.ศ. 2567

นักบุญมาร์ติน เดอ พอเรส กับปีศาจ




ปีศาจมักจะยืนอยู่ใกล้นักบุญมาร์ติน เดอ พอเรส โดยหวังจะโจมตี ในเวลากลางคืน มาร์ตินผู้ศักดิ์สิทธิ์จะไปเยี่ยมห้องพยาบาล เขาใช้บันไดเก่าที่ชำรุดซึ่งเป็นเส้นทางที่เร็วที่สุดระหว่างห้องของเขาและห้องพยาบาล คืนหนึ่ง เขาเดินไปที่บันไดเก่าๆ ในอ้อมแขนที่เต็มไปด้วยเข้าของที่จำเป็นสำหรับการพยาบาลคนไข้ ร่างมหึมาที่มีดวงตาเป็นประกายขวางทางไว้ มาร์ตินรู้ว่าเป็นใคร “เจ้ามาทำอะไรที่นี่ เจ้าผู้ถูกสาปแช่ง” เขาถาม ปีศาจตอบว่า “กูมาที่นี่เพราะพอใจที่จะอยู่ที่นี่ และเพราะว่ากูหวังจะได้รับประโยชน์จากการอยู่ที่นี่” “เจ้าจงไปยังขุมนรกอันต้องสาปที่เจ้าอาศัยอยู่!” มาร์ตินผู้ศักดิ์สิทธิ์ร้องออกมา ปีศาจไม่ยอมขยับ ดังนั้นมาร์ตินจึงถอดเข็มขัดของเขาออกและเริ่มฟาดปีศาจ จากนั้นเจ้ามารร้ายก็หายไป เพราะรู้ว่ามันจะไม่ได้อะไรเลยหากอยู่ต่อแต่จะถูกตีซ้ำๆ...

”พระองค์ยังทรงปลดอำนาจของเทพนิกรนายผู้ทรงเดชานุภาพ และเทพนิกรอำนาจลง และทรงบังคับให้เทพเหล่านั้นเข้าขบวนแห่เฉลิมฉลองชัยชนะของพระคริสตเจ้า ต่อหน้ามหาชน” (จดหมายของนักบุญเปาโลถึงชาวโคโลสี บทที่ 2:15)

วันจันทร์ที่ 11 พฤศจิกายน พ.ศ. 2567

วันอาทิตย์ที่ 10 พฤศจิกายน พ.ศ. 2567

วันเสาร์ที่ 9 พฤศจิกายน พ.ศ. 2567

ไฟชำระมีอยู่จริงหรือไม่?


ท่านจงเป็นคนดีอย่างสมบูรณ์ ดังที่พระบิดาเจ้าสวรรค์ของท่านทรงความดีอย่างสมบูรณ์เถิด
>>>อ่านต่อ

วันศุกร์ที่ 8 พฤศจิกายน พ.ศ. 2567

วันพฤหัสบดีที่ 7 พฤศจิกายน พ.ศ. 2567

วันภาวนาอุทิศแด่วิญญาณในไฟชำระ



วิญญาณมากมายได้รับการปลดปล่อยในวันนี้

บุญราศีจอห์นแห่งลาเวอร์นา(Blessed John of La Verna) เป็นหนึ่งในนักบวชฟรังซิสกันรุ่นแรกๆ เขาเกิด 33 ปีหลังจากนักบุญฟรังซิส แห่งอัสซีซีเสียชีวิต บุญราศีจอห์นมีถิ่นฐานบ้านเกิดที่เมืองเฟอร์โม(Fermo) ประเทศอิตาลี แต่ผู้ใหญ่ในคณะได้ส่งเขาไปอาศัยอยู่บนภูเขาลาเวอร์นา ซึ่งเป็นสถานที่ที่นักบุญฟรังซิส อัสซีซีได้รับรอยบาดแผลศักดิ์สิทธิ์ บุญราศีจอห์นอุทิศตนในการสวดภาวนาและการชดเชยใช้โทษบาป และเชื่อกันว่าเขายังเป็นผู้ประพันธ์บทคำนำของพิธีมิสซาของนักบุญฟรังซิสอีกด้วย เขายังทำกิจการดีมากมายเพื่ออุทิศให้แก่วิญญาณในไฟชำระ

ครั้งหนึ่งเมื่อเขาถวายมิสซาในวันภาวนาอุทิศแด่วิญญาณในไฟชำระ เขาก็รู้สึกปิติยินดีอย่างท่วมท้น พระเจ้าทรงประทานนิมิตอันน่าตื่นตะลึงแก่เขาในการได้เห็นวิญญาณทั้งหมดที่ได้รับการปลดปล่อยจากไฟชำระเนื่องจากการประกอบพิธีมิสซาที่จัดขึ้นทั่วโลกในวันฉลองนี้ บุญราศีจอห์นเห็นไฟชำระเปิดออกและวิญญาณที่ได้รับการปลดปล่อยก็ทยอยกันออกมา พวกเขาเหมือนประกายไฟจากเตาเผาที่กำลังลุกไหม้ พวกเขามีมากมายจนบุญราศีจอห์นไม่สามารถนับได้

