น้ำมันปลาเริ่มเป็นที่สนใจมาประมาณ
30 ปี เมื่อมีข้อมูลว่าชาวเอสกิโม ที่บริโภคปลาในปริมาณสูง
จะมีปัญหาเส้นเลือดอุดตันน้อย ระดับไขมันในเลือดต่ำ
และการเกาะตัวของเกล็ดเลือดน้อยกว่าชาวเดนมาร์กซึ่งกิน เนื้อสัตว์มากกว่า
นอกจากนี้ ยังพบว่าชาวญี่ปุ่นในหมู่บ้านชาวประมง ที่บริโภคปลาในปริมาณมาก
จะมีโรคหลอดเลือดหัวใจ
การเกาะตัวของเกล็ดเลือดและความหนืดของเลือดน้อยกว่าชาวญี่ปุ่นในหมู่บ้านที่เลี้ยงสัตว์
กลุ่มกรดไขมันที่เรียกว่า
โอเมก้า 3 คือ ไขมันไม่อิ่มตัวชนิดหนึ่ง พบมากในปลาทะเลน้ำลึก เป็นไขมันจำเป็น
ต้องได้รับจากอาหาร เนื่องจากร่างกายสร้างขึ้นเองไม่ได้ สารอาหารที่สำคัญมี 2
ชนิด คือ อีพีเอ และ ดีเอชเอ ปลาทะเลน้ำลึก ที่ให้สารอาหารโอเมก้า 3
ได้แก่ ปลาซาร์ดีน ปลาเฮอร์ริ่ง ปลาแมคเคอเรล ปลาแซลมอน และปลาทูน่า
ปลาในอ่าวไทย ที่มีปริมาณโอเมก้า 3 สูง ได้แก่ ปลาทู
และที่มีในปริมาณน้อย ถึงปานกลาง ได้แก่ ปลาอีกา ปลากะพง ปลาตาเดียว ส่วน
ปลาน้ำจืดบางชนิด เช่น ปลาช่อน ปลานวลจันทร์ จะพอมีโอเมก้า 3 บ้าง ซึ่งมากกว่าปลาน้ำจืดอื่นๆ
สำหรับความสำคัญของโอเมก้า
3 ในเด็ก กรด DHA มีความสำคัญต่อการเจริญพัฒนาสมองและดวงตาของเด็กทารก
โดยเฉพาะในช่วง 3 เดือนก่อนคลอด การขาดของ DHA จะมีความสัมพันธ์กับโรคสมาธิสั้น โดยเด็กที่มีระดับ DHA ต่ำจะมีปัญหาด้านพฤติกรรม อารมณ์
การนอนและการเรียนรู้มากกว่าเด็กกลุ่มที่มีระดับ DHA ปกติ
และเมื่อได้รับ DHA เสริม อาการต่าง ๆ จะดีขึ้น
ส่วนความสำคัญของโอเมก้า
3 ในผู้ใหญ่และคนสูงอายุ จะช่วยลดระดับไตรกลีเซอไรด์ในเลือด
และเพิ่มระดับไขมันชนิดดีซึ่งช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดโรคหลอดเลือดได้
ลดการเกาะตัวของเกล็ดเลือด ทำให้เกิดลิ่มเลือดอุดตันได้ยากขึ้น
ช่วยลดความดันโลหิตได้เล็กน้อย ลดอุบัติการของโรคหลอดเลือดหัวใจ
จากการลดการเกาะตัวของเกล็ดเลือด ป้องกันโรคความจำเสื่อม
ชะลอหรือป้องกันการเจริญของเซลล์มะเร็ง
นอกจากโอเมก้า
3 แล้ว ปลายังเป็นแหล่งโปรตีนคุณภาพดี ย่อยง่าย และในปลาทะเลยังมีไอโอดีน
ซึ่งช่วยป้องกันปัญหาเรื่องคอพอก และช่วยการเจริญพัฒนาของสมองเด็กในช่วงปีแรกด้วย
ข้อควรระวังในการกินโอเมก้า
3 เนื่องจากน้ำมันปลาลดการเกาะตัวของเกล็ดเลือด
ดังนั้นการกินปลาในปริมาณมากต่อเนื่องกัน หรือกินผลิตภัณฑ์เสริมอาหารน้ำมันปลา
จะทำให้มีปัญหาเรื่องเลือดออกหยุดยากโดยเฉพาะหากกินร่วมกับยาต้านเกล็ดเลือด เช่น
แอสไพรินหรือโคลพิโดเกรล
หาก
กินปลาทะเลมากกว่า 8 ครั้งต่อสัปดาห์ นอกจากจะมีปัญหาเรื่องเลือดหยุดยากแล้ว
ยังจะทำให้ระบบภูมิคุ้มกันทำงานลดลงด้วย
สิ่งที่ควรระวังอีกอย่างในการบริโภคปลาทะเลปริมาณมาก คือ การปนเปื้อนโลหะหนัก
โดยเฉพาะสารปรอท ดังนั้นหากบริโภคมากเกินไป จะเกิดการสะสมและเป็นพิษได้
ขอขอบคุณข้อมูลจาก• รศ.พญ.ปรียานุช แย้มวงศ์ (www.index2you.com)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น