พระเมตตาของพระเยซูเจ้า

จงบอกมนุษยชาติที่กำลังเจ็บป่วย ให้เข้ามาใกล้หัวใจอันเมตตาของเรา แล้วเราจะประทานสันติภาพให้แก่มนุษยชาติ พระเมตตาของเราไม่มีวันสิ้นสุดเลย

พระวาจาวันอาทิตย์ที่ 19 มกราคม 2025 งานแต่งงานที่หมู่บ้านคานา

           สามวันต่อมามีงานสมรสที่หมู่บ้านคานาในแคว้นกาลิลี พระมารดาของพระเยซูเจ้าทรงอยู่ในงานนั้น พระเยซูเจ้าทรงได้รับเชิญพร้อมกับบรรดาศิษย์มาในงานนั้นด้วย เมื่อเหล้าองุ่นหมด พระมารดาของพระเยซูเจ้าจึงมาทูลพระองค์ว่า “เขาไม่มีเหล้าองุ่นแล้ว” พระเยซูเจ้าตรัสว่า “หญิงเอ๋ย ท่านต้องการสิ่งใด เวลาของเรายังมาไม่ถึง” พระมารดาของพระเยซูเจ้าจึงกล่าวแก่บรรดาคนรับใช้ว่า “เขาบอกให้ท่านทำอะไร ก็จงทำเถิด” ที่นั่นมีโอ่งหินตั้งอยู่หกใบ เพื่อใช้ชำระตามธรรมเนียมของชาวยิว แต่ละใบจุน้ำได้ประมาณหนึ่งร้อยลิตร พระเยซูเจ้าตรัสกับบรรดาคนรับใช้ว่า “จงตักน้ำใส่โอ่งให้เต็ม” เขาก็ตักน้ำใส่จนเต็มถึงขอบ แล้วพระองค์ทรงสั่งเขาอีกว่า “จงตักไปให้ผู้จัดงานเลี้ยงเถิด” เขาก็ตักไปให้ ผู้จัดงานเลี้ยงได้ชิมน้ำที่เปลี่ยนเป็นเหล้าองุ่นแล้ว ไม่รู้ว่าเหล้านี้มาจากไหน แต่คนรับใช้ที่ตักน้ำรู้ดี ผู้จัดงานเลี้ยงจึงเรียกเจ้าบ่าวมา พูดว่า “ใคร ๆ เขานำเหล้าองุ่นอย่างดีมาให้ก่อน เมื่อบรรดาแขกดื่มมากแล้ว จึงนำเหล้าองุ่นอย่างรองมาให้ แต่ท่านเก็บเหล้าอย่างดีไว้จนถึงบัดนี้” พระเยซูเจ้าทรงกระทำเครื่องหมายอัศจรรย์ ครั้งแรกนี้ที่หมู่บ้านคานา แคว้นกาลิลี พระองค์ทรงแสดงพระสิริรุ่งโรจน์ของพระองค์ และบรรดาศิษย์เชื่อในพระองค์
(ยอห์น 2:1-11)








วันพฤหัสบดีที่ 21 กันยายน พ.ศ. 2560

ชายที่ช่วยโลกให้รอดจากสงครามนิวเคลียร์

อดีตพันโทแห่งกองทัพโซเวียต ผู้ที่ช่วยไม่ให้เกิดสงครามนิวเคลียร์ระหว่างสหรัฐฯ และกองทัพแดงในช่วงสงครามเย็น เสียชีวิตแล้วอย่างเงียบๆ ที่บ้านของตัวเองในมอสโก
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า สตานิสลาฟ เปตรอฟ อดีตพันโทแห่งกองทัพสหภาพโซเวียต ผู้สร้างวีรกรรมที่ชาวโลกส่วนใหญ่ไม่เคยรู้ ซึ่งช่วยให้โลกไม่ต้องเผชิญสงครามนิวเคลียร์
วีรกรรมของเปตรอฟเกิดขึ้นในวันที่ 26 กันยายน ปี 2526 แต่เรื่องราวได้รับการเปิดเผยออกมาในอีกหลายปีให้หลัง โดยขณะนั้น พันโท เปตรอฟ อายุ 44 ปี ทำงานอยู่ทีศูนย์เตือนภัยนิวเคลียร์ของโซเวียต แต่ในวันเกิดเหตุ เรดาร์ตรวจพบสัญญาณขีปนาวุธจำนวนมากกำลังเดินทางจากสหรัฐฯ มุ่งสู่รัสเซีย ซึ่งเป็นสถานการณ์ที่อาจเป็นชนวนให้เกิดสงครามนิวเคลียร์ระหว่างมหาอำนาจทั้ง 2 ประเทศขึ้นได้
อย่างไรก็ตาม นายเปตรอฟเชื่อมั่นในสัญชาตญาณของตัวเองว่า สัญญาณดังกล่าวเป็นการเตือนที่ผิดพลาด และฝ่าฝืนคำสั่งไม่แจ้งเบื้องบนถึงเรื่องที่เกิดขึ้นในทันที ซึ่งในท้ายที่สุดก็เป็นการเตือนที่ผิดพลาดจริง โดยผลการสอบสวนในภายหลังชี้ว่า เป็นความผิดพลาดของดาวเทียมโซเวียต ที่ระบุว่า แสงอาทิตย์ที่สะท้อนกับเมฆเป็นเครื่องยนต์ของขีปนาวุธข้ามทวีป
ผมมีข้อมูลทุกอย่างที่ชี้ว่ามีการโจมตีโดยขีปนาวุธเกิดขึ้น ถ้าผมรายงานไปตามสายบังคับบัญชาของผม คงไม่มีใครพูดโต้แย้งเรื่องนี้แน่ สิ่งที่ผมต้องทำก็คือเอืเอื้อมไปหยิบโทรศัพท์ ต่ดสายตรงถึงผู้บังคับบัญชาของเรา แต่ผมขยับไม่ได้ ผมรู้สึกเหมือนนั่งอยู่บนกระทะร้อนๆนายเปตรอฟให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวบีบีซี ภาษารัสเซีย ในปี 2556 และสุดท้ายเขาก็โทรศัพท์ไปหาเจ้าหน้าที่ที่สำนักงานใหญ่กองทัพเพื่อแจ้งว่าระบบขัดข้อง
นายเปตรอฟระบุด้วยว่า หากตัวเขาทำผิดไป ระเบิดนิวเคลียร์ลูกแรกจะเกิดขึ้นภายในไม่กี่นาทีต่อมา แต่ทว่า หลังจากผ่านไปแล้ว 23 นาที ก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น ทำให้เขาโล่งใจมาก
ทั้งนี้ นายเปตรอฟเสียชีวิตไปตั้งแต่วันที่ 19 พฤษภาคม แต่ข่าวการตายของเขาเพิ่งได้รับการเปิดเผยออกมาในเดือนนี้ หลังจาก คาร์ล ชูมัคเกอร์ ผู้อำนวยการสร้างภาพยนตร์ชาวเยอรมัน และคนแรกที่เผยแพร่วีรกรรมของนายเปตรอฟให้โลกได้รับรู้โทรศัพท์ไปหานายเปตรอฟเพื่อแสดงความยินดีในวันคล้ายวันเกิดเมื่อ 7 กันยายน แต่ ดีมิทรี ลูกชายของเปตรอฟระบุว่า บิดาของเขาเสียชีวิตไปแล้ว จากนั้นชูมัคเกอร์จึงนำข่าวนี้เผยแพร่ลงบนโลกออนไลน์


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น