พระเมตตาของพระเยซูเจ้า

จงบอกมนุษยชาติที่กำลังเจ็บป่วย ให้เข้ามาใกล้หัวใจอันเมตตาของเรา แล้วเราจะประทานสันติภาพให้แก่มนุษยชาติ พระเมตตาของเราไม่มีวันสิ้นสุดเลย

พระวาจาวันอาทิตย์ที่ 9 มีนาคม 2025 ปีศาจมาประจญพระเยซูเจ้า

           พระเยซูเจ้าทรงได้รับพระจิตเจ้าเต็มเปี่ยมทรงพระดำเนินจากแม่น้ำจอร์แดน พระจิตเจ้าทรงนำพระองค์ไปยังถิ่นทุรกันดาร ทรงถูกปีศาจผจญเป็นเวลาสี่สิบวัน ตลอดเวลานั้นพระองค์มิได้เสวยสิ่งใดเลย ในที่สุด ทรงหิว ปีศาจจึงทูลพระองค์ว่า “ถ้าท่านเป็นบุตรพระเจ้า จงสั่งให้หินก้อนนี้กลายเป็นขนมปังเถิด” พระเยซูเจ้าตรัสตอบว่า “มีเขียนไว้ในพระคัมภีร์ว่ามนุษย์มิได้ดำรงชีวิตด้วยอาหารเท่านั้น” ปีศาจจึงนำพระองค์ไปยังที่สูงแห่งหนึ่ง แสดงให้พระองค์ทอดพระเนตรอาณาจักรต่าง ๆ ของโลกทั้งหมดในคราวเดียว และทูลพระองค์ว่า “ข้าพเจ้าจะให้อำนาจและความรุ่งเรืองของอาณาจักรเหล่านี้ทั้งหมดแก่ท่าน เพราะสิ่งเหล่านี้เป็นของข้าพเจ้า ข้าพเจ้าจะให้ผู้ใดก็ได้ตามความปรารถนา ดังนั้น ถ้าท่านกราบนมัสการข้าพเจ้า ทุกสิ่งจะเป็นของท่าน” พระเยซูเจ้าตรัสตอบปีศาจว่า “มีเขียนไว้ในพระคัมภีร์ว่า
           ‘จงกราบนมัสการองค์พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของท่าน และรับใช้พระองค์แต่ผู้เดียวเท่านั้น’”
           ปีศาจนำพระองค์ไปยังกรุงเยรูซาเล็ม วางพระองค์ลงที่ยอดพระวิหาร แล้วทูลว่า “ถ้าท่านเป็นบุตรของพระเจ้า จงกระโจนลงไปเบื้องล่างเถิด เพราะมีเขียนไว้ในพระคัมภีร์ว่า ‘พระเจ้าจะทรงสั่งทูตสวรรค์ให้พิทักษ์รักษาท่าน’ และยังมีเขียนอีกว่า ‘ทูตสวรรค์จะคอยพยุงท่านไว้มิให้เท้ากระทบหิน’” แต่พระเยซูเจ้าตรัสตอบปีศาจว่า มีเขียนไว้ในพระคัมภีร์ว่า “อย่าทดลององค์พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของท่านเลย” เมื่อปีศาจทดลองพระองค์ทุกวิถีทางแล้ว จึงแยกจากไป
(ลูกา 4:1-13)








วันอังคารที่ 11 มีนาคม พ.ศ. 2568

กลับใจเพราะขอทาน


จิโอวานนี ปาปินี (Giovanni Papini 1881–1956) เป็นนักเขียนชาวอิตาลีมีชื่อเสียง และเขาเป็นผู้ไม่เชื่อพระเจ้า ไม่เคยมีคำโต้แย้งหรือเหตุผลใดที่น่าเชื่อถือพอสำหรับเขาเลย จนกระทั่งวันหนึ่งที่โชคชะตาเล่นตลกกับเขา

ขณะที่กำลังเดินไปกับเพื่อนที่เป็นพวกไม่เชื่อพระเจ้าเช่นกัน ปาปินีได้พบกับขอทานคนหนึ่งซึ่งตัวสั่นเพราะความหนาวเย็น และยื่นมือออกมาขอเงิน ปาปินีหยิบเหรียญออกมาด้วยรอยยิ้มและพูดทำนองเยาะเย้ยว่า "เหรียญนี้เป็นของคุณ หากคุณพูดคำดูหมิ่นพระเจ้าดีๆ สักสองสามคำ"

ขอทานผู้นั้นตกตะลึง จึงดึงมือกลับและเดินจากไปโดยกล่าวว่า "ชายผู้น่าสงสาร ขอพระเจ้าโปรดเมตตาคุณด้วย"

การถูกใครสักคนมาเรียกเขาว่า "ชายผู้น่าสงสาร" และคนนั้นเป็นเพียงขอทานซึ่งกำลังต้องการความช่วยเหลืออย่างมาก ทำให้ปาปินีรู้สึกสะเทือนใจอย่างยิ่ง ทำให้เขาต้องไตร่ตรองถึงความเชื่อของตัวเอง การหลับตาไม่รับรู้ความจริงไม่ได้ทำให้ความจริงนั้นหายไป เช่นเดียวกับการเพิกเฉยต่อรถที่วิ่งสวนทางมาไม่สามารถป้องกันการชนได้

วันนั้น เขา "ได้ปะทะกับ" พระเจ้า ไม่นานหลังจากนั้น เขาก็กลายเป็นคาทอลิกที่ศรัทธาเคร่งครัด และเปลี่ยนไปตลอดกาลเพราะภูมิปัญญาที่ไม่คาดคิดของขอทาน

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น