เมื่อประมาณ 400 ปีก่อนมีผู้หญิงคนหนึ่งที่ใช้ชีวิตในบาปหนักมานาน
เธอรู้สึกสำนึกผิดและต้องการกลับคืนดีกับพระเป็นเจ้า ดังนั้นเธอจึงไปพบกับพระสังฆราชผู้มีชื่อเสียงในเวลานั้นคือ
น.ฟรังซิส เดอ ซาลส์ และขอสารภาพบาปของเธอกับท่าน
หลังจาก น. ฟรังซิส เดอ ซาลส์ อภัยบาปให้เธอแล้ว
เธอถามท่านนักบุญอย่างตะขิดตะขวงเพราะรู้สึกอับอายในตนเอง เธอพูดว่า “คุณพ่อคะ หลังจากที่ได้ฟังสิ่งที่เลวร้ายที่ดิฉันทำไปแล้ว เวลานี้คุณพ่อคิดว่าลูกเป็นอย่างไรคะ?”
พระสังฆราชได้ให้คำยืนยันแก่เธอด้วยเสียงอ่อนโยนว่า “ลูกเอ๋ย พ่อเห็นลูกเป็นเหมือนนักบุญ ชีวิตในอดีตของลูกมันผ่านไปและไม่มีอีกต่อไปแล้ว เพราะลูกถูกยกขึ้นจากสถานะบาปสู่สถานะแห่งพระหรรษทานแล้ว”
ศีลอภัยบาปทำให้เรากลับคืนมาสู่สถานะพระหรรษทาน ทำให้เรารู้สึกถึงความชื่นชมยินดีของพระเป็นเจ้า บาปทำให้วิญญาณของเราหม่นหมองเศร้าใจ ทำให้ไม่รับรู้ในความยินดีของพระเป็นเจ้า ถ้าไม่ไปรับศีลอภัยบาป เราจะยังคงอยู่ในสภาพเช่นนั้น และนานไปจะกลายเป็นความชินชา จนไม่รู้สึกว่าบาปเป็นสิ่งที่ผิดอีกต่อไป
ดังนั้นเราควรไปสารภาพบาปเพื่อรับการอภัยบาปเสีย แม้ว่าจะเป็นเพียงบาปเบาก็ตาม
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น