พระเมตตาของพระเยซูเจ้า

จงบอกมนุษยชาติที่กำลังเจ็บป่วย ให้เข้ามาใกล้หัวใจอันเมตตาของเรา แล้วเราจะประทานสันติภาพให้แก่มนุษยชาติ พระเมตตาของเราไม่มีวันสิ้นสุดเลย

พระวาจาวันอาทิตย์ที่ 22 ธันวาคม 2024 เตรียมรับเสด็จพระคริสตเจ้าสัปดาห์ที่ 4

           หลังจากนั้นไม่นาน พระนางมารีย์ทรงรีบออกเดินทางไปยังเมืองหนึ่งในแถบภูเขาแคว้นยูเดีย พระนางเสด็จเข้าไปในบ้านของเศคาริยาห์และทรงทักทายนางเอลีซาเบธ เมื่อนางเอลีซาเบธได้ยินคำทักทายของพระนางมารีย์ บุตรในครรภ์ก็ดิ้น นางเอลีซาเบธได้รับพระจิตเจ้าเต็มเปี่ยม ร้องเสียงดังว่า “เธอได้รับพระพรยิ่งกว่าหญิงใด ๆ และลูกของเธอก็ได้รับพระพรด้วย ทำไมหนอพระมารดาขององค์พระผู้เป็นเจ้า จึงเสด็จมาเยี่ยมข้าพเจ้า เมื่อฉันได้ยินคำทักทายของเธอ ลูกในครรภ์ของฉันก็ดิ้นด้วยความยินดี เธอเป็นสุขที่เชื่อว่า พระวาจาที่พระเจ้าตรัสแก่เธอไว้จะเป็นจริง”
(ลูกา 1:39-45)








วันอังคารที่ 28 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

พระธาตุนักบุญอันนา มารดาของแม่พระ


            ในปี ค.ศ. 792 จักรพรรดิชาร์ลมังได้พบพระธาตุ นักบุญอันนา  ด้วยความช่วยเหลือของเด็กพิการและหูหนวกคนหนึ่ง  นี่เป็นเรื่องที่น่าอัศจรรย์ใจสำหรับวันนี้ซึ่งเป็นวันฉลองของนักบุญอันนา

