By :
เหตุผลที่พระเยซูเจ้าเสด็จเข้ากรุงเยรูซาเล็มโดยขี่ลามี 4 ข้อคือ
1.
ประกาศก เศคารียาห์เขียนไว้ว่า “จงมองดูเถิด
กษัตริย์ของเจ้าเสด็จมาหาเจ้าแล้ว
พระองค์เสด็จมาอย่างผู้มีชัยชนะ
ทรงสุภาพอ่อนโยน ทรงประทับบนหลังแม่ลาและลูกลา"
(ศคย. 9:9) ประชาชนเห็นเหตุการณ์ตามคำทำนายนี้จึงมาต้อนรับกษัตริย์ของพวกเขาพลางร้องตะโกน”โฮซานนาแดผู้เสด็จมาในพระนามของพระเป็นเจ้า”
(มธ.21:9)
2.
ลามีความเชื่อมโยงกับเรื่องของอับราฮัมถวายอิซาอักเป็นยัญบูชาแด่พระเป็นเจ้า อับราฮัมให้อิซาอักขี่ลาไปยังภูเขาที่จะทำพิธี การถวายบุตรหัวปีแดพระเจ้าเป็นเครื่องหมายของความนบนอบเชื่อฟัง
3.
กษํตริย์โซโลมอนขี่ลาในวันที่ขึ้นครองราชย์สมบัติ
ลานั้นเป็นลาที่เคยเป็นของกษัตริย์ดาวิดผู้บิดามาก่อน (1 พกษ. 1:33-44)
4.
กษัตริย์เยฮูได้ขี่ลาเข้าไปในดินแดนซามาเรีย
(ซึ่งชาวซามาเรียถือว่าเป็นเยรูซาเล็มของเขา)
เพื่อทำลายวิหารของพระบาอัล (2 พกษ. 9:11-10:28) พระเยซูเจ้าก็ทรงเข้าไปในกรุงเยรูซาเล็มและทำลายโต๊ะแลกเงินของพ่อค้าที่มาทำให้พระวิหารของพระเป็นเจ้ากลายเป็นซ่องโจร
พระเยซูเจ้าทรงขี่ลาตัวเดียวหรือขี่ลาสองตัว
เป็นเวลาหลายปีที่ผมสับสนในพระวรสารวันอาทิตย์ใบลาน ซึ่งเขียนโดย น.มัทธิว ท่านบอกว่า
พระเยซูเจ้าขี่ลาและลูกลา แต่พระวรสารของ
น.มาร์โก , น. ลูกา และ น.ยอห์น เขียนแต่เพียงว่า พระเยซูเจ้าทรงขี่ลา
และไม่ได้กล่าวถึงลูกลาเลย ผมเคยคิดว่า
พระเยซูเจ้าอาจขี่แม่ลาและลูกลาไปพร้อมกัน
ฟังดูแล้วพิลึกเหมือนกัน
แต่ผมก็นึกไม่ออกว่า น.มัทธิว จะหมายความอย่างไรจึงเขียนไว้แบบนั้น
ในที่สุดผมก็หายข้องใจเมื่อได้อ่านข้อความในหนังสืออธิบาย
Cornelius a Lapide’s commentary ตามคำอธิบายของ Lapide ในตอนแรก
พระเยซูเจ้าทรงขี่แม่ลาก่อนเมื่ออยู่ห่างกรุงเยรูซาเล็มเพราะ
มีเนินเขาและภูเขา
จึงเดินทางขึ้นและลงเนินเขาบ่อยๆ และเมื่อใกล้เมือง
พระองค์จึงเปลี่ยนมาขี่ลูกลาเพื่อเข้าเมือง (ลูกลานี้ไม่ใช่ลูกลาตัวเล็กๆ แต่เป็นลูกลาที่โตแล้ว แต่ยังไม่เคยถูกใช้งานมาก่อน)
และมีเหตุผลที่ต้องทำเช่นนี้
แม่ลาแข็งแรงกว่าลูกลาจึงสามารถขึ้นลงเนินเขาได้สะดวกกว่า
ส่วนลูกลาก็สามารถนำพระเยซูเจ้าเข้ากรุงเยรูซาเล็มได้สะดวกและทำให้แม่ลาได้พักบ้าง
และยังมีความหมายที่ซ่อนอยู่ในเรื่องนี้ด้วย แม่ลาและลูกลาหมายถึง “ประชาชนสองพวก – พวกแรกคือ
ชาวยิวที่ปฏิบัติตามบทบัญญัติของโมเสส
แทนโดยแม่ลา
และชาวต่างชาติซึ่งไม่ได้ถือตามพระบัญญัติของพระเป็นเจ้า แทนโดยลูกลา”
แม่ลาหมายถึงชาวอิสราเอลที่ปฏิบัติตามบทบัญญัติของโมเสส
– น.เปโตรได้อธิบายบทบัญญัติของโมเสสว่า “เป็นแอก...ซึ่งบรรพบุรุษของเราหรือเราเองก็ไม่สามารถแบกไว้ได้”(กจ.
15:10)
ลูกลาหมายถึงชนต่างชาติ เป็นชนชาติใหม่และไม่เคยถือตามบทบัญญัติ – น.เปโตรเปรียบเทียบชนเหล่านี้ว่าเป็นเหมือนกิ่งมะกอกป่า
พระเยซูเจ้าทรงขี่ทั้งแม่ลาและลูกลา
มีความหมายว่า
ทั้งชาวยิวและชนต่างชาติจะถูกเรียกว่า Christophoroi
- Christ-bearers – ผู้แบกรับพระคริสต์
และในสมัยปัจจุบัน
ก็เป็นหน้าที่ของพวกเราที่จะต้อง “แบกรับและนำพระคริสต์ไปสู่โลก” เหมือนที่แม่ลาและลูกลาแบกรับและนำพระคริสต์เข้าสู่กรุงเยรูซาเล็ม
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น