“เวลานั้นผมมีอายุ
20 ต้นๆ หลังจากเลิกเรียนในวันหนึ่ง 
ที่อพารต์เมนท์ที่พักอยู่  ผมได้ยินเสียงมาจากข้างนอกหน้าต่าง  มีบางคนกำลังส่งเสียงมาจากบริเวณที่ทิ้งขยะ  ผมจึงเปิดหน้าต่างและมองออกไป ผมเห็นผู้ชายจรจัดแต่งตัวซอมซ่อกำลังคุ้ยหาของกินในกองขยะ  และเขาก็พบขนมปังเน่าๆชิ้นหนึ่ง  กับเศษหนังไก่และเนื้อ 
นอกจากนี้ก็มีขวดมายองเนสที่ว่างเปล่าอีกหนึ่งใบซึ่งเขาใช้นิ้วกวาดเศษของมันมาทาบนขนมปังเพื่อทำเป็นแซนด์วิช  ผมเฝ้ามองดูด้วยความรู้สึกขยะแขยงจนไม่อาจทนอยู่เฉยๆได้  ทันทีผมรีบไปที่ร้านขายของชำซื้ออาหารและสิ่งของด้วยจำนวนเงิน
20 ดอลลาร์ที่มีเพื่อนำไปให้ชายจรจัดคนนั้น 
ผมบอกเขาว่าอย่าไปกินแซนด์วิชที่น่าขยะแขยงนั้น  ชายจรจัดดีใจมากและทำตาม”
ชายหนุ่มซึ่งเป็นคาทอลิกที่เฉื่อยชา  ได้กลับมาที่ห้อง 
มีบางอย่างทำให้เขาเปิดหนังสือพระคัมภีร์ที่เขาเก็บไว้แต่ไม่เคยเปิดออกอ่านเลย  หน้าแรกที่เปิดคือบทพระวรสารของนักบุญมัททิว 25
 “เมื่อเราหิว 
ท่านก็ไม่ให้อาหารเรากิน 
เรากระหาย  ท่านก็ไม่ให้น้ำเราดื่ม  เราเป็นแขกแปลกหน้ามา  ท่านก็ไม่ต้อนรับ  เราเปล่าเปลือย  ท่านก็ไม่ให้เสื้อผ้าแก่เรา  เราเจ็บป่วยและติดคุก  ท่านก็ไม่มาเยี่ยมเรา  ‘แล้วพวกเขาก็จะถามว่า ‘พระเจ้าข้า  เราเห็นพระองค์หิว
หรือ กระหาย หรือเป็นแขกแปลกหน้ามา หรือ เปล่าเปลือย  หรือ เจ็บป่วย หรือ ติดคุก  และไม่ได้ให้ความช่วยเหลือพระองค์เมื่อไร’  และนั้นเราจะตอบพวกเขาว่า ‘แท้จริง  เราขอบอกเจ้าว่า  สิ่งใดที่เจ้าไม่ได้ปฏิบัติต่อพี่น้องแม้ที่ต่ำต้อยของเรา  เจ้าก็ไม่ได้ปฏิบัติต่อเราเลย’ “
ชายหนุ่มคนนั้นจ้องที่หนังสือและพูดว่า
“พระเป็นเจ้า  พระองค์อยู่ที่นั่น  เป็นพระองค์จริงๆ”  นั่นเป็นการเรียกให้เขามาเป็นพระสงฆ์



 
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น