พระเมตตาของพระเยซูเจ้า

จงบอกมนุษยชาติที่กำลังเจ็บป่วย ให้เข้ามาใกล้หัวใจอันเมตตาของเรา แล้วเราจะประทานสันติภาพให้แก่มนุษยชาติ พระเมตตาของเราไม่มีวันสิ้นสุดเลย

พระวาจาวันอาทิตย์ที่ 21 เมษายน 2024 พระเยซูเจ้าทรงเป็นผู้เลี้ยงแกะที่ดี

           เราเป็นผู้เลี้ยงแกะที่ดี ผู้เลี้ยงแกะย่อมสละชีวิตเพื่อแกะของตน ลูกจ้างที่ไม่ใช่ผู้เลี้ยงแกะและไม่เป็นเจ้าของแกะ เมื่อเห็นสุนัขป่าเข้ามาก็ละทิ้งบรรดาแกะและหนีไป สุนัขป่าแย่งชิงแกะ และฝูงแกะก็กระจัดกระจายไป ลูกจ้างวิ่งหนีเพราะเขาเป็นเพียงลูกจ้าง ไม่มีความห่วงใยฝูงแกะเลย เราเป็นผู้เลี้ยงแกะที่ดี เรารู้จักแกะของเรา และแกะของเราก็รู้จักเรา พระบิดาทรงรู้จักเราฉันใด เราก็รู้จักพระบิดาฉันนั้น เรายอมสละชีวิตเพื่อแกะของเรา เรายังมีแกะอื่น ๆ ซึ่งไม่อยู่ในคอกนี้ เราต้องนำหน้าแกะเหล่านี้ด้วย แกะจะฟังเสียงของเรา
           จะมีแกะเพียงฝูงเดียวและผู้เลี้ยงเพียงคนเดียว พระบิดาทรงรักเรา เพราะเราสละชีวิตของเราเพื่อจะเอาชีวิตนั้นคืนมาอีก ไม่มีใครเอาชีวิตไปจากเราได้ แต่เราเองสมัครใจสละชีวิตนั้น
           เรามีอำนาจที่จะสละชีวิตของเรา และมีอำนาจที่จะเอาชีวิตนั้นคืนมาอีก นี่คือพระบัญชาที่เราได้รับจากพระบิดาของเรา‘
(ยอห์น 10:11-18)








วันจันทร์ที่ 14 มีนาคม พ.ศ. 2559

จงเปิดใจรับการดลใจจากพระเจ้า

โดย น. ฟรังซิส เดอ ซาลส์
      รังสีดวงอาทิตย์นำความอบอุ่นมาให้ขณะที่สาดส่องลงมา  การดลใจจากพระเป็นเจ้าคือรังสีแห่งสวรรค์ซึ่งทำให้หัวใจของเราอบอุ่น  ทำให้เรามองเห็นความดีและเผาผลาญหัวใจของเราให้เร่าร้อน  ความหนาวแห่งฤดูหนาวทำให้ทุกชีวิตบนโลกเย็นเยือกไร้ชีวิตชีวา   แต่ทุกสิ่งจะกลับมีชีวิตชีวาขึ้นอีกครั้งหนึ่งด้วยความอบอุ่นแห่งฤดูใบไม้ผลิ  ทุกสิ่งกลับมาดำเนินชีวิตตามปกติ  สัตว์บนพื้นดินวิ่งไปมาอย่างรวดเร็ว  ฝูงนกบินร่อนสู่ท้องฟ้าและส่งเสียงร้องอย่างเริงร่า  พืชพันธุ์ไม้แตกดอกใบด้วยความชื่นชม  หากปราศจากการดลใจ  จิตวิญญาณของเราก็จะเฉื่อยชาเกียจคร้านและไร้ค่า  แต่เมื่อรังสีแห่งสวรรค์สาดส่องมายังเรา  เรารู้สึกได้ถึงแสงแห่งชีวิตที่บันดาลความอบอุ่น  ให้ความสว่างและความเข้าใจแก่เรา  ปลุกจิตใจของเราให้ตื่นขึ้น  เสริมสร้างพลังแห่งน้ำใจที่จะกระทำความดีเพื่อความรอดของวิญญาณ

