พระเมตตาของพระเยซูเจ้า

จงบอกมนุษยชาติที่กำลังเจ็บป่วย ให้เข้ามาใกล้หัวใจอันเมตตาของเรา แล้วเราจะประทานสันติภาพให้แก่มนุษยชาติ พระเมตตาของเราไม่มีวันสิ้นสุดเลย

พระวาจาวันอาทิตย์ที่ 21 เมษายน 2024 พระเยซูเจ้าทรงเป็นผู้เลี้ยงแกะที่ดี

           เราเป็นผู้เลี้ยงแกะที่ดี ผู้เลี้ยงแกะย่อมสละชีวิตเพื่อแกะของตน ลูกจ้างที่ไม่ใช่ผู้เลี้ยงแกะและไม่เป็นเจ้าของแกะ เมื่อเห็นสุนัขป่าเข้ามาก็ละทิ้งบรรดาแกะและหนีไป สุนัขป่าแย่งชิงแกะ และฝูงแกะก็กระจัดกระจายไป ลูกจ้างวิ่งหนีเพราะเขาเป็นเพียงลูกจ้าง ไม่มีความห่วงใยฝูงแกะเลย เราเป็นผู้เลี้ยงแกะที่ดี เรารู้จักแกะของเรา และแกะของเราก็รู้จักเรา พระบิดาทรงรู้จักเราฉันใด เราก็รู้จักพระบิดาฉันนั้น เรายอมสละชีวิตเพื่อแกะของเรา เรายังมีแกะอื่น ๆ ซึ่งไม่อยู่ในคอกนี้ เราต้องนำหน้าแกะเหล่านี้ด้วย แกะจะฟังเสียงของเรา
           จะมีแกะเพียงฝูงเดียวและผู้เลี้ยงเพียงคนเดียว พระบิดาทรงรักเรา เพราะเราสละชีวิตของเราเพื่อจะเอาชีวิตนั้นคืนมาอีก ไม่มีใครเอาชีวิตไปจากเราได้ แต่เราเองสมัครใจสละชีวิตนั้น
           เรามีอำนาจที่จะสละชีวิตของเรา และมีอำนาจที่จะเอาชีวิตนั้นคืนมาอีก นี่คือพระบัญชาที่เราได้รับจากพระบิดาของเรา‘
(ยอห์น 10:11-18)








