พระเมตตาของพระเยซูเจ้า

จงบอกมนุษยชาติที่กำลังเจ็บป่วย ให้เข้ามาใกล้หัวใจอันเมตตาของเรา แล้วเราจะประทานสันติภาพให้แก่มนุษยชาติ พระเมตตาของเราไม่มีวันสิ้นสุดเลย

พระวาจาวันอาทิตย์ที่ 26 ตุลาคม 2025 ผู้ใดที่ยกตนขึ้นจะถูกกดให้ต่ำลง

          พระเยซูเจ้าตรัสเล่าเรื่องอุปมานี้ให้บางคนที่ภูมิใจว่าตนเป็นผู้ชอบธรรมและดูหมิ่นผู้อื่นฟังว่า ‘มีชายสองคนขึ้นไปอธิษฐานภาวนาในพระวิหาร คนหนึ่งเป็นชาวฟาริสี อีกคนหนึ่งเป็นคนเก็บภาษี ชาวฟาริสียืนอธิษฐานภาวนาในใจว่า “ข้าแต่พระเจ้า ข้าพเจ้าขอบพระคุณพระองค์ที่ข้าพเจ้าไม่เป็นเหมือนมนุษย์คนอื่น ที่เป็นขโมย อยุติธรรม ล่วงประเวณี หรือเหมือนคนเก็บภาษีคนนี้ ข้าพเจ้าจำศีลอดอาหารสัปดาห์ละสองวัน และถวายหนึ่งในสิบของรายได้ทั้งหมดของข้าพเจ้า” ส่วนคนเก็บภาษียืนอยู่ห่างออกไป ไม่กล้าแม้แต่จะเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้า ได้แต่ข้อนอก พูดว่า “ข้าแต่พระเจ้า โปรดทรงพระกรุณาต่อข้าพเจ้าคนบาปด้วยเถิด” เราบอกท่านทั้งหลายว่าคนเก็บภาษีกลับไปบ้าน ได้รับความชอบธรรม แต่ชาวฟาริสีไม่ได้รับ เพราะว่าผู้ใดที่ยกตนขึ้นจะถูกกดให้ต่ำลง ผู้ใดที่ถ่อมตนลง จะได้รับการยกย่องให้สูงขึ้น’’
(ลูกา 18:9-14)








วันเสาร์ที่ 23 กรกฎาคม พ.ศ. 2559

การสวดภาวนาคือแสงสว่างของวิญญาณ

คำเทศน์ของนักบุญยอห์น คริสซอนโตม (พระสังฆราช)
การสวดภาวนาเป็นแสงสว่างของวิญญาณ
การสวดภาวนาและการสนทนากับพระเจ้าเป็นสิ่งที่ดียิ่ง (....)  ข้าพเจ้าไม่ได้หมายถึงการสวดภาวนาแต่เพียงภายนอกเท่านั้น  แต่หมายถึงการสวดภาวนาจากหัวใจซึ่งไม่จบสิ้นในเวลาใดเวลาหนึ่ง  แต่ต่อเนื่องกันไปตลอดวันและคืน
วิญญาณของเราต้องรวดเร็วในการขึ้นไปหาพระเจ้า  ไม่ใช่เฉพาะเวลาที่เราเพ่งพิจารณาไตร่ตรอง  ซึ่งกระทำด้วยจิตใจไม่ใช่เป็นหน้าที่  เราสดับฟังพระองค์ตรัสด้วยความกระหาย  เรากระทำกิจการด้วยความรักความเมตตา  รับใช้ผู้อื่นอย่างดี  จิตวิญญาณของเราควรโหยหาพระเป็นเจ้า  และเรียกหาพระองค์ในจิตใจ  เพื่อที่การงานของเราจะได้มีรสชาติด้วยความรักของพระเป็นเจ้า  และบังเกิดความเอร็ดอร่อยเมื่อถวายงานนั้นแด่องค์พระเจ้าจอมจักรวาล
จิตวิญญาณ....เป็นเหมือนเด็กทารกกำลังร้องไห้ฟูมน้ำตาหามารดาของเขาเพราะหิวนม  ซึ่งพระเป็นเจ้าทรงจัดเตรียม  เด็กทารกได้รับสมความปรารถนาของเขา  และได้รับของขวัญมากมายจากโลกแห่งธรรมชาติ (....)  ข้าพเจ้าพูดถึงการสวดภาวนาที่ไม่ใช่คำพูด  แต่เป็นการโหยหาพระเป็นเจ้า.....ของขวัญมิใช่มาจากมนุษย์แต่มาจากพระหรรษทานของพระเป็นเจ้า  อัครสาวกเปาโลกกล่าวว่า “เราไม่รู้ว่าจะสวดาภาวนาอย่างไร  แต่พระจิตเจ้าทรงวอนขอเพื่อเรา  (....)
            จงฝึกฝนการสวดภาวนาตั้งแต่เริ่มต้น  จงทาสีบ้านของท่านด้วยสีแห่งความถ่อมตนและสุภาพเรียบง่าย  ทำให้บ้านส่องสว่างด้วยแสงแห่งความยุติธรรม  ประดับบ้านด้วยใบไม้สีทองแห่งกิจการที่ดีงาม  ตกแต่งบ้านด้วยกำแพงและศิลาแห่งความเชื่อและความรุ่งเรือง

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น