พระเมตตาของพระเยซูเจ้า

จงบอกมนุษยชาติที่กำลังเจ็บป่วย ให้เข้ามาใกล้หัวใจอันเมตตาของเรา แล้วเราจะประทานสันติภาพให้แก่มนุษยชาติ พระเมตตาของเราไม่มีวันสิ้นสุดเลย

พระวาจาวันอาทิตย์ที่ 14 ธันวาคม 2025 เทศกาลเตรียมรับเสด็จ อาทิตย์ที่ 3

          ขณะที่ยอห์นถูกจองจำอยู่ในคุก เขาได้ยินข่าวกิจการของพระเยซูเจ้า จึงใช้ศิษย์ไปทูลถามพระองค์ว่า “ท่านคือผู้ที่จะมาหรือเราจะต้องรอคอยใครอีก” พระเยซูเจ้าตรัสตอบว่า “จงไปบอกยอห์นถึงสิ่งที่ท่านได้ยินและได้เห็น คนตาบอดกลับแลเห็น คนง่อยเดินได้ คนโรคเรื้อนหายจากโรค คนหูหนวกได้ยิน คนตายกลับคืนชีพ คนยากจนได้รับการประกาศข่าวดี ผู้ที่ไม่แคลงใจในเราย่อมเป็นสุข”
(มัทธิว.11:2-11)








วันจันทร์ที่ 14 ตุลาคม พ.ศ. 2562

ความหมายของผึ้งและรังผึ้งในศิลปะคริสต์


              จอร์จ เฟอร์กุสัน ผู้เขียนหนังสือ “Signs and Symbols in Christian Art” อธิบายว่า “ผึ้งเป็นสัญญลักษณ์ของ กิจกรรม, การทำงาน, ความขยัน, และความมีระเบียบ” ในตำนานโบราณบอกว่า ผึ้งไม่เคยนอนหลับ และบ่อยครั้งผึ้งถูกใช้เป็นตัวแทนของ “ความระมัดระวังและความกระตือรือร้นของคริสตชนในการแสวงหาคุณธรรม”
               ผึ้งยังถูกใช้ในศิลปะอื่น เช่น พระสันตะปาปาอูร์บันที่ 8 ซึ่งมาจากครอบครัวขุนนางอิตาลี Barberini ในศตวรรษที่ 17 ใช้ตราสัญลักษณ์ของครอบครัวเป็นผึ้งสามตัวอยู่รอบพระมาลาเทียร่า(papal tiara) และมีกุญแจของนักบุญเปโตร อนุสาวรีย์ที่ยิ่งใหญ่บางแห่งในกรุงโรมรวมถึง Baldacchino ในมหาวิหารเซนต์ปีเตอร์ก็มีแสดงตราสัญลักษณ์นี้แสดงอยู่
                ส่วนรังผึ้งมีความหมายที่แตกต่างออกไป
                นักบุญอัมโบรส
                มีตำนานเล่าว่า เมื่อนักบุญอัมโบรสยังเป็นเพียงเด็กเล็ก ฝูงผึ้งบินอยู่บนใบหน้าของอัมโบรสในขณะที่เขานอนอยู่ในเปล และผึ้งทิ้งน้ำผึ้งไว้หยดหนึ่ง บิดาของอัมโบรสเข้าใจว่านี่เป็นเครื่องหมายว่าในอนาคตอัมโบรสจะมี “วาจาดุจน้ำผึ้ง” และต่อมาอัมโบรสได้กลายเป็นบิชอปและเป็นนักประพันธ์และนักเทศน์ผู้ยิ่งใหญ่
               อัมโบรสเคยเปรียบเทียบพระศาสนจักรว่าเป็นเหมือนรังผึ้ง เพราะรังผึ้งเป็นสัญลักษณ์ของ “ชุมชนคริสตชนที่มีความศรัทธาและเป็นหนึ่งเดียวกัน” และคริสตชนเปรียบเหมือนผึ้งที่ทำงานเพื่อฝูงผึ้งทั้งหมดและอุทิศตนด้วยการงานและชีวิตของพวกเขา

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น