ทางตอนเหนือของอิตาลี,มีร้านพิชซ่าอิตาเลียนแห่งแรกที่ดำเนินกิจการโดยคนที่เป็นออทิสติก ร้านนั้นมีชื่อว่า PizzAut ซึ่งเพิ่งเริ่มต้นกิจการ โครงการนี้มีความสำคัญมากสำหรับเยาวชนที่เป็นออทิสติกและครอบครัวของพวกเขา
หนังสือพิมพ์อิตาลี La Repubblica รายงานข่าวว่า แผนการเปิดร้านของเขาต้องชะลอตัวเนื่องจากการเกิดโรคระบาด(ร้านของพวกเขายังตกแต่งไม่เสร็จเรียบร้อยดี) แต่พวกเขามีรถบรรทุกที่พร้อมจะออกวิ่งส่งปิซซ่าแล้ว
ที่สำคัญที่สุดก็คือ พวกเขาชนะใจบรรดาแฟนกลุ่มแรกซึ่งพร้อมจะสนับสนุนพวกเขา วันที่ 12 ธันวาคม,ลูกค้าคนหนึ่งได้ซื้อพิซซ่า“ GourmAut” สองชิ้นและจ่ายเงินให้ 10,000 ดอลลาร์!
ลูกค้าใจดีผู้นี้คือผู้บริหารของ บริษัท Eaton ในสหรัฐอเมริกาซึ่งมีสำนักงานในเมือง Pessano ของอิตาลี, และอยู่ไม่ไกลจากจุดที่จะมีการสร้างร้านพิชซ่า PizzAut แห่งแรก ชื่อแรกของเขาคือ Mauro ตามที่เรารู้จาก Nico Acampora ประธานและผู้ก่อตั้ง PizzAut ซึ่งกล่าวขอบคุณเขาต่อสาธารณะด้วยการโพสต์บน Facebook
ท่าทีเช่นนี้ไม่ใช่แค่การให้เงินเพื่อการกุศล แต่เป็นการแสดงให้เห็นว่าผู้บริจาคเชื่อมั่นในตัวของบุคคลและความสามารถของพวกเขาในการทำสิ่งที่ดี
ผมอ่านหน้าแรกในเว็บไซต์ของ บริษัท ของพวกเขา คำขวัญของพวกเขาคือ: “We make possible what really matters.” ท่าทีนี้ดูสอดคล้องกับคำขวัญนั้นอย่างแน่นอน
ผมคิดว่าสำหรับผู้บริหารของบริษัทต่างๆควรจะเพ่งความสนใจของเขาออกไปจากตัวเลขในบัญชีของบริษัทบ้างและหันมามองดูผู้คนที่มีความเดือดร้อน มีความสุขในการช่วยเหลือผู้อื่นและให้การสนับสนุนสักเล็กน้อยกับสิ่งที่สมควรทำ,สนับสนุนความพยายามที่สร้างสรรค์และกล้าหาญ ดังเช่น PizzAut ซึ่งมอบศักดิ์ศรีและความเป็นอยู่ที่ดีให้กับผู้ที่เสียเปรียบในสังคมได้
Pages
พระเมตตาของพระเยซูเจ้า
จงบอกมนุษยชาติที่กำลังเจ็บป่วย ให้เข้ามาใกล้หัวใจอันเมตตาของเรา แล้วเราจะประทานสันติภาพให้แก่มนุษยชาติ พระเมตตาของเราไม่มีวันสิ้นสุดเลย
พระวาจาวันอาทิตย์ที่ 13 กรกฏาคม 2025 อุปมาเรื่องชาวสะมาเรียผู้ใจดี
& ขณะนั้น นักกฎหมายคนหนึ่งยืนขึ้นทูลถามเพื่อจะจับผิดพระองค์ว่า “พระอาจารย์ ข้าพเจ้าจะต้องทำสิ่งใดเพื่อจะได้ชีวิตนิรันดร” พระองค์ตรัสถามเขาว่า “ในธรรมบัญญัติมีเขียนไว้อย่างไร ท่านอ่านว่าอย่างไร” เขาทูลตอบว่า “ท่านจะต้องรักองค์พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของท่านสุดจิตใจ สุดวิญญาณ สุดกำลัง และสุดสติปัญญาของท่าน ท่านจะต้องรักเพื่อนมนุษย์เหมือนรักตนเอง” พระองค์ตรัสกับเขาว่า “ท่านตอบถูกแล้ว จงทำเช่นนี้ แล้วจะได้ชีวิต”