วันอาทิตย์ที่ 26 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

สาส์นแม่พระ 2-25 ก.ค. 2015

สาส์นแม่พระประทานแก่ มารีจา 25 ก.ค. 2015
ลูกที่รักทั้งหลาย
แม่ได้มาอยู่กับลูกทั้งหลายในวันนี้ด้วยความยินดีและแม่เรียกลูกทุกคน  ลูกน้อยทั้งหลาย , จงสวดภาวนา  สวดภาวนา  สวดภาวนา  เพื่อที่ลูกจะได้เข้าใจในความรักที่แม่มีต่อพวกลูกทุกคน  ความรักของแม่นั้นแข็งแรงมั่นคงยิ่งกว่าความชั่วร้าย  ลูกน้อยทั้งหลาย , เพราะฉะนั้นจงเข้ามาใกล้ชิดพระเป็นเจ้าเถิด  เพื่อที่ลูกจะได้รับรู้สึกถึงความชื่นชมยินดีในพระเป็นเจ้าของแม่  ปราศจากพระองค์แล้ว  ลูกน้อยทั้งหลาย , พวกลูกจะไม่มีอนาคต  ลูกจะไม่มีความหวังและความรอด  เพราะฉะนั้น จงละทิ้งความชั่วและเลือกความดี  แม่อยู่กับพวกลูก  และแม่ได้เข้าแทรกแซงช่วยเหลือเบื้องพระพักตร์พระเป็นเจ้าเพื่ออ้อนวอนสิ่งที่จำเป็นสำหรับพวกลูกทุกคน
ขอขอบใจลูกที่ตอบสนองเสียงเรียกของแม่
  สาส์นแม่พระประทานแก่ มีรยานา 2 ก.ต. 2015
ลูกที่รักทั้งหลาย
แม่กำลังเรียกพวกลูกให้เผยแพร่ความเชื่อในองค์พระบุตรของแม่ซึ่งเป็นความเชื่อของพวกลูก
พวกลูกได้รับความสว่างจากองค์พระจิตเจ้าแล้ว  ลูกผู้เป็นอัครสาวกของแม่, จงนำความสว่างนี้ไปให้แก่ผู้อื่นด้วย  นำไปให้แก่ผู้ซึ่งยังไม่มีความเชื่อ  ผู้ซึ่งยังไม่รู้  ผู้ซึ่งต้องการจะรู้ – แต่เพื่อทำสิ่งนี้  ลูกต้องสวดภาวนามากๆเพื่อวอนขอพระพรแห่งความรัก  เพราะความรักเป็นเครื่องหมายของความเชื่อที่แท้จริง  แล้วพวกลูกจะเป็นอัครสาวกแห่งความรักของแม่
ความรักเป็นความใหม่เสมอ  ความรักช่วยระงับความเจ็บปวดและทำให้มีความยินดีในศีลมหาสนิทเสมอ  ความรักช่วยระงับความเจ็บปวดแห่งพระมหาทรมานขององค์พระบุตรของแม่  พระมหาทรมานที่แสดงให้ลูกรู้ถึงความหมายของความรักที่มากมายจนสุดประมาณได้  ความรักทำให้มีความยินดีที่พระองค์ทรงประทานพระกายและพระโลหิตแก่ลูกเพื่อที่พระองค์เองจะทรงเลี้ยงดูลูก – และด้วยวิธีนี้ พระองค์จะทรงเป็นหนึ่งเดียวกับลูก
แม่กำลังมองดูพวกลูกด้วยความอ่อนโยน  แม่รู้สึกรักพวกลูกมากจนสุดประมาณ  ซึ่งทำให้แม่มีความปรารถนาที่แรงกล้ามากขึ้นที่จะนำพวกลูกมาสู่ความเชื่ออันมั่นคง  ความเชื่ออันมั่นคงจะทำให้ลูกมีความยินดีและมีความสุขบนโลกนี้และในวาระสุดท้ายเมื่อลูกจะได้พบกับองค์พระบุตรของแม่
นี่แหละคือความปรารถนาของพระองค์
เพราะฉะนั้น, จงอาศัยอยู่ในพระองค์  จงอาศัยอยู่ในความรัก  จงอาศัยอยู่ในแสงสว่างซึ่งจะส่องสว่างแก่ลูกเสมอในศีลมหาสนิท
แม่ขอร้องวิงวอนต่อพวกลูกให้สวดภาวนามากๆเพื่อนายชุมพาบาลของลูก  จงสวดภาวนาด้วยความรักต่อพวกท่านให้มากที่สุด  เพราะองค์พระบุตรของแม่ทรงประทานพวกท่านให้แก่ลูกเพื่อเลี้ยงดูพวกลูกด้วยพระกายและเพื่อสอนพวกลูกให้รู้จักที่จะรัก
เพราะฉะนั้น  พวกลูกด้วยเช่นกัน  ต้องรักพวกท่านด้วย
             แต่  ลูกๆทั้งหลายของแม่  จงจำไว้ว่า  ความรักหมายถึงการมีความอดทนและเป็นการให้ และไม่เคยไม่ว่าเวลาใดที่จะตัดสิน

