“ให้เราสรรเสริญพระเป็นเจ้าตลอดเวลาเถิด”(ฮบ. 13:15)
วันที่ 28 ก.พ.
1944 หญิงสาวชาวดัทช์ชื่อ คอร์รี
เทนบูมและคนในครอบครัวของเธอถูกจับและส่งตัวไปค่ายกักกันชาวยิว ช่วงเวลานั้นนาซีกำลังยึดครองฮอล์แลนด์อยู่ ในท่ามกลางความทุกข์ยากลำบากอย่างยิ่งนี้ เบทซี่ พี่สาวของคอร์รี
ได้พูดเตือนคนในครอบครัวว่า
พระคัมภีร์กล่าวว่าให้เราขอบพระคุณพระเป็นเจ้าในทุกสิ่ง ทุกคนในครอบครัวจึงทำตามคำพูดของเธอ พวกเขาขอบพระคุณพระเป็นเจ้า แม้แต่ในเรื่องที่ถูกรบกวนจากเห็บหมัดในที่พักของค่ายกักกันนี้ พวกเขาขอบพระคุณพระเป็นเจ้าเสมอ และสังเกตเห็นว่ายามจะปล่อยพวกเขาให้อยู่ตามลำพังโดยไม่มาคอยควบคุม
ดังนั้นพวกเขาจึงสามารถอ่านและศึกษาพระคัมภีร์ได้และยังช่วยให้คนอื่นที่ถูกจับกุมมาพร้อมกันให้รู้จักและเชื่อในพระเยซูเจ้าอีกด้วย
พวกเขามารู้ภายหลังว่าที่ยามอยู่ห่างจากพวกเขาก็เป็นเพราะเห็บหมัดนี่เอง มองอีกด้านหนึ่ง
พระเป็นเจ้าทรงทำงานของพระองค์ในทุกสิ่งและพระองค์ทรงช่วยเหลือพวกเราด้วยวิธีการพิเศษ ขณะที่คอร์รีและเบทซี่สรรเสริญพระเป็นเจ้า พวกเธอก็สนใจในความยากลำบากของตัวเองน้อยลง
แต่สนใจในผู้อื่นที่ได้รับความยากลำบากเช่นเดียวกับเธอและได้แนะนำพวกเขาให้มารู้จักพระเยซูเจ้า
ในพระวรสารกล่าวว่า
พระเยซูเจ้าตรัสกับศิษย์ของพระองค์ว่า “ท่านทั้งหลายจงมาพักผ่อนกับเราตามลำพังในที่สงัดระยะหนึ่งเถิด”
(มก. 6: 31) การสรรเสริญและขอบพระคุณพระเป็นเจ้าเป็นสิ่งที่เราสามารถทำ ณ.ที่ใดก็ได้
ในถนน ในรถยนต์ ในห้องอาหาร ฯลฯ
เราเพียงแต่ยกจิตใจขึ้นหาพระเยซูเจ้าและขอบพระคุณพระองค์ในทุกสิ่งที่พระองค์ทรงกระทำเพื่อเรา และเช่นเดียวกับที่คอร์รีและเบทซี่ได้ค้นพบ ยิ่งเราสรรเสริญพระเป็นเจ้ามากเท่าไร
พระองค์ยิ่งทรงช่วยเหลือเรามากเพียงนั้น
“พระบิดา พระองค์ทรงพระทัยดีและทรงฤทธานุภาพ
ลูกขอบพระคุณพระองค์สำหรับความรักและพระเมตตาของพระองค์ที่ทรงมีต่อลูก ลูกขอสรรเสริญพระองค์ที่ทรงโอบอุ้มค้ำชูลูกไว้ในพระหัตถ์ของพระองค์”
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น