พระเมตตาของพระเยซูเจ้า

จงบอกมนุษยชาติที่กำลังเจ็บป่วย ให้เข้ามาใกล้หัวใจอันเมตตาของเรา แล้วเราจะประทานสันติภาพให้แก่มนุษยชาติ พระเมตตาของเราไม่มีวันสิ้นสุดเลย

พระวาจาวันอาทิตย์ที่ 14 เมษายน 2024 พระเยซูเจ้าทรงปรากฏพระองค์แก่บรรดาศิษย์

           ศิษย์ทั้งสองคนจึงเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นตามทางและเล่าว่าตนจำพระองค์ได้เมื่อทรงบิขนมปัง
           ขณะที่บรรดาศิษย์สนทนากันอยู่นั้น พระเยซูเจ้าทรงยืนอยู่ในหมู่เขา ตรัสว่า ‘สันติสุขจงดำรงอยู่กับท่านทั้งหลายเถิด’ เขาต่างตกใจกลัว คิดว่าได้เห็นผี แต่พระองค์ตรัสว่า ‘ท่านวุ่นวายใจทำไม เพราะเหตุใดท่านจึงมีความสงสัยในใจ จงดูมือและเท้าของเราซิ เป็นเราเองจริง ๆ จงคลำตัวเราดูเถิด ผีไม่มีเนื้อ ไม่มีกระดูกอย่างที่ท่านเห็นว่าเรามี’ ตรัสดังนี้แล้ว พระองค์ทรงให้เขาดูพระหัตถ์และพระบาท เขายินดีและแปลกใจจนไม่อยากเชื่อ พระองค์จึงตรัสกับเขาว่า ‘ท่านมีอะไรกินบ้าง’ เขาถวายปลาย่างชิ้นหนึ่งแด่พระองค์ พระองค์ทรงรับมาเสวยต่อหน้าเขา
           หลังจากนั้นพระองค์ตรัสกับเขาว่า ‘นี่คือความหมายของถ้อยคำที่เรากล่าวไว้ขณะที่ยังอยู่กับท่าน ทุกสิ่งที่เขียนไว้เกี่ยวกับเราในธรรมบัญญัติของโมเสส บรรดาประกาศกและเพลงสดุดีจะต้องเป็นความจริง’ แล้วพระองค์ทรงทำให้เขาเกิดปัญญาเข้าใจพระคัมภีร์ ตรัสว่า ‘มีเขียนไว้ดังนี้ว่า พระคริสตเจ้าจะต้องรับทนทรมานและจะกลับคืนพระชนมชีพจากบรรดาผู้ตายในวันที่สาม จะต้องประกาศในพระนามของพระองค์ให้นานาชาติกลับใจเพื่อรับอภัยบาปโดยเริ่มจากกรุงเยรูซาเล็ม ท่านทั้งหลายเป็นพยานถึงเรื่องทั้งหมดนี้‘
(ลูกา 24:35-48)