ขอขอบใจลูก

เมื่อพระคริสต์มาเยี่ยม ตอนที่ 2


วันเสาร์ที่ 25 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

ชีวิตพอเพียง


มีรายการสัมภาษณ์หนึ่งชั่วโมงของสถานีโทรทัศน์ CNBC สัมภาษณ์วอร์เรน  บัฟเฟตต์  มหาเศรษฐีอันดับสองของโลก (รองจากบิลเกตต์) ซึ่งบริจาคเงินให้การกุศลถึง 31,000 ล้านดอลลาร์ (เป็นเงินไทยประมาณ 1,000,000,000,000  อ่านว่า 1 ล้าน ล้านบาท)
ต่อไปนี้คือแง่มุมบางส่วนที่น่าสนใจยิ่งจากชีวิตของเขา
1.             เขาเริ่มซื้อหุ้นครั้งแรกเมื่ออายุ 11 ขวบ  และปัจจุบันบอกว่ารู้สึกเสียใจที่เริ่มช้าไป
2.             เขาซื้อไร่เล็กๆเมื่ออายุ 14 ปี  โดยใช้เงินเก็บจากการส่งหนังสือพิมพ์
3.             เขายังอาศัยอยู่ในบ้านเล็กหลังเดิมขนาด 3 ห้องนอนกลางเมืองโอมาฮา  ที่ซื้อไว้หลังแต่งงานเมื่อ 50 ปีก่อน  เขาบอกว่ามีทุกสิ่งที่ต้องการในบ้านหลังนี้  บ้านเขาไม่มีรั้วหรือกำแพงล้อม
4.             เขาขับรถไปไหนมาไหนด้วยตนเอง  ไม่มีคนขับรถหรือคนคุ้มกัน
5.             เขาไม่เคยเดินทางด้วยเครื่องบินส่วนตัว  แม้จะเป็นเจ้าของบริษัทขายเครื่องบินส่วนตัวที่ใหญ่ที่สุดในโลก
6.             บริษัท  เบิร์กไช แฮทะเวย์  ของเขา  มีบริษัทในเครือ  63 บริษัท  เขาเขียนจดหมายถึง  ซีอีโอ  ของบริษัทเหล่านี้เพียงปีละฉบับเดียว  เพื่อกำหนดเป้าหมายประจำปี  เขาไม่เคยนัดประชุมหรือโทรคุยกับซีอีโอเหล่านี้เป็นประจำ
7.             เขาให้กฎแก่  ซีอีโอ  เพียงสองข้อ  กฎข้อ 1  อย่าทำให้เงินของผู้ถือหุ้นเสียหาย  กฎข้อ  2  อย่าลืมกฎข้อ 1
8.             เขาไม่สมาคมกับพวกไฮโซ  การพักผ่อนเมื่อกลับบ้าน  คือ  ทำข้าวโพดคั่วกินและดูโทรทัศน์
9.             บิลเกตส์  คนที่รวยที่สุดในโลก  เพิ่งพบเขาเป็นครั้งแรกเมื่อห้าปีก่อน  บิล  เกตส์คิดว่าตนเองไม่มีอะไรเหมือนวอร์เรน  บัฟเฟตต์  เลย  จึงให้เวลานัดไว้เพียง ครึ่งชั่วโมง  แต่เมื่อบิล  เกตส์ได้พบบัฟเฟตต์จริงๆ  ปรากฏว่าคุยกันนานถึงสี่ชั่วโมงและบิล  เกตส์  เป็นผู้มีความศรัทธาในตัว วอร์เรน  บัฟเฟตต์
10.      วอร์เรน  บัฟเฟตต์  ไม่ใช้โทรศัพท์มือถือ  และไม่มีคอมพิวเตอร์บนโต๊ะทำงาน
11.      เขาแนะนำเยาวชนคนหนุ่มสาวว่า   จงหลีกห่างจากบัตรเครดิต  และลงทุนในตัวคุณเอง  ที่สุดของชีวิตคือ ปัจจัย 4 อย่างเพียงพอนั่นเอง
       มหาเศรษฐีหรือยาจก  กินข้าวแล้วก็อิ่ม  1 มื้อเท่ากัน
       มหาเศรษฐีหรือยาจก  มีเสื้อผ้ากี่ชุด  ก็ใส่ได้ทีละชุด  เท่ากัน
       มหาเศรษฐีหรือยาจก  มีบ้านหลังใหญ่แค่ไหน  พื้นที่ที่ใช้จริงๆก็เหมือนกันคือ ห้องนอน  ห้องน้ำ  ห้องครัว  เหมือนกัน
       มหาเศรษฐีหรือยาจก  จะมียารักษาโรคดีแค่ไหน  ยื้อชีวิตไปได้นานเพียงไร  สุดท้ายก็ต้องตายเหมือนกัน

