วันอาทิตย์ที่ 27 เมษายน 2014 นี้เป็นวันอาทิตย์พระเมตตา  เชิญเราสวดภาวนาพระเมตตา  สารภาพบาป และรับศีลมหาสนิท  เพื่อรับพระหรรษทานยิ่งใหญ่ที่พระเยซูเจ้าทรงสัญญาจะประทานให้ 
พระหรรษทานที่เปรียบเหมือนเราได้รับศีลล้างบาปใหม่อีกครั้ง “ลูกรัก จงบอกชาวโลกเกี่ยวกับความเมตตาอันน่าพิศวงของเรา เราปรารถนาให้วันฉลองพระเมตตาเป็นดังที่หลบภัยและที่กำบังสำหรับวิญญาณทั้งมวล
โดยเฉพาะสำหรับบรรดาคนบาปที่น่าสงสาร ในวันนั้นแหละ เราระบายมหาสมุทรแห่งพระหรรษทานทั้งสิ้นออกมาเหนือวิญญาณที่เข้าถึงต้นธารความเมตตาของเรา
... วิญญาณที่จะไปแก้บาปและรับศีลมหาสนิทจะได้รับการอภัยบาปและยกโทษบาปทั้งหมด
...อย่าให้วิญญาณใดหวาดกลัวที่จะเข้ามาใกล้เราเลย ไม่ว่าบาปของเขาจะหนักหนาสักเพียงไร
... ความเมตตาของเรานั้นมากล้นจนจิตมนุษย์และทูตสวรรค์ไม่อาจหยั่งถึงได้ตลอดมาทุกกาลสมัย ...
เป็นความปรารถนาของเราเองที่จะให้มีพิธีฉลองอย่างเป็นทางการในวันอาทิตย์แรกหลังวันสมโภชปัสกามนุษยชาติจะไม่มีความสงบสุข
จนกว่าเขาจะหันมาพึ่งต้นธารความเมตตาของเรา” (บันทึก 699)
Pages
พระเมตตาของพระเยซูเจ้า
จงบอกมนุษยชาติที่กำลังเจ็บป่วย  ให้เข้ามาใกล้หัวใจอันเมตตาของเรา  แล้วเราจะประทานสันติภาพให้แก่มนุษยชาติ  พระเมตตาของเราไม่มีวันสิ้นสุดเลย
พระวาจาวันอาทิตย์ที่ 26 ตุลาคม 2025 ผู้ใดที่ยกตนขึ้นจะถูกกดให้ต่ำลง
พระเยซูเจ้าตรัสเล่าเรื่องอุปมานี้ให้บางคนที่ภูมิใจว่าตนเป็นผู้ชอบธรรมและดูหมิ่นผู้อื่นฟังว่า ‘มีชายสองคนขึ้นไปอธิษฐานภาวนาในพระวิหาร คนหนึ่งเป็นชาวฟาริสี อีกคนหนึ่งเป็นคนเก็บภาษี ชาวฟาริสียืนอธิษฐานภาวนาในใจว่า “ข้าแต่พระเจ้า ข้าพเจ้าขอบพระคุณพระองค์ที่ข้าพเจ้าไม่เป็นเหมือนมนุษย์คนอื่น ที่เป็นขโมย อยุติธรรม ล่วงประเวณี หรือเหมือนคนเก็บภาษีคนนี้ ข้าพเจ้าจำศีลอดอาหารสัปดาห์ละสองวัน และถวายหนึ่งในสิบของรายได้ทั้งหมดของข้าพเจ้า” ส่วนคนเก็บภาษียืนอยู่ห่างออกไป ไม่กล้าแม้แต่จะเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้า ได้แต่ข้อนอก พูดว่า “ข้าแต่พระเจ้า โปรดทรงพระกรุณาต่อข้าพเจ้าคนบาปด้วยเถิด” เราบอกท่านทั้งหลายว่าคนเก็บภาษีกลับไปบ้าน ได้รับความชอบธรรม แต่ชาวฟาริสีไม่ได้รับ เพราะว่าผู้ใดที่ยกตนขึ้นจะถูกกดให้ต่ำลง ผู้ใดที่ถ่อมตนลง จะได้รับการยกย่องให้สูงขึ้น’’
(ลูกา 18:9-14)
พระวาจาวันอาทิตย์ที่ 26 ตุลาคม 2025 ผู้ใดที่ยกตนขึ้นจะถูกกดให้ต่ำลง
พระเยซูเจ้าตรัสเล่าเรื่องอุปมานี้ให้บางคนที่ภูมิใจว่าตนเป็นผู้ชอบธรรมและดูหมิ่นผู้อื่นฟังว่า ‘มีชายสองคนขึ้นไปอธิษฐานภาวนาในพระวิหาร คนหนึ่งเป็นชาวฟาริสี อีกคนหนึ่งเป็นคนเก็บภาษี ชาวฟาริสียืนอธิษฐานภาวนาในใจว่า “ข้าแต่พระเจ้า ข้าพเจ้าขอบพระคุณพระองค์ที่ข้าพเจ้าไม่เป็นเหมือนมนุษย์คนอื่น ที่เป็นขโมย อยุติธรรม ล่วงประเวณี หรือเหมือนคนเก็บภาษีคนนี้ ข้าพเจ้าจำศีลอดอาหารสัปดาห์ละสองวัน และถวายหนึ่งในสิบของรายได้ทั้งหมดของข้าพเจ้า” ส่วนคนเก็บภาษียืนอยู่ห่างออกไป ไม่กล้าแม้แต่จะเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้า ได้แต่ข้อนอก พูดว่า “ข้าแต่พระเจ้า โปรดทรงพระกรุณาต่อข้าพเจ้าคนบาปด้วยเถิด” เราบอกท่านทั้งหลายว่าคนเก็บภาษีกลับไปบ้าน ได้รับความชอบธรรม แต่ชาวฟาริสีไม่ได้รับ เพราะว่าผู้ใดที่ยกตนขึ้นจะถูกกดให้ต่ำลง ผู้ใดที่ถ่อมตนลง จะได้รับการยกย่องให้สูงขึ้น’’
(ลูกา 18:9-14)


 
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น