สายตาแห่งความเชื่อ
คือสายตาที่เราใช้มองดูสิ่งที่ไม่ใช่ของโลกนี้แต่เป็นสิ่งที่อยู่เหนือกว่า เป็นสายตาที่มองไปในอนาคต เป็นสายตาที่สามารถแยกแยะสิ่งถูกและผิดและสามารถทำให้เห็นหนทางที่จะมุ่งไปสู่สิ่งที่ดี
เรื่องราวต่างๆในพระคัมภีร์ทั้งหมดบอกว่า พระเป็นเจ้าทรงยกย่องผู้มีความเชื่อ ความเชื่อหมายถึงความมั่นใจในพระเป็นเจ้า ยอมให้พระองค์ทรงกระทำทุกสิ่งต่อเราและนำทางเราไปในทุกแห่งทุกสถานการณ์ตามพระประสงค์ของพระองค์ ด้วยความเชื่อมั่นว่าสิ่งนั้นเป็นน้ำพระทัยของพระองค์ และเป็นแผนการของพระองค์ที่ทรงมีต่อชีวิตของเรา
ถ้ามีบางคนพูดถึงบางเรื่องเกี่ยวกับคุณในทางที่ไม่ดี?
จงสลัดมันทิ้งไปเสียจากชีวิตของคุณเหมือนสลัดฝุ่นดินออกจากรองเท้าของเรา จงเรียนรู้ในเรื่องนี้เป็นอันดับแรก – คือสลัดละทิ้งสิ่งที่คนอื่นพูดหรือคิดถึงเราในทางที่ไม่ดี มีบางเวลาที่เราทำสิ่งที่ถูกต้อง แต่บ่อยครั้งปีศาจจะล่อลวงให้เราทำสิ่งที่ไม่ดีไม่ถูกต้อง ทำให้เราตาบอดและเกิดความกลัว เพื่อทำให้เราหมดกำลังใจ
ทันทีที่มันปรากฏต่อเรา เราต้องรีบปฏิเสธมัน เราต้องขุดรากของมันออกจากใจของเราทันที
ถ้าเราทำเช่นนี้บ่อยๆ เราจะเรียนรู้วิธีในการกำจัดปีศาจได้ง่ายขึ้น
ขั้นต่อไป เราต้องมองตัวเองในแสงสว่าง อย่างที่พระเป็นเจ้าทรงทอดพระเนตรเห็นเรา
พระองค์ทรงรักเรายิ่งกว่าเรารักตัวเราเองเสียอีก จงมองดูตัวเองตามความเป็นจริง –
นี่เป็นพลังที่จะทำให้คุณกลายเป็นผู้รับใช้ที่ดีของพระเป็นเจ้าในนิรันดรภาพ พระเป็นเจ้าทรงทราบดีว่า ภายใต้เนื้อหนังแห่งร่างกายนี้ และส่วนลึกของชีวิตที่เต็มไปด้วยการดิ้นรนนี้
เป็นความสวยงามที่ซ่อนอยู่ภายในซึ่งพร้อมจะเปิดเผยออกมา เหมือนดังเช่นดักแด้ที่อยู่ในรังเส้นใย
ซึ่งเมื่อถึงเวลาก็จะออกมาจากรังเส้นใยกลายเป็นผิเสื้อที่สวยงามบินโผผินไปในอากาศ
เราจะสวยงามเช่นนี้ได้อย่างไรหรือ? เราต้องกลับไปที่เรื่องสายตาแห่งความเชื่อ ด้วยสายตานี้เรามองข้ามความวุ่นวายของปัจจุบัน –
มองข้ามปัญหาทุกอย่าง – และหันไปมองดูสิ่งดีๆที่มีอยู่ สิ่งที่เราต้องการให้เกิด บุคคลที่เราต้องการเป็นเหมือนเขา
และถ้าสิ่งนั้นเป็นน้ำพระทัยของพระเป็นเจ้า สิ่งนั้นคือเส้นทางที่เราต้องเดินตาม
เมื่อเรายกสายตาของเราขึ้นมองข้ามบุคคลที่ทำร้ายเรา
มองข้ามการทดลองต่างๆของโลกไม่ว่ามันจะร้ายกาจสักเพียงใด นั่นเป็นเส้นทางเดินแห่งความรุ่งเรืองของเรา
บนกางเขน พระเยซูคริสต์ทรงทอดพระเนตรขึ้นเบื้องบน
สวรรค์อยู่ในจิตใจของพระองค์แม้ว่าพระองค์ทรงถูกตรึงอยู่บนกางเขน
และพระองค์ทรงมอบสวรรค์ให้แก่โจรที่ถูกตรึงพร้อมกับพระองค์
ในทางตรงข้าม ปีศาจต้องการให้เราสูญเสียความหวัง ต้องการให้เราหมดกำลังใจ
ต้องการให้เราคิดว่าเราตกต่ำจนไม่สามารถขึ้นมาจากหลุมแห่งความตกต่ำนั้นได้ มันพยายามขัดขวางเราไม่ให้สวดภาวนา แต่มันจะทำไม่สำเร็จถ้าเราจะสลัดมันทิ้งไปเสียด้วยการเอ่ยพระนามของพระเยซูเจ้า
เพราะฉะนั้นในครั้งต่อไปที่คุณรู้สึกท้อแท้ใจ จงสลัดละความรู้สึกนั้น เริ่มต้นสวดภาวนา
ในการภาวนานี้ให้คุณมองตนเองและสภาพของคุณในแสงสว่าง มองดูปัญหาต่างๆของคุณที่ค่อยๆละลายหายไป มองดูพระคริสตเจ้าผู้ทรงกำลังพยุงคุณให้ลุกขึ้นมาใหม่อีกครั้ง
ปีศาจจะมีอำนาจก็ต่อเมื่อคุณยอมมัน พระคริสตเจ้าทรงเป็นผู้ปกครองเหนือทุกสิ่งและทุกสถานการณ์ พระองค์ทรงเป็นความยินดีและสันติสุข
ผู้ทรงกำลังรอคอยคุณและรักคุณมากเกินกว่าที่คุณคิด แต่พระองค์ทรงรอให้คุณยกสายตาแห่งความเชื่อของคุณขึ้น มองดูดินแดนแห่งความชื่นชมยินดีและเข้ามาสู่ดินแดนนี้
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น