เรื่องราวอันน่าประทับใจนี้ทำให้เรายึดมั่นในวันที่เราภาวนาเพื่อวิญญาณในไฟชำระนี้! และพิจารณาไตร่ตรองว่าวิญญาณจำนวนมากได้รับการปลดปล่อยจากการชำระล้างให้บริสุทธิ์ในวันนี้ ในพิธีมิสซาที่เราอุทิศแก่พวกเขาในวัดของเราและวัดทุกแห่งทั่วโลก เหมือนกับที่พวกเขาได้รับการปลดปล่อยในวันที่บุญราศีจอห์นถวายเครื่องบูชาศักดิ์สิทธิ์เมื่อ 7 ศตวรรษก่อน

บุญราศีจอห์น เสียชีวิตและถูกฝังที่ภูเขาลาเวอร์นา มีอัศจรรย์มากมายที่สถานที่พักผ่อนสุดท้ายของเขา ขอให้ผู้อ่านทุกคนได้รับพระพรในวันที่เราภาวนาเพื่อวิญญาณในไฟชำระด้วยเทอญ

วันพุธที่ 6 พฤศจิกายน พ.ศ. 2567

หญิงโสเภณีที่ขัดขืนพระหรรษทาน


เรื่องนี้ได้รับการสอบสวนในกระบวนการสถาปนาเป็นนักบุญของบุญราศีฟรานซิส เจอโรม (St. Francis Jerome ค.ศ. 1642-1716) และภายใต้คำสาบานที่รับรองโดยพยานเห็นเหตุการณ์จำนวนมาก ในปี ค.ศ. 1707 นักบุญฟรานซิส เจอโรมกำลังเทศน์สอนตามธรรมเนียมของท่านในละแวกเมืองเนเปิลส์ นักบุญพูดถึงนรกและการลงโทษอันน่ากลัวที่รอคอยคนบาปที่ใจแข็งไม่ยอมกลับใจ หญิงโสเภณีที่หน้าด้านคนหนึ่งซึ่งอาศัยอยู่ที่นั่น รู้สึกไม่สบายใจกับคำพูดที่จะทำให้เธอสำนึกผิด จึงพยายามขัดขวางด้วยการพูดตลกและตะโกนพร้อมกับใช้เครื่องดนตรีที่มีเสียงดัง ขณะที่เธอยืนอยู่ใกล้หน้าต่าง นักบุญก็ร้องออกมาว่า “ระวังตัวไว้เถิด,ลูกสาวของฉัน อย่าขัดขืนพระหรรษทาน ก่อนที่พระเจ้าจะลงโทษเธอภายในแปดวัน” หญิงที่น่าสงสารกลับยิ่งส่งเสียงโหวกเหวกมากขึ้น แปดวันผ่านไป และบังเอิญท่านนักบุญมาอยู่หน้าบ้านหลังเดิมอีกครั้ง คราวนี้เธอเงียบ หน้าต่างถูกปิด ผู้ฟังต่างพากันบอกนักบุญด้วยใบหน้าที่ตกตะลึงว่า แคทเธอรีน (ซึ่งเป็นชื่อของหญิงคนนั้น) เสียชีวิตกะทันหันเมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อน นักบุญกล่าวว่า “เธอเสียชีวิตแล้ว!” “เอาล่ะ ให้เธอเล่าให้เราฟังตอนนี้ว่าเธอได้อะไรจากการหัวเราะเยาะเรื่องเกี่ยวกับนรก มาถามเธอกันดีกว่า”

 นักบุญกล่าวถ้อยคำเหล่านี้ด้วยน้ำเสียงที่เปี่ยมด้วยแรงบันดาลใจ และทุกคนต่างคาดหวังว่าจะมีอัศจรรย์ ฝูงชนจำนวนมากตามมาด้วย นักบุญจึงขึ้นไปยังห้องของผู้ตาย และที่นั่น หลังจากสวดภาวนาอยู่ครู่หนึ่ง นักบุญก็เปิดหน้าศพออก และกล่าวด้วยเสียงอันดังว่า “แคทเธอรีน บอกเราหน่อยว่าตอนนี้เธออยู่ที่ไหน” เมื่อได้รับคำสั่ง ผู้ตายก็เงยหน้าขึ้น พร้อมกับลืมตา ใบหน้ามีสีคล้ำ ใบหน้าแสดงออกถึงความสิ้นหวังที่น่ากลัว และด้วยน้ำเสียงเศร้าโศก ผู้ตายก็กล่าวว่า “ในนรก ฉันอยู่ในนรก” และทันใดนั้น เธอก็ล้มลงสู่สภาพศพอีกครั้ง

“ผมได้อยู่ในเหตุการณ์นั้น” พยานคนหนึ่งที่ให้การต่อผู้สอบสวนของสันตะสำนักกล่าว “แต่ผมไม่สามารถถ่ายทอดความรู้สึกที่เกิดขึ้นกับผมและผู้คนที่อยู่ที่นั้นได้ หรือแม้แต่ความรู้สึกที่ผมยังคงรู้สึกทุกครั้งที่เดินผ่านบ้านหลังนั้นและมองไปที่หน้าต่าง เมื่อเห็นบ้านที่โชคร้ายหลังนั้น ผมยังคงได้ยินเสียงร้องอันน่าเวทนาที่ดังก้องอยู่ว่า “ในนรก ฉันอยู่ในนรก”  

  (ชีวประวัติของนักบุญฟรานซิส เจอโรม โดย Fr. Bach)