วันพุธที่ 31 สิงหาคม พ.ศ. 2559

ปูตินวิจารณ์โลกตะวันตก


MOSCOW — ในสงครามเย็นระหว่างอเมริกากับโซเวียตรัสเซีย  กลุ่มหัวอนุรักษ์นิยมชาวอเมริกันเรียกสหภาพโซเวียตว่าเป็น “ประเทศที่ไม่มี พระเจ้า”
มากกว่าสองศตวรรษผ่านไป  ประวัติศาสตร์ก็กลับมาซ้ำรอยเดิม  ขณะที่เครมลินได้ประสานร่วมมือกับศาสนจักรออร์โธดอกซ์  ทางฝากฝั่งตะวันตก อันได้แก่ยุโรปและอเมริกาก็มีปัญหาเช่นเดียวกัน
ประธานาธิบดีปูตินแห่งรัสเซียกล่าวเมื่อไม่นานมานี้ว่า “หลายประเทศใน ยูโร-แอตแลนติก (ประเทศยุโรปและอเมริกา)  ได้ละทิ้งรากฐานของตนเอง อันได้แก่  คุณค่าของคริสตศาสนา”
“นโยบายหลายอย่างมุ่งไปที่การมีครอบครัวที่รับลูกมาเลี้ยงหลายคนจากเชื้อชาติต่างๆกัน  และการอยู่กินของเพศเดียวกัน  ไม่เชื่อในพระเจ้าแต่เชื่อในซาตาน  สิ่งเหล่านี้เป็นหนทางแห่งความเสื่อมถอย”
ปูตินได้กล่าวสุนทรพจน์ดังกล่าวต่อคนในประเทศเมื่อกลางเดือนธันวาคม  ปูตินยังกล่าวว่า  รัสเซียเป็นประเทศที่ปกป้อง “คุณค่าของวัฒนธรรม” และต่อต้านสิ่งที่ทางตะวันตกได้ทรยศต่อการอนุรักษ์สังคมและศาสนา  เขายืนยันว่าสิ่งที่รัสเซียทำอยู่นี้เป็นหนทางเดียวที่จะปกป้องโลกจากการตกไปสู่ “ความมืดมนอลเวง”
                ในฐานะที่เป็นส่วนหนึ่งในการปกป้อง “คุณค่าของคริสตศาสนา”  รัสเซียได้ออกกฏหมายต่อต้าน “การโฆษณาชวนเชื่อของพวกรักร่วมเพศ”  และกฎหมายอื่นๆที่เป็นการดูหมิ่นศาสนาของผู้มีความเชื่อทั้งหลาย
                กฏหมายเกี่ยวกับความอ่อนไหวของศาสนาถูกบัญญัติขึ้นเนื่องมาจากมีการเดินขบวนประท้วงในอาสนวิหารที่ใหญ่ที่สุดในกรุงมอสโคว  นำโดยกลุ่มพังก์ร็อคสตรีที่ต่อต้านศาสนจักรออร์โธดอกซ์ซี่งปูตินให้การสนับสนุนอยู่  ทางเครมลินได้ออกรายการโทรทัศน์กล่าวหาว่ากลุ่ม “ลัทธิปีศาจ”นี้ ได้รับเงินทุนสนับสนุนจาก “ชาวอเมริกันบางคน”  Patriarch Kirill I แห่งมอสโคว ผู้เป็นผู้นำของศาสนจักรออร์โธดอกซ์ ได้กล่าวหาประเทศตะวันตกที่มายุ่งกับ “การปลดเปลื้องทางจิตวิญญาณ” ของประชาชนของท่าน
Patriarch Kirill ได้วิจารณ์กฎหมายของประเทศยุโรปหลายประเทศที่ไม่ยอมให้ผู้มีความเชื่อแสดงสัญลักษณ์ทางศาสนาในที่สาธารณะซึ่งได้แก่ไม้กางเขนและสร้อยคอศาสนภัณฑ์ต่างๆ เป็นต้น
 “ทิศทางทางการเมืองโดยทั่วไปของทางฝั่งตะวันตกนั้น  เป็นปฏิปักษ์ต่อคริสต์ศาสนาโดยไม่ต้องสงสัย และแอนตี้คุณลักษณะต่างๆของศาสนา”
“เราเคยผ่านเหตุการณ์ของการไม่มีความเชื่อในพระเป็นเจ้ามาก่อน  และเรารู้ว่าเป็นเช่นไรในการมีชีวิตอยู่โดยปราศจากพระเป็นเจ้า”
“เราต้องการร้องตะโกนบอกโลกทั้งมวลว่า จงหยุด
มีการวิพากษ์วิจารณ์ตะวันตกจากทางศาสนจักรออร์โธดอกซ์อีก  อย่างเช่น พระสงฆ์ที่ชื่อ Vsevolod Chaplin ผู้เป็นประชาสัมพันธ์ของศาสนจักร  ท่านเหน็บแนมว่า โลกตะวันตกสมัยใหม่นั้นก็ไม่ดีไปกว่าสหภาพโซเวียตในสมัยก่อนในเรื่องที่เกี่ยวกับคริสตชนผู้มีความเชื่อ”
ในสมัยโซเวียต ได้มีการประหารชีวิตพระสงฆ์นักบวชและผู้มีความเชื่อไปประมาณ 200,000 คนตั้งแต่ปี 1917 ถึง 1937  ตัวเลขนี้นำมาจากรายงานการประชุมต่อประธานาธิบดีในปี 1995  มีโบสถ์นับพันแห่งที่ถูกทำลาย  โบสถ์ที่ไม่ถูกทำลายก็ถูกเปลี่ยนเป็นโกดังเก็บสินค้า  โรงรถ  หรือพิพิทธภัณฑ์ของลัทธิไม่นับถือพระเจ้า
พระสงฆ์ท่านนี้กล่าวว่า “การแยกศาสนจักรออกจากอาณาจักรเป็นความผิดพลาดของทางตะวันตก  มันเป็นปรากฏการณ์ยิ่งใหญ่ที่เกิดกับทางตะวันตกที่เจริญแล้วเท่านั้นและมันจะฆ่าตะวันตกทั้งในด้านการเมืองและศีลธรรม”
นโยบายส่งเสริมคุณค่าวัฒนธรรมของทางเครมลินทำให้เกิดความตื่นตัวของออร์โธดอกซ์ และทำให้เกิดกลุ่ม Union of Orthodox Banner Bearers  ซึ่งเป็นกลุ่มอนุรักษ์นิยมสุดขีดที่มีสโลแกนว่า “ออร์โธดอกซ์หรือไม่ก็ความตาย”
Patriarch Kirill ได้กล่าวสรรเสริญผู้นำกลุ่มนี้  ที่ได้รับใช้พระศาสนจักรออร์โธดอกซ์  กลุ่มนี้แต่งกายด้วยชุดดำมีรูปโครงกระดูกประดับที่ชุด  พวกเขาจะเผชิญหน้ากับกลุ่มเกย์และกลุ่มเสรีนิยมตามท้องถนนในกรุงมอสโคว
นาย Yevgeny Bazhanov ผู้เป็นอธิบดีว่าการกระทรวงต่างประเทศได้เขียนบทความเมื่อไม่นานมานี้ว่า “คุณค่าของฝั่งตะวันตก  จากลัทธิเสรีนิยมที่ยอมรับสิทธิทางเพศของคนกลุ่มน้อย  และจากความต้องการของคาทอลิกและโปรแตสแตนท์ให้ลดหย่อนการลงโทษต่อนักโทษประหารซึ่งเป็นฆาตกร  ได้สร้างความประหลาดใจให้แก่พวกเราเป็นอย่างยิ่ง”
ในการทำโพลล์ระบุว่า  ชาวรัสเซีย 70 เปอร์เซ็นต์บอกว่าเขาเป็นคริสตชนออร์โธดอกซ์  และผู้ที่เห็นต่างในอดีตได้เรียกร้องให้ทางศาสนจักรแสดงบทบาทในการเป็นคนกลางระหว่างเครมลินกับผู้ประท้วง
“เพราะปูตินได้กลายมาเป็นอนุรักษ์นิยม  จึงทำให้ทางศาสนจักรมีความกล้ามากขึ้น  ปูตินไม่ได้เข้าข้างทางศาสนจักรมากเกินไป  แต่จะพูดเน้นถึงคุณค่าของวัฒนธรรม  เขาจึงได้รับความนิยมและการสนับสนุนจากทางศาสนจักร”

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น