พระเมตตาของพระเยซูเจ้า

จงบอกมนุษยชาติที่กำลังเจ็บป่วย ให้เข้ามาใกล้หัวใจอันเมตตาของเรา แล้วเราจะประทานสันติภาพให้แก่มนุษยชาติ พระเมตตาของเราไม่มีวันสิ้นสุดเลย

พระวาจาวันอาทิตย์ที่ 24 พฤศจิกายน 2024 สมโภชพระเยซูจะกษัตริย์แห่งสากลจักรวาล

           ปีลาตกลับเข้าไปในจวน และเรียกพระเยซูเจ้ามาถามว่า “ท่านเป็นกษัตริย์ของชาวยิวหรือ” พระเยซูเจ้าตรัสตอบว่า “ท่านถามดังนี้ด้วยตนเอง หรือผู้อื่นบอกท่านถึงเรื่องของเรา” ปีลาตตอบว่า “ข้าพเจ้าเป็นชาวยิวหรือ ชนชาติของท่าน และบรรดาหัวหน้าสมณะมอบท่านให้ข้าพเจ้า ท่านทำผิดสิ่งใด” พระเยซูเจ้าตรัสตอบว่า “อาณาจักรของเรามิได้มาจากโลกนี้ ถ้าอาณาจักรของเรามาจากโลกนี้ ผู้รับใช้ของเราก็คงจะต่อสู้เพื่อมิให้เราถูกมอบให้ชาวยิว แต่อาณาจักรของเราไม่ได้เป็นของโลกนี้” ปีลาตจึงถามพระองค์ว่า “ถ้าเช่นนั้น ท่านเป็นกษัตริย์ใช่ไหม” พระเยซูเจ้าตรัสตอบว่า “ท่านพูดว่าเราเป็นกษัตริย์นั้นถูกต้องแล้ว เราเกิดมาเพื่อเป็นกษัตริย์ เรามาในโลกนี้เพื่อเป็นพยานถึงความจริง ผู้ใดอยู่ฝ่ายความจริงก็ฟังเรา”
(ยอห์น 18:33ข-37)








วันพุธที่ 10 สิงหาคม พ.ศ. 2559

เสียงร้องขอความช่วยเหลือจากซิสเตอร์ในซีเรีย

5 ส.ค. 2016 : “สถานการณ์ซับซ้อนมากและเราได้ยินเรื่องราวมากมาย  แต่ความจริงที่เรารู้ก็คือประชาชนที่นี่กำลังเดือดร้อนและกำลังจะตาย”
นี่เป็นคำพูดของซิสเตอร์ Anne-Françoise ชาวฝรั่งเศสที่อยู่ในอารามคาร์เมลแห่งเมืองอะเลปโป ประเทศซีเรีย  ท่านได้กล่าวในโทรศัพท์กับมูลนิธิคาทอลิกการกุศลเพื่อช่วยเหลือโบสถ์ที่ขัดสนและเดือดร้อนในอะเลปโป  อันเป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุดอันดับสอง  และมีกำลังมีการสู้รบอย่างหนักระหว่างรัฐบาลซีเรียกับกลุ่มกบฏ
คอนแวนต์ของซิสเตอร์เหล่านี้อยู่บริเวณชานเมืองอะเลปโป  เป็นบริเวณที่ได้รับผลจากสู้รบโดยตรง  ซิสเตอร์ได้รายงานว่า “เมื่อกองทัพซีเรียพยายามป้องกันที่มั่นจากกลุ่มกบฏ  มีการทิ้งระเบิดใกล้กับคอนแวนต์ของเรา  ขอบพระคุณพระเจ้า  ที่มันไม่ถูกเรา  แต่เราก็ยังคงได้ยินเสียงกระสุนระเบิดผ่านหัวของเราไป”
ซิสเตอร์คาร์เมลไลท์ สี่คนเป็นชาวซีเรีย  และสองคนเป็นชาวฝรั่งเศส  ได้รวบรวมผู้ลี้ภัยจำนวนหนี่งมาอยู่ในอาคารที่ติดกับคอนแวนต์  และได้เลี้ยงดูพวกเขาเท่าที่ทำได้  “ในเวลานี้มีแต่เพียงคนยากจนที่สุดเท่านั้นที่ยังคงอยู่ในอะเลปโป  คริสตชนหลายคนได้ทิ้งเมืองไปแล้วตั้งแต่เกิดสงคราม  เราไม่มีน้ำ  ไม่มีไฟฟ้า  และการสู้รบก็ยังดำเนินอยู่ต่อไป ใครจะกลับมาในสถานการณ์เช่นนี้ได้เล่า” ซิสเตอร์กล่าว
ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าซิสเตอร์ทั้งหกคนมีความกลัวเช่นเดียวกัน  แต่พวกท่านตัดสินใจที่จะอยู่กับประชาชน  ซิสเตอร์ Anne-Françoise กล่าวว่า “เราจะละทิ้งพวกเขาไปได้อย่างไรเล่า?  การที่พวกเราอยู่กับเขาเป็นสิ่งสำคัญสำหรับพวกเขามาก  เราได้รับพลังใจและความกล้าจากการสวดภาวนา  นี่เป็นสิ่งปกป้องพวกเรา  การเจรจาไม่ประสบผลสำเร็จ  เราได้แต่สวดภาวนาขอให้พระเป็นเจ้าทรงทำให้สงครามสงบลง”
            สงครามเกิดขึ้นมาหลายปี  ทำให้คริสตชนต้องลี้ภัยออกนอกประเทศ  ซิสเตอร์ Anne-Françoise กลัวว่าจะมีอีกหลายครอบครัวที่ละทิ้งอะเลปโป ไป  เมืองนี้ถือเป็นสัญลักษณ์ของคริสต์ศาสนาในซีเรีย  ตั้งแต่ปี 2011 เมื่อเริ่มเกิดสงคราม  ประชากรคริสตชนมีอยู่ 160,000 คนในเมืองนี้  บัดนี้เหลืออยู่ไม่ถึง 40,000 คน
“ตะวันออกกลาง  เคยเป็นดินแดนของพระคริสต์  บัดนี้มันเสียงต่อการไม่มีคริสตชนเหลืออยู่เลย  เป็นความจริงที่เจ็บปวด  วิกฤตการณ์ยังไม่ยุติ  ผู้ลี้ภัยต้องออกจากบ้านเกิดเมืองนอนของตนและบางทีก็สูญเสียรากฐานทางด้านจิตใจของพวกเขาด้วย”  ซิสเตอร์กล่าว
ซิสเตอร์วิงวอนต่อนานาชาติและคริสตชนทุกคนทั่วโลกว่า “โปรดสงสารประชาชนนับพันคนซึ่งอยู่ที่นี่ด้วยที่ถูกแบ่งแยกด้วยสงคราม  โปรดอย่าลืมพวกเรา  เราต้องการคำภาวนาของพวกท่านและความช่วยเหลือต่างๆจากพวกท่าน”

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น