วันอาทิตย์ที่ 17 สิงหาคม พ.ศ. 2557

ด้วยสายตาแห่งความเชื่อ

  สายตาแห่งความเชื่อคืออะไร?
สายตาแห่งความเชื่อ คือสายตาที่เราใช้มองดูสิ่งที่ไม่ใช่ของโลกนี้แต่อยู่เหนือกว่า  เป็นสายตาที่มองไปในอนาคต  เป็นสายตาที่สามารถแยกแยะสิ่งถูกและผิดและสามารถทำให้เห็นหนทางที่จะมุ่งไปสู่สิ่งที่ดี
เรื่องราวต่างๆในพระคัมภีร์ทั้งหมดบอกว่า  พระเป็นเจ้าทรงยกย่องผู้มีความเชื่อ  ความเชื่อหมายถึงความมั่นใจในพระเป็นเจ้า   ยอมให้พระองค์ทรงกระทำทุกสิ่งต่อเราและนำทางเราไปในทุกแห่งทุกสถานการณ์ตามพระประสงค์ของพระองค์  ด้วยความเชื่อมั่นว่าสิ่งนั้นเป็นน้ำพระทัยของพระองค์  และเป็นแผนการของพระองค์ที่ทรงมีต่อชีวิตของเรา
ถ้ามีบางคนพูดถึงบางเรื่องเกี่ยวกับคุณในทางที่ไม่ดี?
จงสลัดมันทิ้งไปเสียจากชีวิตของคุณเหมือนสลัดฝุ่นดินออกจากรองเท้าของเรา  จงเรียนรู้ในเรื่องนี้เป็นอันดับแรก – คือสลัดละทิ้งสิ่งที่คนอื่นพูดหรือคิดถึงเราในทางที่ไม่ดี  มีบางเวลาที่เราทำสิ่งที่ถูกต้อง  แต่บ่อยครั้งปีศาจจะล่อลวงให้เราทำสิ่งที่ไม่ดีไม่ถูกต้อง  ทำให้เราตาบอดและเกิดความกลัว  เพื่อทำให้เราหมดกำลังใจ
ทันทีที่มันปรากฏต่อเรา  เราต้องรีบปฏิเสธมัน   เราต้องขุดรากของมันออกจากใจของเราทันที
ถ้าเราทำเช่นนี้บ่อยๆ  เราจะเรียนรู้วิธีในการกำจัดปีศาจได้ง่ายขึ้น
ขั้นต่อไป  เราต้องมองตัวเองในแสงสว่าง  อย่างที่พระเป็นเจ้าทรงทอดพระเนตรเห็นเรา  พระองค์ทรงรักเรายิ่งกว่าเรารักตัวเราเองเสียอีก  จงมองดูตัวเองตามความเป็นจริง – นี่เป็นพลังที่จะทำให้คุณกลายเป็นผู้รับใช้ที่ดีของพระเป็นเจ้าในนิรันดรภาพ  พระเป็นเจ้าทรงทราบดีว่า  ภายใต้เนื้อหนังแห่งร่างกายนี้  และส่วนลึกของชีวิตที่เต็มไปด้วยการดิ้นรนนี้  เป็นความสวยงามที่ซ่อนอยู่ภายในซึ่งพร้อมจะเปิดเผยออกมา  เหมือนดังเช่นดักแด้ที่อยู่ในรังเส้นใย  ซึ่งเมื่อถึงเวลาก็จะออกมาจากรังเส้นใยกลายเป็นผิเสื้อที่สวยงามบินโผผินไปในอากาศ
เราจะสวยงามเช่นนี้ได้อย่างไรหรือ?  เราต้องกลับไปที่เรื่องสายตาแห่งความเชื่อ  ด้วยสายตานี้เรามองข้ามความวุ่นวายของปัจจุบัน – มองข้ามปัญหาทุกอย่าง – และหันไปมองดูสิ่งดีๆที่มีอยู่  สิ่งที่เราต้องการให้เกิด  บุคคลที่เราต้องการเป็นเหมือนเขา
และถ้าสิ่งนั้นเป็นน้ำพระทัยของพระเป็นเจ้า  สิ่งนั้นคือเส้นทางที่เราต้องเดินตาม  เมื่อเรายกสายตาของเราขึ้นมองข้ามบุคคลที่ทำร้ายเรา  มองข้ามการทดลองต่างๆของโลกไม่ว่ามันจะร้ายกาจสักเพียงใด  นั่นเป็นเส้นทางเดินแห่งความรุ่งเรืองของเรา
บนกางเขน  พระเยซูคริสต์ทรงทอดพระเนตรขึ้นเบื้องบน  สวรรค์อยู่ในจิตใจของพระองค์แม้ว่าพระองค์ทรงถูกตรึงอยู่บนกางเขน  และพระองค์ทรงมอบสวรรค์ให้แก่โจรที่ถูกตรึงพร้อมกับพระองค์
ในทางตรงข้าม  ปีศาจต้องการให้เราสูญเสียความหวัง  ต้องการให้เราหมดกำลังใจ  ต้องการให้เราคิดว่าเราตกต่ำจนไม่สามารถขึ้นมาจากหลุมแห่งความตกต่ำนั้นได้  มันพยายามขัดขวางเราไม่ให้สวดภาวนา  แต่มันจะทำไม่สำเร็จถ้าเราจะสลัดมันทิ้งไปเสียด้วยการเอ่ยพระนามของพระเยซูเจ้า
เพราะฉะนั้นในครั้งต่อไปที่คุณรู้สึกท้อแท้ใจ  จงสลัดละความรู้สึกนั้น  เริ่มต้นสวดภาวนา  ในการภาวนานี้ให้คุณมองตนเองและสภาพของคุณในแสงสว่าง  มองดูปัญหาต่างๆของคุณที่ค่อยๆละลายหายไป  มองดูพระคริสตเจ้าผู้ทรงกำลังพยุงคุณให้ลุกขึ้นมาใหม่อีกครั้ง
ปีศาจจะมีอำนาจก็ต่อเมื่อคุณยอมมัน  พระคริสตเจ้าทรงเป็นผู้ปกครองเหนือทุกสิ่งและทุกสถานการณ์  พระองค์ทรงเป็นความยินดีและสันติสุข  ผู้ทรงกำลังรอคอยคุณและรักคุณมากเกินกว่าที่คุณคิด  แต่พระองค์ทรงรอให้คุณยกสายตาแห่งความเชื่อของคุณขึ้น  มองดูดินแดนแห่งความชื่นชมยินดีและเข้ามาสู่ดินแดนนี้

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น