พระเมตตาของพระเยซูเจ้า

จงบอกมนุษยชาติที่กำลังเจ็บป่วย ให้เข้ามาใกล้หัวใจอันเมตตาของเรา แล้วเราจะประทานสันติภาพให้แก่มนุษยชาติ พระเมตตาของเราไม่มีวันสิ้นสุดเลย

พระวาจาวันอาทิตย์ที่ 24 พฤศจิกายน 2024 สมโภชพระเยซูจะกษัตริย์แห่งสากลจักรวาล

           ปีลาตกลับเข้าไปในจวน และเรียกพระเยซูเจ้ามาถามว่า “ท่านเป็นกษัตริย์ของชาวยิวหรือ” พระเยซูเจ้าตรัสตอบว่า “ท่านถามดังนี้ด้วยตนเอง หรือผู้อื่นบอกท่านถึงเรื่องของเรา” ปีลาตตอบว่า “ข้าพเจ้าเป็นชาวยิวหรือ ชนชาติของท่าน และบรรดาหัวหน้าสมณะมอบท่านให้ข้าพเจ้า ท่านทำผิดสิ่งใด” พระเยซูเจ้าตรัสตอบว่า “อาณาจักรของเรามิได้มาจากโลกนี้ ถ้าอาณาจักรของเรามาจากโลกนี้ ผู้รับใช้ของเราก็คงจะต่อสู้เพื่อมิให้เราถูกมอบให้ชาวยิว แต่อาณาจักรของเราไม่ได้เป็นของโลกนี้” ปีลาตจึงถามพระองค์ว่า “ถ้าเช่นนั้น ท่านเป็นกษัตริย์ใช่ไหม” พระเยซูเจ้าตรัสตอบว่า “ท่านพูดว่าเราเป็นกษัตริย์นั้นถูกต้องแล้ว เราเกิดมาเพื่อเป็นกษัตริย์ เรามาในโลกนี้เพื่อเป็นพยานถึงความจริง ผู้ใดอยู่ฝ่ายความจริงก็ฟังเรา”
(ยอห์น 18:33ข-37)








วันพุธที่ 19 พฤษภาคม พ.ศ. 2564

สายจำพวกสีน้ำตาลของแม่พระ

“ดังเช่นที่บางคนมักจะภูมิใจในเสื้อผ้าที่ตนสวมใส่อยู่ พระแม่มารีย์ก็ทรงพอพระทัยที่ผู้รับใช้ของพระนางสวมใส่สายจำพวกของพระนางเพื่อเป็นเครื่องหมายว่าพวกเขาอุทิศตนเป็นข้ารับใช้ของพระนาง และเป็นสมาชิกแห่งครอบครัวศักดิ์สิทธิ์ของพระมารดาของพระเจ้า” – นักบุญอัลฟองโซ
นักบุญผู้ยิ่งใหญ่สองท่านคือ นักบุญอัลฟองโซ ผู้ตั้งคณะพระมหาไถ่ และนักบุญยอห์น บอสโก ผู้ตั้งคณะซาเลเซียน มีความศรัทธาต่อแม่พระแห่งภูเขาคาร์แมลเป็นพิเศษ ท่านทั้งสองสวมสายจำพวกสีน้ำตาลของแม่พระตลอดเวลา ในเวลาที่ท่านทั้งสองเสียชีวิต,ร่างของท่านถูกสวมใส่ด้วยชุดพระสงฆ์และมีสายจำพวกสวมใส่อยู่ด้วย
หลายปีต่อมา,เมื่อขุดหลุมฝังศพของนักบุญทั้งสองท่านและโลงศพถูกเปิดออก ร่างกายและเสื้อผ้าที่สวมใส่อยู่ของท่านได้เน่าเปื่อยไป แต่สายจำพวกสีน้ำตาลที่แต่ละท่านสวมอยู่นั้นยังคงสภาพเดิมไม่เน่าเปื่อยแต่อย่างใด สายจำพวกของนักบุญอัลฟองโซ,เวลานี้ถูกตั้งแสดงไว้ในอารามใหญ่ของคณะมหาไถ่ที่กรุงโรม
  สายจำพวกสีน้ำตาลของนักบุญอัลฟองโซ ลิกัวรีเป็นสายจำพวกที่เก่าแก่ที่สุดในโลกที่ยังคงอยู่จนทุกวันนี้
 
ตามที่แสดงในรูปภาพข้างบน รูปด้านซ้ายเป็นสายจำพวกของนักบุญอัลฟองโซ ส่วนสองรูปทางขวาเป็นของนักบุญยอห์น บอสโก
 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น