พระเมตตาของพระเยซูเจ้า

จงบอกมนุษยชาติที่กำลังเจ็บป่วย ให้เข้ามาใกล้หัวใจอันเมตตาของเรา แล้วเราจะประทานสันติภาพให้แก่มนุษยชาติ พระเมตตาของเราไม่มีวันสิ้นสุดเลย

พระวาจาวันอาทิตย์ที่ 24 พฤศจิกายน 2024 สมโภชพระเยซูจะกษัตริย์แห่งสากลจักรวาล

           ปีลาตกลับเข้าไปในจวน และเรียกพระเยซูเจ้ามาถามว่า “ท่านเป็นกษัตริย์ของชาวยิวหรือ” พระเยซูเจ้าตรัสตอบว่า “ท่านถามดังนี้ด้วยตนเอง หรือผู้อื่นบอกท่านถึงเรื่องของเรา” ปีลาตตอบว่า “ข้าพเจ้าเป็นชาวยิวหรือ ชนชาติของท่าน และบรรดาหัวหน้าสมณะมอบท่านให้ข้าพเจ้า ท่านทำผิดสิ่งใด” พระเยซูเจ้าตรัสตอบว่า “อาณาจักรของเรามิได้มาจากโลกนี้ ถ้าอาณาจักรของเรามาจากโลกนี้ ผู้รับใช้ของเราก็คงจะต่อสู้เพื่อมิให้เราถูกมอบให้ชาวยิว แต่อาณาจักรของเราไม่ได้เป็นของโลกนี้” ปีลาตจึงถามพระองค์ว่า “ถ้าเช่นนั้น ท่านเป็นกษัตริย์ใช่ไหม” พระเยซูเจ้าตรัสตอบว่า “ท่านพูดว่าเราเป็นกษัตริย์นั้นถูกต้องแล้ว เราเกิดมาเพื่อเป็นกษัตริย์ เรามาในโลกนี้เพื่อเป็นพยานถึงความจริง ผู้ใดอยู่ฝ่ายความจริงก็ฟังเรา”
(ยอห์น 18:33ข-37)