วันศุกร์ที่ 24 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

เพลง อาเว มารีอา



เพลง อาเว มารีอา 
นาฏลีลา  สเก็ตน้ำแข็ง โดย  คิม  ยูนา  ชาวเกาหลีใต้
Ave Maria
Composer: Michael Lorenc
2004
Sopran: Olga Szyrowa

วันพฤหัสบดีที่ 23 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

สถานที่เงียบสงบในโรม


ความสงบแบบเอเชียถูกนำมาตั้งไว้ในกรุงโรม  มันเป็นสถานที่เล็กๆที่มีต้นไม้  น้ำ  ดอกไม้และบรรยากาศที่เงียบสงบ
สถานที่นี้ดูเหมือนอยู่ในญี่ปุ่น  แต่สวนแห่งนี้ตั้งอยู่ในใจกลางกรุงโรมที่ สถาบันวัฒนธรรมญี่ปุ่น (Institute of Japanese Culture) ถูกออกแบบเมื่อ 50 ปีก่อนโดย นาย Ken Nakajima นักออกแบบสวนชาวญี่ปุ่น  เขาสร้างสวนญี่ปุ่นแห่งแรกในอิตาลี
ภายในสวนมีสิ่งต่างๆที่เป็นลักษณะวัฒนธรรมญี่ปุ่น  เช่น  ถนน  บ่อน้ำ  น้ำตก  ก้อนหิน  สะพาน และตะเกียงหิน
นางสาวอายา วานาตาเบ  แห่งสถาบันวัฒนธรรมญี่ปุ่น
“สวนสร้างขึ้นเพื่อความเพลิดเพลินสำหรับเดินเล่น  เราจะเห็นดอกไม้และรู้สึกผ่อนคลายอยู่ในความสงบ  ทำให้จิตใจสงบขึ้น”
สวนนี้ไม่ใหญ่โตมากนักและใช้เวลาเพียงไม่กี่นาทีก็เดินได้ครบ  แต่ก็อาจทำให้คนที่มาดื่มด่ำในสถานที่นี้ถ้าหากเขาจะละทิ้งจิตใจแบบตะวันตกไว้ที่หน้าประตูทางเข้า  แล้วค่อยๆซึมซับบรรยากาศรอบๆ
 “นอกจากทิวทัศน์แล้ว  ผู้ที่เข้ามาจะประหลาดใจในสิ่งที่พวกเขามองไม่เห็น  เช่นในแง่ของปรัชญาและความคิด  ในระหว่างเข้ามาเยี่ยม  เราจะอธิบายให้พวกเขาฟังเกี่ยวกับทัศนคติของชาวญี่ปุ่นเพื่อจะได้มีความสุขในประสพการณ์นี้มากขึ้นด้วย”
ทัศนคตินั้นได้แก่  การรู้สึกถึงความเป็นมนุษย์  ซึ่งเห็นได้ในดอกเชอร์รี่ที่เบ่งบาน  หรือเรื่องของตะเกียงหินแบบญี่ปุ่นที่ให้แสงนุ่มนวลที่แตกต่างจากแบบอื่น  ความคิดเหล่านี้แสดงให้เห็นว่าความเป็นมนุษย์นั้นเป็นวิถีที่จิตวิญญาณได้เดินทางผ่านเข้าม
สถาบันวัฒนธรรมญี่ปุ่นยังได้จัดนิทรรศการเกี่ยวกับงานฝีมือของชาวญี่ปุ่นด้วย  เช่น ของเล่นชิ้นเล็กๆที่ตกแต่งโดยจิตรกรเป็นคนในประเทศต่างๆทั่วโลก  ซึ่งทำขึ้นเป็นที่ระลึกถึงการเกิดสีนามิที่ทำลายเมืองฟูกูชิมะเมื่อสี่ปีที่แล้ว

