MOSCOW
— ในสงครามเย็นระหว่างอเมริกากับโซเวียตรัสเซีย กลุ่มหัวอนุรักษ์นิยมชาวอเมริกันเรียกสหภาพโซเวียตว่าเป็น
“ประเทศที่ไม่มี พระเจ้า”
มากกว่าสองศตวรรษผ่านไป ประวัติศาสตร์ก็กลับมาซ้ำรอยเดิม
ขณะที่เครมลินได้ประสานร่วมมือกับศาสนจักรออร์โธดอกซ์ ทางฝากฝั่งตะวันตก
อันได้แก่ยุโรปและอเมริกาก็มีปัญหาเช่นเดียวกัน
ประธานาธิบดีปูตินแห่งรัสเซียกล่าวเมื่อไม่นานมานี้ว่า
“หลายประเทศใน ยูโร-แอตแลนติก (ประเทศยุโรปและอเมริกา) ได้ละทิ้งรากฐานของตนเอง อันได้แก่ คุณค่าของคริสตศาสนา”
“นโยบายหลายอย่างมุ่งไปที่การมีครอบครัวที่รับลูกมาเลี้ยงหลายคนจากเชื้อชาติต่างๆกัน และการอยู่กินของเพศเดียวกัน ไม่เชื่อในพระเจ้าแต่เชื่อในซาตาน สิ่งเหล่านี้เป็นหนทางแห่งความเสื่อมถอย”
ปูตินได้กล่าวสุนทรพจน์ดังกล่าวต่อคนในประเทศเมื่อกลางเดือนธันวาคม ปูตินยังกล่าวว่า รัสเซียเป็นประเทศที่ปกป้อง “คุณค่าของวัฒนธรรม”
และต่อต้านสิ่งที่ทางตะวันตกได้ทรยศต่อการอนุรักษ์สังคมและศาสนา
เขายืนยันว่าสิ่งที่รัสเซียทำอยู่นี้เป็นหนทางเดียวที่จะปกป้องโลกจากการตกไปสู่
“ความมืดมนอลเวง”
ในฐานะที่เป็นส่วนหนึ่งในการปกป้อง “คุณค่าของคริสตศาสนา” รัสเซียได้ออกกฏหมายต่อต้าน “การโฆษณาชวนเชื่อของพวกรักร่วมเพศ” และกฎหมายอื่นๆที่เป็นการดูหมิ่นศาสนาของผู้มีความเชื่อทั้งหลาย
กฏหมายเกี่ยวกับความอ่อนไหวของศาสนาถูกบัญญัติขึ้นเนื่องมาจากมีการเดินขบวนประท้วงในอาสนวิหารที่ใหญ่ที่สุดในกรุงมอสโคว
นำโดยกลุ่มพังก์ร็อคสตรีที่ต่อต้านศาสนจักรออร์โธดอกซ์ซี่งปูตินให้การสนับสนุนอยู่ ทางเครมลินได้ออกรายการโทรทัศน์กล่าวหาว่ากลุ่ม
“ลัทธิปีศาจ”นี้ ได้รับเงินทุนสนับสนุนจาก “ชาวอเมริกันบางคน” Patriarch Kirill I
แห่งมอสโคว ผู้เป็นผู้นำของศาสนจักรออร์โธดอกซ์ ได้กล่าวหาประเทศตะวันตกที่มายุ่งกับ
“การปลดเปลื้องทางจิตวิญญาณ” ของประชาชนของท่าน
Patriarch
Kirill ได้วิจารณ์กฎหมายของประเทศยุโรปหลายประเทศที่ไม่ยอมให้ผู้มีความเชื่อแสดงสัญลักษณ์ทางศาสนาในที่สาธารณะซึ่งได้แก่ไม้กางเขนและสร้อยคอศาสนภัณฑ์ต่างๆ
เป็นต้น
“ทิศทางทางการเมืองโดยทั่วไปของทางฝั่งตะวันตกนั้น เป็นปฏิปักษ์ต่อคริสต์ศาสนาโดยไม่ต้องสงสัย และแอนตี้คุณลักษณะต่างๆของศาสนา”
“เราเคยผ่านเหตุการณ์ของการไม่มีความเชื่อในพระเป็นเจ้ามาก่อน และเรารู้ว่าเป็นเช่นไรในการมีชีวิตอยู่โดยปราศจากพระเป็นเจ้า”