วันอังคารที่ 30 มิถุนายน พ.ศ. 2558

ด้วยสายตาแห่งความเชื่อ

  สายตาแห่งความเชื่อคืออะไร?
สายตาแห่งความเชื่อ คือสายตาที่เราใช้มองดูสิ่งที่ไม่ใช่ของโลกนี้แต่เป็นสิ่งที่อยู่เหนือกว่า  เป็นสายตาที่มองไปในอนาคต  เป็นสายตาที่สามารถแยกแยะสิ่งถูกและผิดและสามารถทำให้เห็นหนทางที่จะมุ่งไปสู่สิ่งที่ดี
เรื่องราวต่างๆในพระคัมภีร์ทั้งหมดบอกว่า  พระเป็นเจ้าทรงยกย่องผู้มีความเชื่อ  ความเชื่อหมายถึงความมั่นใจในพระเป็นเจ้า   ยอมให้พระองค์ทรงกระทำทุกสิ่งต่อเราและนำทางเราไปในทุกแห่งทุกสถานการณ์ตามพระประสงค์ของพระองค์  ด้วยความเชื่อมั่นว่าสิ่งนั้นเป็นน้ำพระทัยของพระองค์  และเป็นแผนการของพระองค์ที่ทรงมีต่อชีวิตของเรา
ถ้ามีบางคนพูดถึงบางเรื่องเกี่ยวกับคุณในทางที่ไม่ดี?
จงสลัดมันทิ้งไปเสียจากชีวิตของคุณเหมือนสลัดฝุ่นดินออกจากรองเท้าของเรา  จงเรียนรู้ในเรื่องนี้เป็นอันดับแรก – คือสลัดละทิ้งสิ่งที่คนอื่นพูดหรือคิดถึงเราในทางที่ไม่ดี  มีบางเวลาที่เราทำสิ่งที่ถูกต้อง  แต่บ่อยครั้งปีศาจจะล่อลวงให้เราทำสิ่งที่ไม่ดีไม่ถูกต้อง  ทำให้เราตาบอดและเกิดความกลัว  เพื่อทำให้เราหมดกำลังใจ
ทันทีที่มันปรากฏต่อเรา  เราต้องรีบปฏิเสธมัน   เราต้องขุดรากของมันออกจากใจของเราทันที
ถ้าเราทำเช่นนี้บ่อยๆ  เราจะเรียนรู้วิธีในการกำจัดปีศาจได้ง่ายขึ้น
ขั้นต่อไป  เราต้องมองตัวเองในแสงสว่าง  อย่างที่พระเป็นเจ้าทรงทอดพระเนตรเห็นเรา  พระองค์ทรงรักเรายิ่งกว่าเรารักตัวเราเองเสียอีก  จงมองดูตัวเองตามความเป็นจริง – นี่เป็นพลังที่จะทำให้คุณกลายเป็นผู้รับใช้ที่ดีของพระเป็นเจ้าในนิรันดรภาพ  พระเป็นเจ้าทรงทราบดีว่า  ภายใต้เนื้อหนังแห่งร่างกายนี้  และส่วนลึกของชีวิตที่เต็มไปด้วยการดิ้นรนนี้  เป็นความสวยงามที่ซ่อนอยู่ภายในซึ่งพร้อมจะเปิดเผยออกมา  เหมือนดังเช่นดักแด้ที่อยู่ในรังเส้นใย  ซึ่งเมื่อถึงเวลาก็จะออกมาจากรังเส้นใยกลายเป็นผิเสื้อที่สวยงามบินโผผินไปในอากาศ
เราจะสวยงามเช่นนี้ได้อย่างไรหรือ?  เราต้องกลับไปที่เรื่องสายตาแห่งความเชื่อ  ด้วยสายตานี้เรามองข้ามความวุ่นวายของปัจจุบัน – มองข้ามปัญหาทุกอย่าง – และหันไปมองดูสิ่งดีๆที่มีอยู่  สิ่งที่เราต้องการให้เกิด  บุคคลที่เราต้องการเป็นเหมือนเขา
และถ้าสิ่งนั้นเป็นน้ำพระทัยของพระเป็นเจ้า  สิ่งนั้นคือเส้นทางที่เราต้องเดินตาม  เมื่อเรายกสายตาของเราขึ้นมองข้ามบุคคลที่ทำร้ายเรา  มองข้ามการทดลองต่างๆของโลกไม่ว่ามันจะร้ายกาจสักเพียงใด  นั่นเป็นเส้นทางเดินแห่งความรุ่งเรืองของเรา
บนกางเขน  พระเยซูคริสต์ทรงทอดพระเนตรขึ้นเบื้องบน  สวรรค์อยู่ในจิตใจของพระองค์แม้ว่าพระองค์ทรงถูกตรึงอยู่บนกางเขน  และพระองค์ทรงมอบสวรรค์ให้แก่โจรที่ถูกตรึงพร้อมกับพระองค์
ในทางตรงข้าม  ปีศาจต้องการให้เราสูญเสียความหวัง  ต้องการให้เราหมดกำลังใจ  ต้องการให้เราคิดว่าเราตกต่ำจนไม่สามารถขึ้นมาจากหลุมแห่งความตกต่ำนั้นได้  มันพยายามขัดขวางเราไม่ให้สวดภาวนา  แต่มันจะทำไม่สำเร็จถ้าเราจะสลัดมันทิ้งไปเสียด้วยการเอ่ยพระนามของพระเยซูเจ้า
เพราะฉะนั้นในครั้งต่อไปที่คุณรู้สึกท้อแท้ใจ  จงสลัดละความรู้สึกนั้น  เริ่มต้นสวดภาวนา  ในการภาวนานี้ให้คุณมองตนเองและสภาพของคุณในแสงสว่าง  มองดูปัญหาต่างๆของคุณที่ค่อยๆละลายหายไป  มองดูพระคริสตเจ้าผู้ทรงกำลังพยุงคุณให้ลุกขึ้นมาใหม่อีกครั้ง
ปีศาจจะมีอำนาจก็ต่อเมื่อคุณยอมมัน  พระคริสตเจ้าทรงเป็นผู้ปกครองเหนือทุกสิ่งและทุกสถานการณ์  พระองค์ทรงเป็นความยินดีและสันติสุข  ผู้ทรงกำลังรอคอยคุณและรักคุณมากเกินกว่าที่คุณคิด  แต่พระองค์ทรงรอให้คุณยกสายตาแห่งความเชื่อของคุณขึ้น  มองดูดินแดนแห่งความชื่นชมยินดีและเข้ามาสู่ดินแดนนี้

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น