         เมื่อพระเป็นเจ้าทรงก่อรูปร่างของมนุษย์จาก “ฝุ่นดิน”  ดังที่โมเสสเขียนไว้ในพระคัมภีร์ “พระองค์ทรงเป่าลมหายใจแห่งชีวิตเข้าไปในดินนั้น  และมนุษย์ก็ถูกสร้างขึ้นให้เป็นจิตที่มีชีวิต” - - -นั่นหมายถึง  เป็นจิตที่ทำให้มนุษย์มีชีวิต  ทำให้ร่างกายมีการเคลื่อนไหว และทำกิจกรรมต่างๆ  ลมหายใจขององค์พระผู้เป็นเจ้านิรันดรได้เข้ามาสู่จิตวิญญาณของเรา  ดลบันดาลชีวิตเหนือธรรมชาติให้แก่เราอยู่เสมอ  ตามที่อัครสาวกได้กล่าวไว้ว่า  พวกเขาจะกลายเป็น “จิตที่ให้ชีวิต” - - - นั่นคือ  เป็นจิตที่ทำให้เรามีชีวิต  เคลื่อนไหว  รู้สึก และทำกิจการแห่งพระหรรษทาน  เพราะพระองค์ผู้ทรงประทานแก่เราทรงเป็นผู้ร่วมงานกับเราด้วย
             ผู้ที่เปิดหัวใจของเขาให้กับการดลใจแห่งสวรรค์  ช่างมีความสุขนี่กระไร  เขาจะไม่ขาดพระหรรษทานที่จำเป็นเพื่อช่วยให้ใช้ชีวิตอย่างศรัทธาตามสถานภาพของแต่ละคน  เขาจะสามารถทำหน้าที่ของเขาในหนทางอันศักดิ์สิทธิ์  ดังเช่นที่พระเป็นเจ้าทรงดลบันดาลให้ธรรมชาติมอบความสามารถที่จำเป็นให้แก่สัตว์แต่ละชนิดเพื่อที่มันจะสามารถดำรงชีวิตอยู่ได้  ดังนั้น  ถ้าเราไม่ต่อต้านพระหรรษทานของพระเป็นเจ้า  พระองค์ก็จะทรงประทานพระหรรษทานแก่เราแต่ละคนโดยการดลใจ  เป็นพระหรรษทานที่จำเป็นสำหรับเราในการดำรงชีวิต  ในการทำงาน  และทำให้เราสามารถดำเนินชีวิตฝ่ายจิตได้อย่างมั่นคง
             จิตวิญญาณไม่คำนึงแต่เพียงการปฏิบัติตามพระบัญญัติของพระเป็นเจ้าเท่านั้น  แต่ยังต้องการทำตามการดลใจทุกประการของพระองค์อีกด้วย  คนประเภทนี้แหละคือผู้ที่พระบิดาสวรรค์ทรงเตรียมเขาไว้ให้เป็นเจ้าสาวขององค์พระบุตรสุดที่รักของพระองค์  ดังเรื่องของเอลีเซร์ผู้ซื่อสัตย์  เอลีเซร์ไม่รู้จักลูกสาวของฮาราน  ผู้อาศัยอยู่ในเมืองนาโฮร์  จึงไม่รู้ว่าลูกสาวคนไหนที่เหมาะสม  หนึ่งในหญิงสาวเหล่านี้ถูกกำหนดให้เป็นเจ้าสาวบุตรชายของเจ้านายของเขา  พระเป็นเจ้าช่วยเอลีเซร์ให้พบหญิงสาวผู้นั้นด้วยการดลใจ  เมื่อเราตกอยู่ในความสับสนยุ่งยากใจไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรและไม่มีใครสามารถช่วยเราได้  ถ้าหากเราถ่อมตนลงและเชื่อฟังพระเป็นเจ้า  พระองค์จะทรงดลใจเรา  พระองค์จะไม่ยอมให้เราตกอยู่ในความผิดพลาด
                                                                    (จากหนังสือของ น.ฟรังซิส เดอ ซาลส์  Finding God’s Will for You)

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น