& ชายคนนั้นต้องการแสดงว่าตนถูกต้องจึงทูลถามพระเยซูเจ้าว่า “แล้วใครเล่าเป็นเพื่อนมนุษย์ของข้าพเจ้า” พระเยซูเจ้าจึงตรัสต่อไปว่า “ชายคนหนึ่งกำลังเดินทางจากกรุงเยรูซาเล็มไปยังเมืองเยรีโค เขาถูกโจรปล้น พวกโจรปล้นทุกสิ่ง ทุบตีเขา แล้วก็จากไป ทิ้งเขาไว้อาการสาหัสเกือบสิ้นชีวิต สมณะผู้หนึ่งเดินผ่านมาทางนั้นโดยบังเอิญ เห็นเขาและเดินผ่านเลยไปอีกฟากหนึ่ง ชาวเลวีคนหนึ่งผ่านมาทางนั้น เห็นเขาและเดินผ่านเลยไปอีกฟากหนึ่งเช่นเดียวกัน แต่ชาวสะมาเรียผู้หนึ่งเดินทางผ่านมาใกล้ ๆ เห็นเขาก็รู้สึกสงสาร จึงเดินเข้าไปหา เทน้ำมันและเหล้าองุ่นลงบนบาดแผลแล้วพันผ้าให้ นำเขาขึ้นหลังสัตว์ของตนพาไปถึงโรงแรมแห่งหนึ่งและช่วยดูแลเขา วันรุ่งขึ้นชาวสะมาเรียผู้นั้นนำเงินสองเหรียญออกมามอบให้เจ้าของโรงแรมไว้กล่าวว่า “ช่วยดูแลเขาด้วย เงินที่ท่านจะจ่ายเกินไปนั้น ฉันจะคืนให้เมื่อกลับมา” ท่านคิดว่าในสามคนนี้ใครเป็นเพื่อนมนุษย์ของคนที่ถูกโจรปล้น” เขาทูลตอบว่า “คนที่แสดงความเมตตาต่อเขา” พระเยซูเจ้าจึงตรัสกับเขาว่า “ท่านจงไปและทำเช่นเดียวกันเถิด”
(ลูกา 10:25-37)
พระวาจาวันอาทิตย์ที่ 13 กรกฏาคม 2025 อุปมาเรื่องชาวสะมาเรียผู้ใจดี
& ขณะนั้น นักกฎหมายคนหนึ่งยืนขึ้นทูลถามเพื่อจะจับผิดพระองค์ว่า “พระอาจารย์ ข้าพเจ้าจะต้องทำสิ่งใดเพื่อจะได้ชีวิตนิรันดร” พระองค์ตรัสถามเขาว่า “ในธรรมบัญญัติมีเขียนไว้อย่างไร ท่านอ่านว่าอย่างไร” เขาทูลตอบว่า “ท่านจะต้องรักองค์พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของท่านสุดจิตใจ สุดวิญญาณ สุดกำลัง และสุดสติปัญญาของท่าน ท่านจะต้องรักเพื่อนมนุษย์เหมือนรักตนเอง” พระองค์ตรัสกับเขาว่า “ท่านตอบถูกแล้ว จงทำเช่นนี้ แล้วจะได้ชีวิต”
& ชายคนนั้นต้องการแสดงว่าตนถูกต้องจึงทูลถามพระเยซูเจ้าว่า “แล้วใครเล่าเป็นเพื่อนมนุษย์ของข้าพเจ้า” พระเยซูเจ้าจึงตรัสต่อไปว่า “ชายคนหนึ่งกำลังเดินทางจากกรุงเยรูซาเล็มไปยังเมืองเยรีโค เขาถูกโจรปล้น พวกโจรปล้นทุกสิ่ง ทุบตีเขา แล้วก็จากไป ทิ้งเขาไว้อาการสาหัสเกือบสิ้นชีวิต สมณะผู้หนึ่งเดินผ่านมาทางนั้นโดยบังเอิญ เห็นเขาและเดินผ่านเลยไปอีกฟากหนึ่ง ชาวเลวีคนหนึ่งผ่านมาทางนั้น เห็นเขาและเดินผ่านเลยไปอีกฟากหนึ่งเช่นเดียวกัน แต่ชาวสะมาเรียผู้หนึ่งเดินทางผ่านมาใกล้ ๆ เห็นเขาก็รู้สึกสงสาร จึงเดินเข้าไปหา เทน้ำมันและเหล้าองุ่นลงบนบาดแผลแล้วพันผ้าให้ นำเขาขึ้นหลังสัตว์ของตนพาไปถึงโรงแรมแห่งหนึ่งและช่วยดูแลเขา วันรุ่งขึ้นชาวสะมาเรียผู้นั้นนำเงินสองเหรียญออกมามอบให้เจ้าของโรงแรมไว้กล่าวว่า “ช่วยดูแลเขาด้วย เงินที่ท่านจะจ่ายเกินไปนั้น ฉันจะคืนให้เมื่อกลับมา” ท่านคิดว่าในสามคนนี้ใครเป็นเพื่อนมนุษย์ของคนที่ถูกโจรปล้น” เขาทูลตอบว่า “คนที่แสดงความเมตตาต่อเขา” พระเยซูเจ้าจึงตรัสกับเขาว่า “ท่านจงไปและทำเช่นเดียวกันเถิด”
(ลูกา 10:25-37)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น