“เราต้องการร้องตะโกนบอกโลกทั้งมวลว่า
‘จงหยุด’”
มีการวิพากษ์วิจารณ์ตะวันตกจากทางศาสนจักรออร์โธดอกซ์อีก อย่างเช่น พระสงฆ์ที่ชื่อ Vsevolod
Chaplin ผู้เป็นประชาสัมพันธ์ของศาสนจักร ท่านเหน็บแนมว่า โลกตะวันตกสมัยใหม่นั้นก็ไม่ดีไปกว่าสหภาพโซเวียตในสมัยก่อนในเรื่องที่เกี่ยวกับคริสตชนผู้มีความเชื่อ”
ในสมัยโซเวียต
ได้มีการประหารชีวิตพระสงฆ์นักบวชและผู้มีความเชื่อไปประมาณ 200,000 คนตั้งแต่ปี
1917 ถึง 1937
ตัวเลขนี้นำมาจากรายงานการประชุมต่อประธานาธิบดีในปี 1995 มีโบสถ์นับพันแห่งที่ถูกทำลาย โบสถ์ที่ไม่ถูกทำลายก็ถูกเปลี่ยนเป็นโกดังเก็บสินค้า โรงรถ
หรือพิพิทธภัณฑ์ของลัทธิไม่นับถือพระเจ้า
พระสงฆ์ท่านนี้กล่าวว่า
“การแยกศาสนจักรออกจากอาณาจักรเป็นความผิดพลาดของทางตะวันตก
มันเป็นปรากฏการณ์ยิ่งใหญ่ที่เกิดกับทางตะวันตกที่เจริญแล้วเท่านั้นและมันจะฆ่าตะวันตกทั้งในด้านการเมืองและศีลธรรม”
นโยบายส่งเสริมคุณค่าวัฒนธรรมของทางเครมลินทำให้เกิดความตื่นตัวของออร์โธดอกซ์
และทำให้เกิดกลุ่ม Union of Orthodox Banner Bearers ซึ่งเป็นกลุ่มอนุรักษ์นิยมสุดขีดที่มีสโลแกนว่า
“ออร์โธดอกซ์หรือไม่ก็ความตาย”
Patriarch
Kirill ได้กล่าวสรรเสริญผู้นำกลุ่มนี้ ที่ได้รับใช้พระศาสนจักรออร์โธดอกซ์ กลุ่มนี้แต่งกายด้วยชุดดำมีรูปโครงกระดูกประดับที่ชุด
พวกเขาจะเผชิญหน้ากับกลุ่มเกย์และกลุ่มเสรีนิยมตามท้องถนนในกรุงมอสโคว
นาย Yevgeny
Bazhanov
ผู้เป็นอธิบดีว่าการกระทรวงต่างประเทศได้เขียนบทความเมื่อไม่นานมานี้ว่า “คุณค่าของฝั่งตะวันตก จากลัทธิเสรีนิยมที่ยอมรับสิทธิทางเพศของคนกลุ่มน้อย และจากความต้องการของคาทอลิกและโปรแตสแตนท์ให้ลดหย่อนการลงโทษต่อนักโทษประหารซึ่งเป็นฆาตกร
ได้สร้างความประหลาดใจให้แก่พวกเราเป็นอย่างยิ่ง”
ในการทำโพลล์ระบุว่า ชาวรัสเซีย 70 เปอร์เซ็นต์บอกว่าเขาเป็นคริสตชนออร์โธดอกซ์ และผู้ที่เห็นต่างในอดีตได้เรียกร้องให้ทางศาสนจักรแสดงบทบาทในการเป็นคนกลางระหว่างเครมลินกับผู้ประท้วง
“เพราะปูตินได้กลายมาเป็นอนุรักษ์นิยม จึงทำให้ทางศาสนจักรมีความกล้ามากขึ้น ปูตินไม่ได้เข้าข้างทางศาสนจักรมากเกินไป แต่จะพูดเน้นถึงคุณค่าของวัฒนธรรม เขาจึงได้รับความนิยมและการสนับสนุนจากทางศาสนจักร”
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น