พระเมตตาของพระเยซูเจ้า

จงบอกมนุษยชาติที่กำลังเจ็บป่วย ให้เข้ามาใกล้หัวใจอันเมตตาของเรา แล้วเราจะประทานสันติภาพให้แก่มนุษยชาติ พระเมตตาของเราไม่มีวันสิ้นสุดเลย

พระวาจาวันอาทิตย์ที่ 3 สิงหาคม 2025 อุปมาเรื่องเศรษฐีโง่เขลาและความโลภ

          ประชาชนคนหนึ่งทูลพระเยซูเจ้าว่า ‘พระอาจารย์ โปรดบอกพี่ชายข้าพเจ้าให้แบ่งมรดกให้ข้าพเจ้าเถิด’ พระองค์จึงตรัสกับเขาว่า ‘มนุษย์เอ๋ย ใครตั้งเราเป็นผู้พิพากษาหรือเป็นผู้แบ่งมรดกของท่าน แล้วพระองค์ตรัสกับคนเหล่านั้นว่า ‘จงระวังและรักษาตัวไว้ให้พ้นจากความโลภทุกชนิด เพราะชีวิตของคนเราไม่ขึ้นกับทรัพย์สมบัติของเขา แม้ว่าเขาจะมั่งมีมากเพียงใดก็ตาม’ พระองค์ยังตรัสอุปมาเรื่องหนึ่งให้เขาทั้งหลายฟังอีกว่า ‘เศรษฐีคนหนึ่งมีที่ดินที่เกิดผลดีอย่างมาก เขาจึงคิดว่า “ฉันจะทำอย่างไรดี ฉันไม่มีที่พอจะเก็บพืชผลของฉัน” เขาคิดอีกว่า “ฉันจะทำอย่างนี้ จะรื้อยุ้งฉางเก่าแล้วสร้างใหม่ให้ใหญ่โตกว่าเดิม จะได้เก็บข้าวและสมบัติทั้งหมดไว้ แล้วฉันจะพูดกับตนเองว่า “ดีแล้ว เจ้ามีทรัพย์สมบัติมากมายเก็บไว้ใช้ได้หลายปี จงพักผ่อน กินดื่มและสนุกสนานเถิด” แต่พระเจ้าตรัสกับเขาว่า “คนโง่เอ๋ย คืนนี้ เขาจะเรียกเอาชีวิตเจ้าไป แล้วสิ่งที่เจ้าได้เตรียมไว้จะเป็นของใครเล่า คนที่สะสมทรัพย์สมบัติไว้สำหรับตนเองแต่ไม่เป็นคนมั่งมีสำหรับพระเจ้า ก็จะเป็นเช่นนี้”
(ลูกา 12:13-21)








วันพุธที่ 8 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

ทำไมพระเป็นเจ้าไม่ทำลายปีศาจให้สูญสิ้นไป

คำถาม :  คุณพ่อฟอร์ทีคะ  ทำไมพระเป็นเจ้าไม่ทำลายปีศาจให้หมดไปเสียเลยล่ะคะ?
คุณพ่อฟอร์ที  : ด้วยความรักอันยิ่งใหญ่ของพระเป็นเจ้า  พระองค์จึงไม่ประสงค์ที่จะทำลายสิ่งสร้างที่มีสติปัญญาเฉลียวฉลาดซึ่งพระองค์ทรงสร้างมา  ซึ่งก็รวมทั้งปีศาจด้วย  การที่ปีศาจยังคงอยู่  จะเป็นสิ่งที่แสดงให้เห็นถึงพระยุติธรรมของพระเป็นเจ้า  เป็นการประกาศว่ากฎเกณฑ์ของพระเป็นเจ้านั้นจะล่วงละเมิดมิได้  ผู้ใดที่ล่วงละเมิดกฎของพระองค์จะเปลี่ยนแปลงสภาพของตนเอง  และถ้าเขายังคงเลือกที่จะไม่สำนึกผิดกลับใจในการทรยศนั้น  สภาพที่เปลี่ยนแปลงไปก็จะคงอยู่นิรันดร  เหมือนดังตัวอย่างของปีศาจ  พวกมันเป็นข้อพิสูจน์ที่น่าเกรงขามของกฏระเบียบอันศักดิ์สิทธิ์นี้
ในอีกแง่หนึ่ง  แม้แต่ปีศาจซึ่งถูกสร้างให้สมบูรณ์เพียบพร้อม  ก็ไม่สามารถทำลายความงดงามในการสร้างสรรค์ของพระเป็นเจ้าด้วยความน่าเกลียดของพวกมันได้  แต่กลับทำให้เรามองเห็นความงดงามของพระหัตถกิจของพระเป็นเจ้ามากยิ่งขึ้นเมื่อเปรียบเทียบกับความน่าเกลียดของพวกมัน  อาสนวิหารคงจะไม่ดูสวยงามมากขึ้นถ้าเราเอารูปปั้นการ์กอย (รูปปั้นผีปีศาจ) ที่ประดับอยู่นั้นออกไป   ดังที่ได้กล่าวมาแล้ว  ปีศาจแสดงให้เราเห็นถึงพระยุติธรรม, ความศักดิ์สิทธิ์และพระปรีชาญาณของพระเป็นเจ้าในการสร้างสรรค์สรรพสิ่งอย่างมีระเบียบเช่นนี้  จะเป็นการดีกว่าที่จะไม่มีบาปและความชั่วร้ายเข้ามาสู่สิ่งสร้างของพระองค์  อย่างไรก็ตามการมีอยู่ของปีศาจก็สามารถชี้ให้เห็นได้ว่า  อะไรที่เป็นความดี, ความจริง, ความสวยงามและความศักดิ์สิทธิ์  แม้แต่อาสนวิหารที่ยิ่งใหญ่ซึ่งมีหอคอยสูงลิ่วและสลักเสลาอย่างสวยงาม  ก็ยังมีบางมุมที่มืดทึบ  สำหรับปีศาจแล้ว  แม้กาลเวลาผ่านไปเป็นศตวรรษๆๆๆ  มันก็ไม่มีความหวัง  ไม่ต้องสงสัยเลย  ในความสิ้นหวังและเต็มไปด้วยความเศร้านี้  ถ้าหากมันสามารถทำลายตัวเองหรือฆ่าตัวตายได้  มันต้องทำอย่างแน่นอนเพื่อจะได้พ้นจากความทุกข์ของพวกมัน  แต่พวกมันเป็นจิตบริสุทธิ์  ชีวิตของปีศาจจึงไม่สามารถทำลายได้  จิตบริสุทธิ์ไม่มีอวัยวะ  ไม่สามารถใช้ยาพิษทำลาย  มันไม่หิวโหย  และไม่สามารถตายเพราะความโศกเศร้าได้  ไม่ว่าจะทำอย่างไรก็ตาม  มันก็ยังมีชีวิตอยู่ชั่วนิรันดร
อย่างไรก็ตาม  ดังที่กล่าวไว้  แม้ว่าปีศาจจะทนทุกข์ทรมานไปตลอดชั่วนิรันดร  แม้ว่าพวกมันจะไม่สำนึกและตระหนักว่า  การคงอยู่ของพวกมันเป็นพระพรของพระเป็นเจ้า  และแม้ว่ามันจะยังกระทำการด้วยความเกลียดชังซ้ำแล้วซ้ำเล่า และอยู่ห่างไกลจากพระเป็นเจ้า  สิ่งที่มันรับรู้และมีประสบการณ์ก็คือธรรมชาติของการดำรงอยู่ไม่สามารถตายได้นั้น  เป็นธรรมชาติที่พิเศษของพวกมัน

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น