พระเมตตาของพระเยซูเจ้า

จงบอกมนุษยชาติที่กำลังเจ็บป่วย ให้เข้ามาใกล้หัวใจอันเมตตาของเรา แล้วเราจะประทานสันติภาพให้แก่มนุษยชาติ พระเมตตาของเราไม่มีวันสิ้นสุดเลย

พระวาจาวันอาทิตย์ที่ 19 มกราคม 2025 งานแต่งงานที่หมู่บ้านคานา

           สามวันต่อมามีงานสมรสที่หมู่บ้านคานาในแคว้นกาลิลี พระมารดาของพระเยซูเจ้าทรงอยู่ในงานนั้น พระเยซูเจ้าทรงได้รับเชิญพร้อมกับบรรดาศิษย์มาในงานนั้นด้วย เมื่อเหล้าองุ่นหมด พระมารดาของพระเยซูเจ้าจึงมาทูลพระองค์ว่า “เขาไม่มีเหล้าองุ่นแล้ว” พระเยซูเจ้าตรัสว่า “หญิงเอ๋ย ท่านต้องการสิ่งใด เวลาของเรายังมาไม่ถึง” พระมารดาของพระเยซูเจ้าจึงกล่าวแก่บรรดาคนรับใช้ว่า “เขาบอกให้ท่านทำอะไร ก็จงทำเถิด” ที่นั่นมีโอ่งหินตั้งอยู่หกใบ เพื่อใช้ชำระตามธรรมเนียมของชาวยิว แต่ละใบจุน้ำได้ประมาณหนึ่งร้อยลิตร พระเยซูเจ้าตรัสกับบรรดาคนรับใช้ว่า “จงตักน้ำใส่โอ่งให้เต็ม” เขาก็ตักน้ำใส่จนเต็มถึงขอบ แล้วพระองค์ทรงสั่งเขาอีกว่า “จงตักไปให้ผู้จัดงานเลี้ยงเถิด” เขาก็ตักไปให้ ผู้จัดงานเลี้ยงได้ชิมน้ำที่เปลี่ยนเป็นเหล้าองุ่นแล้ว ไม่รู้ว่าเหล้านี้มาจากไหน แต่คนรับใช้ที่ตักน้ำรู้ดี ผู้จัดงานเลี้ยงจึงเรียกเจ้าบ่าวมา พูดว่า “ใคร ๆ เขานำเหล้าองุ่นอย่างดีมาให้ก่อน เมื่อบรรดาแขกดื่มมากแล้ว จึงนำเหล้าองุ่นอย่างรองมาให้ แต่ท่านเก็บเหล้าอย่างดีไว้จนถึงบัดนี้” พระเยซูเจ้าทรงกระทำเครื่องหมายอัศจรรย์ ครั้งแรกนี้ที่หมู่บ้านคานา แคว้นกาลิลี พระองค์ทรงแสดงพระสิริรุ่งโรจน์ของพระองค์ และบรรดาศิษย์เชื่อในพระองค์
(ยอห์น 2:1-11)








วันเสาร์ที่ 19 สิงหาคม พ.ศ. 2560

ข่าวคาทอลิก




เว็ปไซต์ข่าวคาทอลิกในโปแลนด์ Religia Deon.pl ได้สัมภาษณ์ผู้แทนของพระสันตะปาปา (Archbishop Henryk Hoser) ที่ไปเยี่ยมเมดจูกอเรจ์รายงานว่า
“ในเมดจูกอเรจ์ ทุกอย่างไปในทางที่ถูกต้อง” พระสังฆราชได้ประเมินผลลัพท์ของเมดจูกอเรจ์ไปในทางบวก และเมื่อถามเกี่ยวกับความเป็นไปได้ในการรับรองการประจักษ์  ท่านตอบว่า “ทุกอย่างบ่งชี้ว่าการประจักษ์จะได้รับการรับรอง บางทีอาจจะเป็นในปีนี้”
พระสังฆราชกล่าว “ผมคิดว่าการจะรู้ทุกอย่างในทางลึกของเหตุการณ์ในเมดจูกอเรจ์นั้นเป็นไปไม่ได้ เพราะเราต้องเข้าไปในความลึกลับของพระเจ้าและของมนุษย์  และสิ่งนี้เป็นความลับที่เราไม่สามารถมองเห็นได้  เราทำได้แต่เพียงพิจารณาจากปรากฏการณ์และสถานการณ์ในทางกว้างและในทางลึกเท่านั้นซึ่งสามารถทำได้  แต่เราจะไม่ท้อใจ  มีสิ่งที่เป็นเรื่องของจิตซึ่งบ่อยครั้งเป็นที่น่าประหลาดใจและลึกล้ำ มีเพียงพระเป็นเจ้าเท่านั้นที่ทรงทราบถึงสิ่งที่อยู่ในหัวใจของมนุษย์”


แม่ชีชาวอิรักเตรียมตัวที่จะกลับไปโมซุล หลังจากสามปีที่กลุ่มไอซิสขับไล่ออกมา
“ไม่มีสิ่งใดที่เป็นไปไม่ได้สำหรับพระเป็นเจ้า” ซิสเตอร์คณะโดมินิกันกล่าว ซิสเตอร์คณะนี้ทำงานท่ามกลางคริสตชนทางตอนเหนือของอิรัก
“โมซุลถูกปลดปล่อยแล้ว แต่ทั้งเมืองถูกทำลายไม่เหลือ”
“ต้องใช้เวลาหลายปีในการบูรณะซ่อมแซม แต่ไม่มีสิ่งใดที่เป็นไปไม่ได้สำหรับพระเป็นเจ้า”
“ไม่ใช่เรื่องง่ายในการตัดสินใจว่าจะกลับไปโมซุลดีหรือไม่ บางคนยังพยายามเข้าใจในน้ำพระทัยของพระเป็นเจ้า ถ้ากลุ่มไอซิสพ่ายแพ้ก็ไม่หมายความว่าแผ่นดินนีนาเวห์ปลอดภัยจากความคิดที่รุนแรงนั้น”
บรรดาซิสเตอร์สวดภาวนาด้วยความหวังให้ประชาชนมีความกล้าหาญที่จะกลับยังแผ่นดินบ้านเกิดของพวกเขาและเริ่มต้นใหม่อีกครั้ง
“พระเป็นเจ้าทรงอยู่กับพวกเราและจะไม่ทรงละทิ้งพวกเรา” ซิสเตอร์กล่าว

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น