วันพุธที่ 22 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

สถานการณ์ในอิรัก



เวลาผ่านไป 1 ปีแล้วตั้งแต่ที่กลุ่มอิสลามสเตท  ISIS เข้ามาในอิรัก (10 มิ.ย. 2014) และยึดเมืองโมซุล ซึ่งเป็นเมืองใหญ่อันดับสองของประเทศ
ชาวบ้านถูกผู้ก่อการร้ายบังคับให้ต้องยอมรับเงื่อนไขสามประการคือ   1. เปลี่ยนศาสนาเป็นอิสลาม  2 จ่ายค่าปรับ 250 ดอลลาร์ในการเป็นคริสตชน หรือ 3. ยอมรับความตาย  ชาวบ้านนับพันคนตัดสินใจอพยพหนีออกจากถิ่นฐานบ้านช่องของเขา  เพื่อไม่ต้องทำตามเงื่อนไข
หลายคนอพยพไปอยู่ที่ เคอร์ดิสถาน ซึ่งเป็นเขตปกครองตนเองของอิรัก  ชาวบ้านที่นั่นมีชีวิตที่สงบสุข  พระสังฆราช บาร์ชา วาร์ดา ซึ่งมาจาก Erbil ที่เป็นเมืองหลวงของเคอร์ดิสถาน  กล่าวว่ามีคริสตชนมาที่นี่ทุกวันเพื่อหาที่ลี้ภัย  ท่านเห็นน้ำตาของพวกเขาและฟังเรื่องราวความรุนแรงที่พวกเขาได้รับ
พระสังฆราช บาร์ชา แห่ง เออร์บิล (เคอร์ดิสถาน)
“ผมรู้สึกเหนื่อย  ผมได้เห็นคนจำนวนมากที่อยู่ในความยากลำบาก และความต้องการก็มีมากขึ้นทุกวัน  มีคนมาเคาะประตูโบสถ์ในสังฆมณฑลของผมเพื่อขอความช่วยเหลือและที่พักพิง  ขอการรักษาพยาบาล  การศึกษา..และความจำเป็นอื่นๆ
ถึงแม้จะผ่านไปหนึ่งปีแล้ว  แต่สถานการณ์ก็ยังไม่จบสิ้น  พระสังฆราชกล่าวว่าผู้นำชาวมุสลิมจำเป็นต้องออกมาประณามการโจมตีและการกระทำของ Islamic State
“ถ้าผู้นำมุสลิมไม่ออกมาประณาม  เหยื่อผู้เคราะห์ร้ายก็ยังคงมีอยู่เรื่อย  และชาวมุสลิมเองก็ไม่รู้ว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นต่อไป  สิ่งที่เกิดขึ้นไม่ใช่เป็นการลดทอนชื่อเสียงของอิสลาม  แต่มันเป็นการที่พวกเขาทำลายชีวิตของผู้บริสุทธิ์จำนวนมาก”
กลุ่ม Islamic State เข้าควบคุมพื้นที่ 40 เปอร์เซ็นต์ของอิรัก และ ครึ่งหนึ่งของประเทศซีเรีย  พระสังฆราชกล่าวว่า กลุ่มผู้ก่อการร้ายนี้เป็นเหมือนมะเร็งร้ายที่จำเป็นต้องหยุดมันให้ได้
“ผมเชื่อว่ากลุ่มนี้เป็นเหมือนมะเร็งร้าย  สิ่งที่แรกที่คุณต้องทำเพื่อต่อสู้กับมะเร็งก็คือการหยุดมันให้ได้  เพราะไม่มีหนทางอื่นอีกแล้ว  ไม่มีทางที่จะไปต่อรองกับพวกเขาหรือมีวิธีแก้ปัญหาแบบอื่น”
ด้วยการใช้ปฏิบัติการทางทหาร พระสังฆราชเชื่อว่าจะช่วยเยียวยาปัญหาของอิรักทั้งชนส่วนใหญ่และชนส่วนน้อยของประเทศ  ท่านคิดว่า นานาชาติจำเป็นต้องตอบสนองด้วยวิถีทางการเมืองและการช่วยเหลือทางมนุษยธรรม
ท่านกล่าวว่า ผู้ลี้ภัยและชนส่วนน้อยต่างศาสนาไม่ต้องการละทิ้งอิรัก  พวกเขาต้องการกลับบ้าน  แต่มันเป็นเรื่องยากมากยิ่งขึ้นเมื่อเวลาผ่านไป...